- Home
- Isranews
- ข่าว
- กฤษฎีกาชี้ขาดก.ยุติธรรม แก้ระเบียบจ่ายค่าตอบแทนผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรศพหัวละ800บ.ไม่ได้
กฤษฎีกาชี้ขาดก.ยุติธรรม แก้ระเบียบจ่ายค่าตอบแทนผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรศพหัวละ800บ.ไม่ได้
เผยความเห็นทางกฎหมาย 'กฤษฎีกา' ชี้ขาด 'ก.ยุติธรรม' แก้ไขระเบียบเพิ่มเติมจ่ายค่าตอบแทนจนท.ผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรพลิกศพไม่ได้ เหตุเกินอำนาจกม.แม่บทกำหนดไว้
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบความเห็นทางกฎหมาย เรื่องการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์และผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสิบสอง ตามที่ กระทรวงยุติธรรม ถึงหนังสือขอสอบถาม หลังจากถูกกระทรวงสาธารณสุข แจ้งขอให้ทบทวนอัตราค่าตอบแทน พร้อมออกระเบียบกระทรวงยุติธรรมเพิ่มเติมสำหรับบุคลากรผู้ช่วยเหลือแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากแพทย์ในการออกชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวสามารถเบิกค่าตอบแทนได้ดังกล่าว
โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) มีความเห็นว่า มาตรา 150 วรรคสิบสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บัญญัติให้แพทย์ตามวรรคหนึ่งและเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พัก ตามระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จะเห็นได้ว่า บทบัญญัติดังกล่าว มิได้หมายความรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพแต่อย่างใด
ดังนั้น การที่กระทรวงยุติธรรมจะแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนฯ เพื่อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนฯ จึงเป็นการออกระเบียบซึ่งเกินอำนาจที่กฎหมายแม่บทกำหนดไว้ จึงไม่สามารถกระทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ กระทรวงยุติธรรม ได้ออกระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์ และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งได้กำหนดอัตราค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการสำหรับกรณีต่าง ๆ ไว้ ดังต่อไปนี้
1. กรณีการชันสูตรพลิกศพในที่ที่ศพอยู่ ให้จ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการแก่แพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพในแต่ละครั้ง ไม่เกิน 800 บาท ต่อคน (ข้อ 4 ของระเบียบฯ)
2. กรณีการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาล สถาบันนิติเวชวิทยา สถาบันอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับการนั้น (ข้อ 5 ของระเบียบฯ)
2.1 ค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการที่จ่ายให้แก่แพทย์ผู้ทำการตรวจสภาพศพภายนอก ศพละไม่เกิน 500 บาท
2.2 ค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการที่จ่ายให้แก่แพทย์ผู้ทำการผ่าพิสูจน์ภายในศพ ศพละไม่เกิน 1,000 บาท
2.3 ค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการที่จ่ายให้แก่แพทย์ผู้ทำการผ่าตรวจภายใน และตัดตรวจชิ้นเนื้อศพ ศพละไม่เกิน 2,000 บาท
3. ในกรณีที่การชันสูตรพลิกศพตามข้อ 4 หรือข้อ 5 ของระเบียบฯ ได้กระทำโดยแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์หรือพยาธิแพทย์ ให้จ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการให้แก่แพทย์นั้นเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการตามข้อ 4 หรือข้อ 5 ของระเบียบฯ อีกกึ่งหนึ่ง
ต่อมา กระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือ ขอให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการ ทบทวนอัตราค่าตอบแทนตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ ทบทวนอัตราค่าตอบแทนตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากแพทย์ให้ไปชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2542 มาตรา 7 พ.ศ. 2543 พร้อมออกระเบียบกระทรวงยุติธรรมเพิ่มเติมสำหรับบุคลากรผู้ช่วยเหลือแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากแพทย์ในการออกชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวสามารถเบิกค่าตอบแทนได้
กระทรวงยุติธรรม พิจารณาแล้วเห็นว่า ระเบียบกระทรวงยุติธรรมทั้งสองฉบับดังกล่าว ได้ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการกำหนดอัตราค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนความไม่ครอบคลุมกับการดำเนินงานในปัจจุบัน จึงได้มีคำสั่งที่ 237/2559 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2559 แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าตอบแทนสำหรับการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาขึ้น และได้มีการจัดประชุมคณะทำงานฯ แล้ว จำนวน 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมได้มีมติให้ฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ ขอหารือมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อความชัดเจนในการกำหนดคำนิยามให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพที่ได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานผู้ทำหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสิบสอง และเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 พ.ศ. 2543 ได้หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการตีความ ในการนี้ กระทรวงยุติธรรมจึงขอหารือในประเด็นดังกล่าวมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) ได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวงยุติธรรม โดยมีผู้แทนกระทรวงยุติธรรม (สำนักงานปลัดกระทรวง) และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวง) เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามคำชี้แจงของผู้แทนว่า มาตรา 150 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กำหนดให้แพทย์ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และพนักงานฝ่ายปกครองตำแหน่งตั้งแต่ระดับปลัดอำเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไป แล้วแต่กรณี เป็นผู้ชันสูตรพลิกศพ
แต่ในทางปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพ แพทย์และเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่สามารถดำเนินการชันสูตรพลิกศพได้เองเพียงลำพัง จำเป็นต้องมีผู้ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น แพทย์จะต้องมีพยาบาลคอยช่วยเหลือในการชันสูตรพลิกศพ และเจ้าพนักงานต้องมีผู้ช่วยในการปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการชันสูตรพลิกศพดังกล่าว ไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 พ.ศ. 2543 กระทรวงสาธารณสุขจึงขอให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) ได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวงยุติธรรมประกอบกับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏสามารถกำหนดประเด็นการพิจารณาได้เป็น 2 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง กระทรวงยุติธรรมจะสามารถแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 พ.ศ. 2543 เพื่อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามมาตรา 150 วรรคสิบสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้หรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) เห็นว่า มาตรา 150 วรรคสิบสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บัญญัติให้แพทย์ตามวรรคหนึ่งและเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พัก ตามระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จะเห็นได้ว่า บทบัญญัติดังกล่าว มิได้หมายความรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพแต่อย่างใด ดังนั้น การที่กระทรวงยุติธรรมจะแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนฯ เพื่อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนฯ จึงเป็นการออกระเบียบซึ่งเกินอำนาจที่กฎหมายแม่บทกำหนดไว้ จึงไม่สามารถกระทำได้
ประเด็นที่สอง กระทรวงยุติธรรมจะแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 พ.ศ. 2543 เพื่อกำหนดบทนิยามให้ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามมาตรา 150 วรรคสิบสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้หรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) เห็นว่า เมื่อได้วินิจฉัยในประเด็นที่หนึ่งแล้วว่า การแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนฯ เพื่อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนฯ ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเกินอำนาจที่กฎหมายแม่บทกำหนดไว้ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้อีก