ปมพิพาทที่ดิน จ.พังงา! บ.กุ้ยหลินฯแจง น.ส.3 ออกถูกต้อง อ้างคำพิพากษาฎีกาคดีแพ่ง

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา 16:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ปมพิพาทที่ดิน 3 แปลง ต.ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา หลังศาลอุทธรณ์พิพากษา ใช้ส.ค.1 บิน ออกบนที่สาธารณะ ทนาย บ.กุ้ยหลินแจง ‘อิศรา’ น.ส.3 ถูกต้องทุกแปลง อ้างคดีแพ่งฟ้องขับไล่ชาวบ้านพื้นที่เดียวกัน ศาลฎีกาตัดสินแล้วให้ชนะ

picnkddddddd

คดีพิพาทการถือครองเอกสารสิทธิ์ที่ดิน หมู่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา จ.พังงา ของ บริษัท กุ้ยหลินพังงา จำกัด และเป็นโจทก์ร่วม แจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้าน 4 คน ในข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ เมื่อ 17 ก.พ. ปี 2555 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2558 ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2559 ว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) 3 แปลง (ฉบับ) ได้แก่ เลขที่ 21, เลขที่ 142 และ เลขที่ 144 รวมเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ ออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอน น.ส.3 เอากลับมาเป็นที่ของรัฐหรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างฎีกา

ในห้วงคดีอยู่ระหว่างพิพาท เอกชนได้นำ น.ส.3 จำนวน 3 แปลง ไปยื่นรังวัดออกเป็นโฉนด และได้รับแจกเป็นโฉนดจำนวน 6 แปลง (ฉบับ) เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2557 ต่อมา เอกชน นำโฉนด 1 แปลง ได้แก่โฉนดเลขที่ 18630 และโฉนดแปลงอื่น เลขที่ 18633 ไปขายต่อให้กระทรวงการคลัง ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2558 ซึ่ง โฉนดเลขที่ 18630 ดังกล่าวออกมาจาก น.ส.3 เลขที่ 21 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า เป็น น.ส.3 ฉบับที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ขณะที่โฉนดเลขที่ 18633 ที่ขายให้กระทรวงการคลังอีกหนึ่งแปลง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตรวจสอบพบว่าออกโดยมิชอบ เป็นการออกโฉนด โดยไม่มีหลักฐานเดิม และไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เป็นพื้นที่เขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ส่งเรื่องให้กรมที่ดินใช้อำนาจหน้าที่เพิกถอน และอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 6 แปลง (อ่านประกอบ:กรมทรัพยากรฯส่งหนังสือจี้อธิบดีที่ดินเพิกถอนโฉนด จ.พังงา ฉบับทำสถานีขนส่งฯ)

ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันที่ 29 พ.ย.2560 นายสมชาย เกษมสุข ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท กุ้ยหลินพังงา จำกัด เดินทางมาชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราในกรณดังกล่าวว่า แม้ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาว่าที่ดินพิพาท น.ส. 3 จำนวน 3 แปลง ออกโดยมิชอบ เป็นที่สาธารณะ เป็นคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ทางบริษัทฯไม่ก้าวล่วง แต่ขณะนี้ทางบริษัทฯซึ่งเป็นโจทก์ร่วมได้ยื่นฎีกาฯเพื่อขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษจำเลยที่บุกรุก ดังนั้นต้องผลคำพิพากษาของศาลฎีกา

นายสมชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า น.ส.3 แปลงดังกล่าวออกโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก ในคดีแพ่งที่บริษัทฯเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ นายสุกิจ และนางเยาวภา ชนะกิจ จำเลย ที่บุกรุกที่ดินของบริษัทฯแปลงในบริเวณใกล้เคียงกัน คือ น.ส.3 เลขที่ 138 หมู่ที่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 33 ไร่ 60 ตารางวา (ดูเอกสาร ประกอบ) ศาลฎีกามีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2556 ให้ผู้บุรุกออกไปจากพื้นที่ และยังระบุว่า น.ส.3 เลขที่ดังกล่าวของบริษัทออกถูกต้องตามแบบแผน ขั้นตอนของทางราชการ รวมทั้ง น.ส.3 แปลงอื่นด้วย (คำพิพากษาศาลฎีกา ความแพ่ง ที่ 3280/2556)

นายสมชายกล่าวอีกว่า กรณีที่ดินบริเวณบริษัท ขนส่งจำกัด (แห่งใหม่) ของจ.พังงา มีความเป็นมาพอสังเขป ดังนี้

เดิมเมื่อประมาณปีพ.ศ 2531 บริษัทกุ้ยหลินฯ ได้มอบหมายให้ตัวแทนซื้อที่ดินซึ่งมีหลักฐานเป็น ส.ค 1 ของบริษัท เรือขุดแร่บุญส่ง จำกัด รวมเนื้อที่ดินทั้งสิ้นประมาณ 100 ไร่เศษเป็น ส.ค. 1 เลขที่ 29,137 และ 138 หมู่ที่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด ต่อมาได้มีการยื่นคำร้องรังวัดที่ดิน ออกหนังสือสำคัญเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส 3) ได้ประมาณ 10 แปลงปรากฏว่าในการออก น.ส. 3 นั้นสภาพที่ดินและสภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปโดยมีถนนสาย-พังงาทับปุดและถนนสายบริรักษ์บำรุงตัดผ่านที่ดินจึงทำให้ น.ส. 3 บางแปลงระบุว่าติดถนนไม่ตรงตาม ส.ค. 1

ต่อมาได้มีผู้บุกรุกที่ดินของบริษัท ฯ ร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐอาทิ สำนักงานที่ดินจังหวัดพังงากรมที่ดินและผู้ตรวจการรัฐสภาหรือแม้แต่ ส.ส. ในพื้นที่จ.พังงาให้มาตรวจสอบการออก น.ส. 3 ทั้งหมดของบริษัท กุ้ยหลินฯ ว่าเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานต่างๆของรัฐต่างก็ยืนยันว่าที่ดินของบริษัท ฯ ออกมาตามแบบแผนของทางราชการทุกประการ เอกสารต่างๆที่ยืนยันความถูกต้อง หาดูได้จากสารบบของสำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา โดยที่ดินบางส่วนได้ขายให้บุคคลภายนอกไปแล้วและได้มีการสร้างอาคารพาณิชย์ซึ่งปัจจุบันอาคารพาณิชย์ดังกล่าวได้ตั้งเป็นที่ทำการของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพังงาเป็นต้น

นายสมชายกล่าวว่า คดีแพ่งที่บริษัทฯชนะคดี แม้เป็นคนละแปลงกันกับที่คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้บริษัทฯแพ้คดี คือคดีแพ่งที่ดินพิพาท น.ส.3 เลขที่ 138 แต่ในคำพิพากษาได้ระบุว่าที่ดินทั้ง 6 แปลงของบริษัทฯออกโดยชอบ

301117 11