เอกชนมีใบอนุญาตกระจายกันเอง!กรมศุลฯปัดเอี่ยวปมลอบนำเข้าขยะอิเล็กฯ-โยนกรม รง.สอบ

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 13 มิถุนายน 2561 เวลา 13:57 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | Isranews | Thaireform | ในกระแส | ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Tags

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ | สตช. | กรมโรงงานอุตสาหกรรม | กรมศุลกากร

กรมศุลฯเผยนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กฯ 70 ตู้/วัน ดักเจอพวกลักลอบทั้งหมด เป็นคนแจ้งเบาะแส สตช. มาลุยค้น เผยช่องโหว่ไหลเวียนเข้าประเทศ เหตุเอกชนที่มีใบอนุญาตบางแห่งไปกระจายสินค้ากันเอง เป็นหน้าที่กรมโรงงานฯต้องสอบต่อ ยันยังไม่มี จนท.กรมศุลฯเอี่ยว เผย 6 มาตรการคุมเข้ม

PIC kromsul 13 6 61 1

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2561 กรมศุลกากรแถลงข่าวกรณีการตรวจค้นสินค้าชิ้นส่วนเศษอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และเศษโลหะนำเข้า ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของคณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมศุลกากร

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวถึงสถานการณ์และมาตรการการนำเข้า และส่งออกชิ้นส่วนเศษอิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกว่า ข้อมูลทั้งหมดแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เศษอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และโควตาจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยมียอดนำเข้า 70 ตู้/วัน เสียภาษี 30% เศษพลาสติก ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มียอดนำเข้า 17 ตู้/วัน ไม่ต้องชำระภาษี ส่วนเศษโลหะ ไม่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และมียอดนำเข้าปริมาณมาก

ข้อมูลตามสถิติตามใบขนที่มีการขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า ในปี 2560 มีเศษพลาสติกนำเข้า 145,764 ตัน และปี 2561 (เดือน ม.ค.-พ.ค.) นำเข้า 212,051 ตัน ปี 2560 เศษอิเล็กทรอนิกส์ และเศษโลหะนำเข้า 64,436 ตัน และปี 2561 นำเข้า 52,221 ตัน โดยแนวโน้มการนำเข้าตั้งแต่ปี 2557-2560 พบว่า เริ่มมีการนำเข้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้อนุสัญญาบาเซลเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากในปี 2560 ประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าชิ้นส่วนเหล่านี้ มีผลบังคับใช้ในปี 2561

นายกรีชา เกิดศรีพันธ์ ผอ.สำนักบริหารกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า ช่องโหว่สำคัญในกรณีนี้เท่าที่พบคือ บริษัท 7 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตจากรมโรงงานอุตสาหกรรมให้นำเข้ามา กรมศุลกากรตรวจสอบไม่พบความผิดปกติ แต่ในขั้นตอนกระจายสินค้านั้น บางบริษัทได้ขนย้ายต่อไปยังโรงงานอื่นซึ่งไม่มีใบอนุญาต ขั้นตอนส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมโรงงานฯจะต้องเข้าไปตรวจสอบดูแล ส่วนกรณีบางโรงงานที่ลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือพลาสติกนั้น กรมศุลกากรตรวจสอบเจอทั้งหมด และเป็นหน่วยงานแรกที่แจ้งให้กรมโรงงานฯ และ สตช. เข้ามาสืบสวนขยายผล โดยข้อมูลขณะนี้กรมโรงงานฯกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่

นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ขั้นตอนการตรวจตู้คอนเทนเนอร์ขนสินค้านำเข้า จะใช้เวลาตรวจตู้ละ 10 นาที และจากกรณีนี้พบข้อเท็จจริงว่า เอกชนที่ลักลอบนำเข้านั้น มักสอดไส้เศษอิเล็กทรอนิกส์มาปนกับพวกเศษโลหะที่ไม่ต้องใช้ใบอนุญาตนำเข้า อย่างไรก็ดีมีทั้งเอกชนที่เจตนา และไม่เจตนา ดังนั้นเมื่อกรมศุลกากรพบ จะเรียกเจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯเพื่อมาตรวจสอบว่ารับได้หรือไม่ โดยท่าเรือแหลมฉบังเป็นที่ที่สินค้าดังกล่าวนำเข้ามากที่สุดประมาณ 90% ของทั้งประเทศ เบื้องต้นมีการกักตู้สินค้าลอบนำเข้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ไว้แล้วอย่างน้อย 33 ตู้ เป็นของเอกชน 3 แห่ง แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ส่วนสินค้าเศษพลาสติกมีอย่างน้อย 2 ตู้ โดยทั้งหมดนำเข้ามาแบบไม่มีใบอนุญาต และผิดเงื่อนไข

ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น นายชัยยุทธ กล่าวว่า ข้อมูลที่ปรากฏตามข่าวว่า มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่รัฐตู้ละแสนบาท เท่าที่อ่าน ไม่มีการพาดพิง และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเข้าไปเกี่ยวข้อง แค่อยู่ระหว่างการสืบสวนของตำรวจ ดังนั้นจึงยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ปล่อยให้ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป แต่หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเกี่ยวข้องด้วย พร้อมที่จะสอบทันที

นายชัยยุทธ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2561 กรมศุลกากร และกรมโรงงานอุตสาหกรรม นำโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และนายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานฯ พร้อมคณะได้หารือสรุปประเด็นปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นออกมาตรการแก้ไขได้ 6 ข้อ ได้แก่ 1.จัดทำฐานข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานฯ เพื่อทำการแลกเปลี่ยน และวิเคราะห์ความเสี่ยง 2.กรมศุลกากรจะใช้ระบบเอ็กซ์เรย์เข้ามาตรวจสอบตู้สินค้าทุกตู้ โดยทำงานร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเปิดตรวจตู้สินค้าดังกล่าว หากท่าเรือหรือที่ที่มีการนำเข้า และส่งออกสินค้าประเภทนี้เยอะ กรมโรงงานจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำการด้วย 3.เมื่อพบการกระทำความผิดจะทำการผลักดันสินค้ากลับ และให้ผู้นำเข้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

4.ทำการตรวจสอบย้อนกลับ สำหรับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้า เมื่อผ่านพิธีการศุลกากรปล่อยของออกจากอารักแล้ว กรมศุลกากรจะแจ้งไปยังกรมโรงงานฯเพื่อให้ตรวจสอบที่โรงงานต่อไป 5.ตั้งคณะทำงานร่วมกันในประเด็นข้อกฎหมาย เพื่อกำหนดมาตรการอุดช่องโหว่ในการนำเข้า นำส่ง นำผ่านไปยังปลายทาง และกำหนดมาตรการเพิ่มโทษกรณีมีการกระทำความผิด และ 6.กรณีบริษัทกระทำความผิด กรมศุลกากรจะส่งข้อมูลให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมยกเลิกใบอนุญาตต่อไป