- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- สธ.ตามติดไข้หวัดใหญ่ระบาดสหรัฐฯ เล็งฉีดวัคซีนเร็วขึ้น
สธ.ตามติดไข้หวัดใหญ่ระบาดสหรัฐฯ เล็งฉีดวัคซีนเร็วขึ้น
สธ.ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีนี้เร็วขึ้น และฉีดให้กลุ่มเสี่ยงทุกคน พร้อมติดตามสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 56 นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตาม ฤดูกาลว่า ในปีนี้ได้สั่งวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมฉีดและจะติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในอเมริกาใน 1-2 เดือนนี้ ว่ามียังมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด หากประเมินสถานการณ์แล้วว่ามีแนวโน้มเข้าสู่ฤดูกาลระบาดเร็วขึ้น ก็จะเริ่มฉีดเร็วขึ้นคือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เนื่องจากโรคนี้ในประเทศไทยจะระบาดในช่วงหน้าฝน และเพิ่งดำเนินการฉีดให้ประชาชนกว่า 3 ล้านคน เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ที่ผ่านมานี้ ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงดังกล่าวมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคส่วนหนึ่ง
"สำหรับแผนการฉีดวัคซีนในปีนี้ เพื่อรับการระบาดดังกล่าว ได้มอบนโยบายให้พิจารณาเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น และครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงมากที่สุด โดยจะฉีดให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงให้ครบมากที่สุด ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังประจำตัว และบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย โดยปกติการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะฉีดห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน" รมว.สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา ขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้มีการประกาศใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ที่ที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาขณะนี้จัดเป็นการระบาด ตามฤดูกาล แต่การระบาดเร็วขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้ให้กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา และขณะนี้ได้เตรียมพร้อมการรับสถานการณ์ทั้งการเตรียมวัคซีนฉีดป้องกัน และยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพื่อรักษาแล้ว ส่วนมาตรการป้องกันด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการปฏิบัติตัวเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ การใช้หน้ากากอนามัย และการป้องกันการติดเชื้อตามมาตรการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือฟอกสบู่บ่อยหลังสัมผัสสิ่งของต่างๆ ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการป้องกันโรคระบาด โดยปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และหากมีอาการไข้เจ็บคอน้ำมูก 2 วันไม่ดีขึ้นหรือมีอาการหอบเหนื่อยให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
ขอบคุณข่าวจาก