- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ทีมร่างนโยบายชงครม.จัด8นโยบายยิ่งลักษณ์
ทีมร่างนโยบายชงครม.จัด8นโยบายยิ่งลักษณ์
ที่ประชุมร่างนโยบายรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์1" ได้ข้อสรุปกำหนด 8 ข้อใหญ่ นโยบายเร่งด่วนปีแรกจัดครบทั้งขึ้นค่าแรง 300 บาท ปรับเงินเดือนข้าราชการ 15,000 บาท ขณะดีเดย์เมื่อไหร่รอที่ประชุม ครม.ถกอีกครั้ง
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้า การกำหนดร่างนโยบายที่รัฐบาลจะใช้ในการแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่า ภายหลังจากที่ได้ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงประชุมหารือเกี่ยวกับนโยบาย นั้น ยืนยันได้ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้หาเสียงได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายทั้งหมด ไม่มีสิ่งไหนขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง 300 บาท เรื่องการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 15,000 บาท มาตรการลดภาษีบ้านหลังแรก หรือการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 23 ซึ่งลำดับก่อนหลังของการจัดความสำคัญว่าสิ่งไหนจะเริ่มเมื่อไหร่นั้น จะได้มีการหารือรายละเอียดกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ส่วนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น คืนที่ผ่านมาไม่มีตัวแทนเข้าร่วมประชุมด้วย เพียงแต่ส่งร่างเข้ามา ซึ่งก็ได้มีการพิจารณาไปแล้วในคืนที่ผ่านมา และจะนำมาหารือเพื่อปรับแก้บางส่วนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้
อย่างไรก็ตาม แบบร่างนโยบาย 8 ข้อใหญ่นั้น ในข้อที่ 1 นโยบายเร่งด่วนที่จะทำในปีแรก ได้จัดลำดับ 16 ข้อดังนี้คือ
การสร้างความปรองดองให้เป็นลำดับแรก ,การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นลำดับที่2
การปราบทุจริตคอรัปชั่น ลำดับที่3 ,ปัญหาชายแดนใต้เป็นลำดับที่ 4,การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นลำดับที่ 5 ขณะที่เรื่อง พักหนี้เกษตรกร,ค่าแรง 300 บาท,ปรับเงินเดือนข้าราชการเป็น 15,000 บาท อยู่ในลำดับที่ 7 ,การแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนอยู่ลำดับที่15 และลำดับสุดท้าย คือ การเร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมือง ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขว้าง โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ร่างนโยบายรัฐบาล ที่จะแถลงต่อสภาฯนั้น ถือว่า ชัดเจนเกือบหมดแล้ว แต่จะมาปรับปรุงถ้อยคำ แก้ไขตามมติ ครม. ในวันนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในเนื้อหาสาระส่วนใหญ่เรียบร้อยแล้ว ต้องมาดูกันอีกครั้งเพราะเรื่องถ้อยคำ เป็นเรื่องสำคัญในการปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ส่วนนโยบายหลักนั้น ก็เหมือนกับที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ อัตราภาษี อาทิ การลดภาษี จากร้อยละ 30 เหลือร้อย 23 ในปี 2555 ทำให้ภาระผู้ประกอบการ จ่ายเข้ารัฐน้อยลง สอดรับกับการเข้าร่วมประชาคมอาเซียน ส่วนการยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันนั้น รมว.คลัง กำลังหารือกันอยู่ ส่วนนโยบายเร่งด่วน คือ เพิ่มค่าแรง 300 บาทนั้น ถือว่าเป็นการร่วมมือของลูกจ้างและนายจ้างด้วย ซึ่งจะต้องร่วมมือกัน รัฐบาลจะดูแลเรื่องการลดหย่อนภาษีให้นายจ้างด้วย
ส่านนโยบายประชาสังคม อาทิ การปรับขึ้นเงินเดือน 15,000 บาท เขียนไว้ชัดเจน ในนโยบายเร่งด่วน ทำในปีแรกเลย โดยให้ผู้จบปริญญาตรี รายได้ 15,000 บาท สำหรับผู้ที่ทำงานมาก่อนนั้นมีโอกาสสูง ก็จะได้ปรับตามที่กล่าวไว้แล้ว แต่ต้องอยู่ที่พฤติกรรมของลูกจ้างด้วยว่า มีประสิทธิภาพด้วยหรือไม่ ส่วนที่ว่า องค์กรจะมาแบกรับภาระส่วนนี้หรือไม่นั้น ถือว่าเป็นนโยบายของรัฐ ดังนั้น ลูกจ้าง ขรก.ของรัฐ ไม่มีปัญหา ก็จะได้ตามนนโยบาย ส่วนงบประมาณที่จะใช้ จะเท่าไร ซึ่งมีการคำนวณไว้แล้ว สถานะการคลังรับได้ ต้องย้ำว่าไม่ใช่เป็นภาระของประเทศ แต่คนที่ได้เงินเพิ่มนั้นจะเป็นผู้บริโภคที่ดีขึ้น ทำให้มีการปรับสมดุลเศรษฐกิจภายในประเทศได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาการส่งออกเหมือนอดีตอย่างเดียว ซึ่งยังบรรจุเรื่องใหญ่ในภาคธุรกิจ การดึงเอานักลงทุนเข้ามาในประเทศ วันนี้ ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง คือ ต้องลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ดึงแรงงานเพื่อนบ้านอยู่ประเทศเรา ตรงนี้จะดำเนินการใหม่ทั้งหมด
ที่มาจาก :