กสทช.คาดประกาศใช้ข้อห้ามครอบงำกิจการโดยต่างด้าว ก.ค.55 ไม่หวั่นดีเเทคฟ้องระงับ
กสทช.เปิดเวทีถกประกาศข้อห้ามครอบงำกิจการโดยต่างด้าวคุมบริษัทไทย คาดประกาศใช้ ก.ค. 55 ทันประมูล 3 จี ประธานอนุฯ. ระบุไม่หวั่นหากดีแทคจะฟ้องล้มเลิกประกาศฯ
วันที่ 21 มิ.ย. 55 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศกสทช. เรื่อง การกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
พันเอก รศ.ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า จากการที่ กทค.ได้มีประกาศเรื่องการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว พ.ศ. 2554 มีผลบังคับใช้ 31 ส.ค. 54 แต่ปรากฏว่าประกาศฯ ฉบับนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในด้านข้อกฎหมาย นโยบายและการบังคับใช้ ดังนั้นบอร์ดกทค. จึงมีมติให้สำนักงานกสทช. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องเมื่อปลายปี 54 ซึ่งมีผลสรุปว่าควรแก้ไข จึงได้เสนอให้บอร์ดกทค.พิจารณา ก่อนมอบหมายให้คณะอนุกรรมการบูรณาการและปรับปรุงกฎหมายและระเบียบด้านโทรคมนาคมแก้ไข และนำเข้าสู่การพิจารณาของกสทช. โดยมีมติให้จัดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนทั่วไปอีกครั้งผ่าน 2 ช่องทาง คือ เว็บไซค์ของสำนักงานกสทช. ดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อ 18 มิ.ย. 55 มีผู้แสดงความคิดเห็น 31 ราย และจากการรับฟังเวทีสาธารณะครั้งนี้ ก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขและประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป
ประธานกทค. กล่าวต่อว่า สำหรับหลักการสำคัญในการยึดถือปรับปรุงประกาศฯ ดังกล่าว คือ 1.คงหลักการเดิมไว้และตัดประเด็นปัญหาออกไป 2.มีเหตุผลตามกฎหมายรองรับการออกประกาศที่ชัดเจน 3.การกำกับดูแลกันเองตามแนวทางกสทช.กำหนดและรายงานมายังกสทช. 4.เพิ่มความชัดเจนในการกำหนดคำนิยามการครอบงำกิจการ 5.การคงไว้ซึ่งบัญชีแนบท้ายประกาศเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ประกอบการ 6.ประกาศฯ ต้องไม่ขัดต่อการดำเนินการพันธะกรณีระหว่างประเทศ 7.คงอยู่ภายใต้หลักการเดิมพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมพ.ศ.2544 8.ไม่มีผลย้อนหลังไปเป็นโทษ 9.ส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมบนพื้นฐานเดียวกัน
ด้านดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกสทช. ด้านกฎหมาย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการและปรับปรุงกฎหมายและระเบียบด้านโทรคมนาคม กล่าวว่า ร่างประกาศฯ ฉบับนี้ไม่ได้กำกับดูแลบริษัทต่างด้าว แต่เน้นกำกับดูแลบริษัทไทยที่อยู่หรือจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกสทช. ให้กำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะครอบงำโดยคนต่างด้าว และให้รายงานว่ามีกรณีฝ่าฝืนข้อห้ามที่ผู้ประกอบการเป็นผู้กำหนดหรือไม่ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของผู้ประกอบการที่จะควบคุมตนเองและให้ข้อมูล เพื่อให้เกิดบรรษัทภิบาลในกิจการ โดยจะต้องปฏิบัติตามแนวทางของกสทช. และแต่ละปีผู้ประกอบการต้องรายงานพฤติการณ์และสถานภาพการครอบงำกิจการให้กสทช.พิจารณา เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องจะแจ้งให้แก้ไขทันที หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกดำเนินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ทั้งยังดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการฝ่าฝืนพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ เพราะหากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีทางอาญาสูงสุด
สำหรับเรื่องความมั่นคงจากประกาศเดิมที่กำกับดูแลเกินกรอบอำนาจของกฎหมายแม่ตามม.8 วรรคสาม (1) แห่งพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นฐานอำนาจในการออกประกาศฉบับนี้ จึงจำเป็นต้องตัดเรื่องความมั่นคงและการขอความเห็นจากหน่วยงานด้านความมั่นคงออก เพราะหวั่นว่าจะเป็นการกำหนดกติกาเกินเลยกรอบกฎหมายแม่บทที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของการออกประกาศฯ
“การกำหนดกติกาให้ชัดเจนจะทำให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าประมูลคลื่น 3 จี ในเดือนต.ค.นี้จะมีแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าวที่ชัดเจนได้ ภายใต้กฎ กติกา ที่เป็นธรรมและทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ภายในก.ค.55” ดร.สุทธิพลกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามว่ากลัวหรือไม่หากบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคจะฟ้องร้องในอนาคตต่อประกาศฯ ฉบับนี้ ประธานอนุกรรมการฯ กล่าวว่า หากมีผู้ประกอบการใดไม่พอใจในประกาศฯ สามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ แต่หากเรากลัวว่าจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นคงไม่สามารถเดินหน้าอะไรได้ แม้ปัจจุบันดีแทคจะฟ้องร้องประกาศฯ ฉบับปัจจุบันถึงความไม่เป็นธรรม เราก็ยังเดินหน้าทำงานได้ปกติ โดยมั่นใจในหลักการและการรับฟังความคิดเห็นที่รอบคอบจึงไม่ต้องกังวล เพราะเราให้สิทธิการถือครองหุ้นคนไทย 51% และต่างชาติไม่เกิน 49% หากถูกต้องตามกติกาไม่เป็นปัญหาแน่นอน
ล้อมกรอบ
บัญชีข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าวจากร่างประกาศฯ ฉบับนี้มี 8 ข้อ ได้แก่ 1.การครอบงำกิจการผ่านการให้คนต่างด้าว ตัวแทน หรือตัวแทนเชิดเข้ามาถือหุ้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงประกาศฯ 2.การครอบงำกิจการผ่านการถือหุ้นโดยคนต่างด้าวเอง หรือถือผ่านผู้แทนหรือตัวแทนของคนต่างด้าว โดยหุ้นดังกล่าวมีสิทธิพิเศษในการออกเสียงลงมติในการประชุมเกินกว่าสัดส่วนจำนวนหุ่นที่ถือจริงหรือมีสิทธิพิเศษเหนือหุ้นถือโดยผู้มีสัญชาติไทย 3.การครอบงำกิจการผ่านคนต่างด้าวมีอำนาจควบคุมหรือมีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อม 4.การครอบงำกิจการผ่านการมีนิติสัมพันธ์กับแหล่งที่มาของเงินลงทุนและเงินกู้จากคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลในเครือในลักษณะการเลือกปฏิบัติ
5.การครอบงำกิจการผ่านการทำสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา สัญญาแฟรนไชส์ หรือสัญญาที่ให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวกับคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลในเครือ และสัญญาดังกล่าวมีผลเป็นการถ่ายโอนค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่คนต่างด้าว 6.การครอบงำกิจการผ่านการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างหรือสัญญาจ้างบริหารคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลในเครือหรือลูกจ้าง หรือพนักงานของคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลในเครือ และมีผลถ่ายโอนค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ตอบแทนแก่คนต่างด้าว 7.การครอบงำกิจการผ่านการร่วมประกอบกิจการกับคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลในเครือโดยมีการจัดสรรหรือแบ่งต้นทุนในการประกอบกิจการในลักษณะที่มีผลเป็นการถ่ายโอนค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่คนต่างด้าว8.การครอบงำกิจการผ่านการทำธุรกรรมในลักษณะโอนราคาหรือสมยอมด้านราคากับคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลในเครือ