"ยุทธศักดิ์"ขอคุมดับไฟใต้-ใช้แนวทางทหาร! นราฯป่วนบึ้มรถนายอำเภอรอดหวิว
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงคนใหม่มึน สมช.นั่งตบยุงมา 5 เดือน ไม่เคยประชุมแม้แต่ครั้งเดียว เตรียมขันน็อตงานด้านการข่าว พร้อมขอคุมงาน "ดับไฟใต้" เดินหน้าจัดองค์กรบูรณาการตามแผนของทหารที่นายกฯยังไม่ลงนามอนุมัติ ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ ดักระเบิดรถนายอำเภอระแงะ โชคดีนั่งรถหุ้มเกราะ รอดตายหวุดหวิด
ยังคงมีข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของงานด้านความมั่นคง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลชุดนี้ แม้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนของฝ่ายความมั่นคงไปแล้วก็ตาม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเพิ่งถูกโยกจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และได้รับมอบหมายงานใหม่ให้ดูแลงานด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ม.ค.2555 ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้พบกับข้าราชการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ม.ค. โดย สมช.รายงานว่า ไม่ได้ประชุมมาเกือบ 5 เดือนแล้ว ฉะนั้นใน 2 สัปดาห์นี้จะต้องเริ่มประชุมครั้งแรก
ส่วน สขช.เป็นเรื่องใหม่ของเขา และเป็นงานที่สนใจมากที่สุด จึงอยากดูว่าจะทำงานได้ผลเพียงใด โดยเฉพาะการประสานการข่าวกับต่างประเทศ ฉะนั้นจะต้องไปเยี่ยมและดูแลใกล้ชิด เพราะช่วงเริ่มต้นงานต้องพบกับข่าวกรองหลายครั้งในรอบสัปดาห์ เพื่อกระชับงานให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น และต้องรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการด้านการข่าวต่อนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์
"ผมจะให้ความสำคัญกับหน่วยข่าวของเหล่าทัพ เพราะสายความมั่นคงนั้นมีการประสานการข่าวระหว่างกองทัพของไทยกับต่างประเทศด้วย และในระดับชาติจะประสานทางข้างอย่างไร เป็นความคิดของผมที่อยากทำและต้องไปหารือกันต่อ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปรับการทำงานของ สมช.หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เขากับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช.สนิทสนมกันและได้คุยกันแล้ว โดยร่วมกันวางยุทธศาสตร์ใหม่ ส่วนจะดึง นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช.กลับมาทำหน้าที่เดิมหรือไม่นั้น คงต้องขอไปเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปของ สมช.ก่อน เมื่อเข้าใจแล้วค่อยจัดรูปแบบการทำงาน
"ก่อนที่ผมจะหมดหน้าที่ไป อย่างน้อยผมอยากสร้างยุทธศาสตร์ใหม่ของงานความมั่นคงไทยให้ทันสถานการณ์โลก เพราะยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงในวันนี้ไม่ทันกัน ผมอยากทำเรื่องนี้ให้ทัน ใช้เวลาไม่กี่ปี ผมจะดึงนายทหารยุทธศาสตร์หลายคนที่มีรายชื่อไว้แล้ว และดึง สมช.กับสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาร่วมงานด้วย"
ขอคุมดับไฟใต้-ลั่นใช้แนวทาง"ทหาร"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปรับแนวทางการทำงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้จะเชิญกองทัพบกที่ดูแลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มาพบกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะตอนนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งการเรื่องบูรณาการองค์กรในภาคใต้
"หลังจากนายกฯกลับมา (จากเยือนประเทศอินเดียและร่วมประชุมเวิลด์อีโคโนมิคส์ ฟอรั่ม ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) จะพาผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เข้าพบนายกฯเพื่ออธิบายภาพของภาคใต้ให้ทราบ และเมื่อนายกฯสั่งการ ผมจะเป็นตัวแทนนายกฯที่ดูแลงานด้านนี้ และต้องเริ่มทำงานระบบใหม่โดยเริ่มบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ ในภาคใต้ ไม่ใช่แบบต่างหน่วยต่างทำเหมือนเมื่อก่อน"
เมื่อซักว่า จะมีการสรุปบทวิเคราะห์การแก้ปัญหาภาคใต้อย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทราบจุดแข็งและจุดอ่อนแล้ว และมีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุง ตอนนี้รายงานให้นายกฯทราบแล้ว จากกราฟการทำงานนั้นพบว่าหลายเรื่องที่ไม่สำคัญมีมากเกินไป เรื่องที่ควรให้ความสำคัญกลับน้อยเกินไป จึงต้องปรับให้อยู่ในระดับร้อยละห้าสิบขึ้นไป และทำอย่างไรจะบูรณาการงานภาคใต้ให้เป็นไปตามแผนใหม่ที่กองทัพเสนอ
"เราจะไม่ทำงานตามรูปแบบเดิมๆ ต่อไปนี้มีรูปแบบใหม่ที่จะทำ ทันทีที่นายกฯอนุมัติ ผมจะลงพื้นที่ทันทีตามแผนที่วางไว้" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
ย้อนรอยปัญหางาน สมช.และองค์กรบริหารใหม่ดับไฟใต้
สำหรับงานของ สมช.ที่ประสบปัญหาหยุดชะงัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลได้สั่งย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ตั้งแต่รัฐบาลเข้ารับหน้าที่ใหม่ๆ โดยอ้างปัญหาเรื่องความเหมาะสม เนื่องจากนายถวิลเคยทำหน้าที่เป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หลังจากปรับนายถวิลออกไป รัฐบาลได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาดำรงตำแหน่งแทน แต่ตลอดหลายเดือนที่ทำหน้าที่ก็ยังไม่สามารถแสดงบทบาทโดดเด่นให้กับหน่วยงานที่คุมงานด้านความมั่นคงของประเทศอย่าง สมช.
ส่วนปัญหาองค์กรบูรณาการใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นแนวคิดของ กอ.รมน.ที่เสนอให้มีคณะกรรมการนโยบายแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ นชต.มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่คุมงานในระดับนโยบาย และมีคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กบชต.ทำหน้าที่บูรณาการในระดับพื้นที่ โดย กบชต.นั้น ตามโครงสร้างใหม่มอบหมายให้ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน สามารถบังคับบัญชาทุกหน่วยราชการในระดับพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จ รวมทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.ที่จะต้องย่อส่วนลงเป็น "ศอ.บต.ส่วนแยก" ขึ้นตรงกับแม่ทัพภาคที่ 4
โครงสร้างใหม่นี้ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากที่ประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2554 และ กอ.รมน.เป็นเจ้าภาพจัดเวิร์คชอป (ประชุมเชิงปฏิบัติการ) เพื่อรับฟังความเห็นของทุกหน่วยเมื่อวันที่ 18-19 ต.ค. ทว่าจนถึงปัจจุบันโครงสร้างใหม่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน.
ดักบึ้มรถนายอำเภอระแงะรอดหวุดหวิด
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.45 น.วันพฤหัสบดีที่ 26 ม.ค.2555 ร.ต.อ.นเรศ พุ่มแก้ว ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหาร นายศุภวริศ เพชรกาฬ นายอำเภอระแงะ ที่บริเวณทางโค้งเลียบเส้นทางรถไฟบ้านฮุลูปาเร๊ะ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ใกล้กับที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ฌข 1471 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งนายอำเภอระแงะจอดเสียหลักอยู่กลางถนน โดยรถอยู่ในสภาพเสียหาย ประตูด้านคนขับและประตูหลังรวมทั้งกระจกทั้ง 2 บานถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูพรุน ส่วนบริเวณหัวโค้งริมถนนฝั่งตรงข้ามมีหลุมระเบิดขนาดใหญ่ มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ในกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารกระจายเกลื่อน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กง 9880 ปทุมธานี ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายอีกคันหนึ่งด้วย
สอบปากคำ นายศุภวริศ นายอำเภอระแงะ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางพร้อมกำลังอาสารักษาดินแดน (อส.) จำนวน 4 นาย นั่งรถกระบะหุ้มเกราะประจำตำแหน่งออกจากบ้านพัก เพื่อเดินทางไปเป็นประธานในพิธีปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติฯ ที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 5 ต.บองอ อ.ระแงะ แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้วิทยุสื่อสารกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่นำไปฝังไว้บริเวณโคนต้นไม้ริมถนนจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะนั้นเป็นจังหวะที่รถแล่นผ่านพอดี แต่อยู่คนละฟากถนน
ขณะเดียวกัน นายมะฮูเซ็ง กาเซ็ง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 259/1 หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ ได้ขับรถยนต์เก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค สวนทางมาพอดี จึงถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายทั้งสองคัน โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ประกบยิงนักเรียนอายุ 15 – ซัลโวกำนันยะรังแต่พลาดเป้า
เวลา 17.15 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงนักเรียนอายุ 15 ปีของโรงเรียนดารุสสลาม ตั้งอยู่ในท้องที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ กระสุนถูกบริเวณหน้าอก 2 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 4055 ตันหยงมัส-ดุซงญอ ท้องที่บ้านบาโงตา หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่การทะเลาะวิวาทกันของกลุ่มนักเรียน
ช่วงเย็นวันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถยนต์เก๋งเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมูฮำหมัดเปาซี โต๊ะฮีเล อายุ 41 ปี กำนันตำบลปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 104 บ้านบาซาเอ หมู่ 3 ต.ปิตูมุดี โชคดีกระสุนพลาดเป้า แต่นายมูฮำหมัดเปาซีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากรถจักรยานยนต์ล้ม เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านราบอ บ้านย่อยของบ้านบาซาเอ หมู่ 3 ต.ปิตูมุขณะนายมูฮำหมัดเปาซีกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปร่วมงานมงคลสมรสและดื่มน้ำชาในหมู่บ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ยิงสาวใหญ่ปางตายกลางตลาดนัด
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพุธที่ 25 ม.ค. เวลา 12.30 น. คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นางสาลีฮัน ยูนุ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 บ้านใหม่ หมู่ 3 ต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณตลาดนัดบ้านปะกาจินอ หมู่ 6 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก ขณะนางสาลีฮันกำลังเดินเข้าไปในตลาดเพื่อซื้อของ
สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า หนึ่งในคนร้ายได้ลงจากรถจักรยานยนต์แล้วเดินตามหลังนางสาลีฮัน ก่อนชักอาวุธปืนพกออกมาจ่อยิงในระยะประชิด ทำให้นางสาลีฮันทรุดฮวบลงกับพื้น หลังก่อเหตุคนร้ายวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่แล้วหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ดับ ชรบ.ที่ยะหา-ผู้ใหญ่บ้านบองอ
ช่วงค่ำวันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 ประกบยิง นายหามะ วิชา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/3 บ้านเคละ หมู่ 4 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้าน บ้านเคละ หมู่ 4 ต.บาโร๊ะ ขณะนายหามะกำลังเดินกลับบ้านหลังเสร็จพิธีละหมาดที่มัสยิด เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากนายหามะเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
วันอังคารที่ 24 ม.ค.เวลา 10.10 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง นายหนิและ เง๊าะ อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านบาโงกูโบ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดในท้องที่บ้านป่าไผ่ หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ขณะที่นายหนิและกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปประชุม ณ ที่ว่าการอำเภอระแงะ โดยหลังก่อเหตุ คนร้ายได้ขโมยอาวุธปื่นประจำกายของนายหนิและไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
14 ผู้ต้องหา-ผู้ต้องสงสัยร่วมโครงการ "ยะลาสันติสุข"
ด้านความเคลื่อนไหวของภาครัฐ เมื่อวันพุธที่ 25 ม.ค.เวลา 14.00 น.ที่ ศูนย์ยะลาสันติสุข ห้องหลักเมือง ชั้น 2 อาคารศาลากลางจังหวัดยะลา (หลังเก่า) นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ในฐานผู้อำนวยการศูนย์ยะลาสันติสุข ได้รับรายงานตัวผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงในพื้นที่ จ.ยะลา จำนวน 14 ราย โดยแยกเป็นบุคคลต้องสงสัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถออกหมายจับได้จำนวน 2 ราย และบุคคลที่มีหมายจับของทางราชการในคดีความมั่นคงซึ่งได้หลบหนีหมายจับจำนวน 12 ราย โดยบุคคลกลุ่มนี้เมื่อทราบนโยบาย "ยะลาสันติสุข" ของจังหวัด จึงได้ขอเข้ามอบตัวต่อผู้ว่าฯยะลา
โอกาสนี้ทางจังหวัดได้ออกหนังสือรับรองให้กับบุคคลที่มีหมายจับ เพื่อใช้ประกอบในการยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลและพนักงานสอบสวน
นายเดชรัฐ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายยะลาสันติสุข เป็นการสร้างความเป็นธรรมแก่ราษฎรที่มาแสดงตนกรณีที่รู้สึกว่าไม่ได้ความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือกลุ่มหลงผิด หรือไม่มีเจตนาในการกระทำความผิด เพื่อให้โอกาสในการกลับตัวเป็นคนดี หรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งตั้งแต่เดือน ต.ค.2552 จนถึงวันที่ 25 ก.ย.2554 มีผู้มาแสดงตนแล้วรวมทั้งสิ้น 185 ราย ซึ่งทางจังหวัดยืนยันจะให้ความเป็นธรรม กับผู้เข้ารายงานตัวทุกๆ คน พร้อมทั้งดูแลเรื่องการประกอบอาชีพให้ด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 14 รายที่เข้าแสดงตนต่อผู้ว่าฯยะลา
หมายเหตุ : ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ ภาพผ่านการปรับแต่งโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา
ขอบคุณ : ข่าว พล.อ.ยุทธศักดิ์ จากสำนักข่าวเนชั่น