ความพร้อมด้านเทคโนโลยีไทยตกอันดับโลก เป็นรองอินโดฯ –เวียดนาม
อนุฯ คุ้มครองผู้บริโภคโทรคมนาคม จี้ ร่างแผนการจัดการเพื่อความทั่วถึง ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด-เน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มชนเผ่า-ผู้พิการ-ผู้สูงอายุ
วันที่ 26 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และกลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กสทช. จัดการประชุม “แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการสังคมกับการมีส่วนร่วมของกลุ่ม/เครือข่ายชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม”
นายศรีสะเกษ สมาน อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า จากการระดมความคิดเห็นของกลุ่มเครือข่าย เช่น กลุ่มชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ในเรื่องการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและเทคโนโลยี ร่างแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมฉบับนี้ จึงได้มีการเสนอแนวทางปรับเปลี่ยนวิธีการระดมทุนจากผู้ให้บริการ จากเดิมที่กำหนดให้ผู้ให้บริการเลือกได้ว่า จะยื่นแผนการดำเนินงานต่อ กสทช. หรือจะจัดสรรเงินร้อยละ 4 ของรายได้ ซึ่งตามแผนการจัดการฯ เดิมนั้นมีเงินกองทุนฯทั้งสิ้น 2,929 ล้านบาท แต่ร่างแผนการจัดการฯฉบับนี้เปลี่ยนจากวิธีการ ทำหรือจ่าย เป็นวิธีการประมูล
“ทั้งนี้ การระดมทุนจะนำมารวมไว้ที่กองกลาง กล่าวคือสำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. ก่อน จากนั้นจึงเปิดให้มีการประมูลในส่วนของการพัฒนาโครงข่าย โดยผู้ประมูลราคาต่ำสุด จะได้ทำโครงการเพื่อขยายโครงข่ายการเข้าถึงบริการตามแผนงานของ USO อย่างไรก็ตาม วิธีการดังกล่าว อาจดีในแง่การปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายในด้านการเข้าถึง แต่งานของ USO ควรรวมไปถึงการศึกษาวิจัยด้านเทคโนโลยีและบริการ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนด้อยโอกาส เช่น คนพิการทางสายตาและการเคลื่อนไหว ผู้สูงอายุ ทั้งนี้ การพัฒนาศักยภาพต้องเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากขึ้น เพื่ออุดช่องว่างและทำให้การทำงานเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง สามารถป้องกันปัญหาได้”
ขณะที่ นายจิรศิลป์ จรรยากุล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า การเน้นพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่ชนบทมากจนเกินไป อาจทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากโทรศัพท์พื้นฐานมีราคาถูกกว่า ดังนั้น จึงควรใช้ระบบ wireless มาช่วยแทนการลากสายเข้าบ้าน ก็จะทำให้สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้มากขึ้น
“ข้อมูลจากสำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชน ปี 2553 มีจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีทีทั่วราชอาณาจักรร้อยละ 78 คิดเป็น 15,158,000 ครัวเรือน ขณะที่สถิติจำนวนครัวเรือนที่ไม่มีอุปกรณ์ไอซีที ในกรุงเทพ มีจำนวนร้อยละ 55 คิดเป็น 1,109,00 ครัวเรือน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที ร้อยละ 87”
นายจิรศิลป์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2552-2553 และปี 2553-2554 ของ World Economic Forum พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งานไอซีที ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลังเวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซียและเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในวันที่ 27 ม.ค.55 จะมีการจัดประชุม เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการสังคม ที่ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต ตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป