- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ลุยยึดฐานที่มั่น กัดดาฟีล่มสลาย
ลุยยึดฐานที่มั่น กัดดาฟีล่มสลาย
จับลูกตัวประกัน ฉลองทั่ว‘ลิเบีย’
ระบอบเผด็จการกำปั้นเหล็กของ “กัดดาฟี” ล่มสลายแล้ว หลังกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลระดมพลปฏิบัติการรบดุเดือดเลือดพล่านทั้งบนบกและอากาศ ก่อนเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงตริโปลี ฐานที่มั่นหลักของกัดดาฟี ที่ครองอำนาจมานาน 42 ปีได้สำเร็จแล้ว พร้อมจับกุมทายาทอำนาจ-เครือญาติจอมเผด็จการไว้เป็นตัวประกัน ขณะที่กัดดาฟียังฮึดสู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ โผล่มาแถลงให้สมุนช่วยกันตอบโต้รัฐบาล นานาชาติวิงวอน “กัดดาฟี” คืนอำนาจให้ประชาชน
ในที่สุดสงครามกลางเมืองประเทศลิเบียที่ดำเนินมาเกือบ 6 เดือน ก็มาถึงจุดแตกหักแล้วเมื่อวันที่ 22 ส.ค. หลังกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลประสบความสำเร็จในการเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงตริโปลี ฐานที่มั่นหลักของ พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำเผด็จการซึ่งครองอำนาจมานาน 42 ปี พร้อมจับกุมทายาทอำนาจ รวมถึงเครือญาติของเจ้าตัวไว้เป็นตัวประกัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของสภาเปลี่ยนถ่ายอำนาจแห่งชาติลิเบีย หรือเอ็นทีซี รัฐบาลของกองกำลังต่อต้าน ระบุปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหญ่นี้ใช้เวลาวางแผนนาน 3 เดือน ชื่อรหัสว่า “เมอร์เมด” หรือนางเงือก มีเป้าหมายเพื่อทลายแนวรบที่ชะงักงันมานานและยึดครองกรุงตริโปลีให้จงได้ โดยการโจมตีเปิดฉากตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. กองกำลังต่อต้านรัฐบาลทุ่มกำลังพลตีกรุงตริโปลีจาก 3 ทาง ทั้งทิศตะวันตกและตะวันออก รวมถึงยกพลขึ้นบกจากทะเลทางทิศเหนือ พร้อมให้กองกำลังที่แฝงตัวอยู่ในกรุงตริโปลีก่อการลุกฮือ ส่วนเครื่องบินรบของกองกำลังสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ก็ทำการครองน่านฟ้าและโจมตีสนับสนุนการรบภาคพื้นดินต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ขณะที่การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดตลอดค่ำคืนวันที่ 21 ส.ค. ถึงช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 22 ส.ค. นายมุสซา อิบราฮิม โฆษกรัฐบาลลิเบีย ออกแถลงเมื่อเวลาประมาณ 04.50 น.ของวันเดียวกันตามเวลาไทย เรียกร้องให้นาโตเกลี้ยกล่อมกองกำลังต่อต้านรัฐบาลยุติการโจมตีกรุงตริโปลี รัฐบาลลิเบียพร้อมเปิดเจรจาโดยตรงกับผู้นำสภาเอ็นทีซี พร้อมอ้างว่าการสู้รบในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้คนเสียชีวิตกว่า 1,300 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน อย่างไรก็ตาม นายมุสตาฟา เอล จาลิล ผู้นำของสภาเอ็นทีซี ยื่นเงื่อนไขกลับไปว่า จะหยุดโจมตีต่อเมื่อ พ.อ.กัดดาฟีประกาศสละอำนาจ ซึ่งทางกองกำลังต่อต้านรัฐบาลก็จะรับรองความปลอดภัยให้เดินทางออกนอกประเทศ
แต่เมื่อรัฐบาลลิเบียมิได้ตอบสนองต่อเงื่อนไขดังกล่าว ปฏิบัติการรุกคืบจึงดำเนินต่อ โดยในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา ผู้สื่อข่าวต่างชาติรายงานว่ากองกำลังต่อต้านรัฐบาลประสบความสำเร็จในการบุกยึดค่ายกองพลน้อยที่ 32 หน่วยใต้บังคับบัญชาของนายคามิส อัล กัดดาฟี ลูกชายคนสุดท้องของ พ.อ.กัดดาฟี ที่มีข่าวว่าเสียชีวิตไปแล้ว
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. จากการทิ้งระเบิดของนาโต หน่วยดังกล่าวถือเป็นกองกำลังรบหลักของรัฐบาลลิเบียที่มีความชำนาญในการรบสูงทั้งยังมียุทโธปกรณ์ทันสมัยที่สุดในประเทศ ซึ่งนายฟาธี อัล บาจา คณะกรรมาธิการฝ่ายการเมืองของเอ็นทีซี เผยว่า กองกำลังต่อต้านรัฐบาลยึดค่ายดังกล่าวโดยแทบไร้การต่อต้าน เนื่องจาก ผบ.คุมกำลังคนล่าสุด นายบารานี เอสห์คาล แอบติดต่อขอแปรพักตร์มาอยู่กับเอ็นทีซีนานแล้ว
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 06.40 น. ตามเวลาไทย เอ็นทีซีออกแถลงยืนยันว่ากองกำลังต่อต้านรัฐบาลเคลื่อนพลเข้าสู่กรุงตริโปลี พร้อมควบคุมตัวนายเซอิฟ อัล อิสลาม ลูกชายคนที่ 2 ของ พ.อ.กัดดาฟี ไว้เรียบร้อย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่านายโมฮัมหมัด อัล กัดดาฟี ลูกชายคนโตของ พ.อ.กัด–ดาฟี ได้ประกาศยอมจำนนหลังถูกกองกำลังต่อต้านรัฐบาลเข้าปิดล้อมบ้านพัก โดยสำนักข่าวอัล จาซีราระบุว่าเจ้าตัวได้โทรศัพท์ให้สัมภาษณ์ เผยรู้สึกหวาดกลัวไม่กล้าออกจากบ้านพัก แต่ยืนยันว่าตัวเองและสมาชิกครอบครัวปลอดภัยดี
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พ.อ.กัดดาฟี ออกแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เรียกร้องให้ประชาชนในกรุงตริโปลี ช่วยกันกวาดล้างเมืองด้วยการจับอาวุธสู้กับกองกำลังต่อต้านรัฐบาล สมุนของพวกชาติจักรวรรดินิยม ตนได้เปิดคลังแสงให้พี่น้องประชาชนแล้ว กระนั้น แถลงดังกล่าวมีเพียงเสียงพูด มิได้แสดงภาพของ พ.อ.กัดดาฟีแต่อย่างใด
จากนั้นเวลาประมาณ 08.50 น. ตามเวลาไทย ผู้สื่อข่าวต่างชาติรายงานว่า กองกำลังต่อต้านรัฐบาลประสบความสำเร็จในการครอบครองพื้นที่เกือบ 95 เปอร์เซ็นต์ของกรุงตริโปลีแล้ว เหลือเพียงจุดยุทธศาสตร์อีกไม่กี่แห่งภายในตัวเมือง รวมถึงฐานทัพบับ อัล อาซิซิยาห์ ตอนใต้ของกรุงตริโปลี ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งกบดานของ พ.อ.กัดดาฟี ซึ่งกองกำลังต่อต้านรัฐบาลยังไม่สามารถรุกคืบเข้าไปได้ เนื่องจากกองทัพลิเบียใช้หน่วยซุ่มยิงสไนเปอร์คอยสกัดกั้น
หลังข่าวชัยชนะของกองกำลังต่อต้านรัฐบาลแพร่สะพัดออกไป ชาวลิเบียในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศได้ออกมารวมตัวฉลองกันตามท้องถนน โดยเฉพาะในเมืองเบงกาซี ฐานที่มั่นของกองกำลังต่อต้านรัฐบาล ที่มีผู้คนออกมาแสดงความยินดีมากเป็นพิเศษ โบกสะบัดธงผืนใหม่สีแดงดำเขียวพร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว ด้านนายอับเดสซาลาม จาลลูด อดีตนายกรัฐมนตรีลิเบีย ผู้แปรพักตร์มาอยู่กับเอ็นทีซี กล่าวว่า เมื่อมาถึงจุดนี้ก็สายเกินไปแล้วที่ พ.อ. กัดดาฟีจะเปิดการเจรจาสละอำนาจ เชื่อว่ารัฐบาลลิเบียเหลือเวลาไม่ถึง 10 วัน และสุดท้าย พ.อ.กัดดาฟีก็จะถูกฆ่าทิ้ง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าสถานทูตลิเบียในกรุงอังการา ประเทศตุรกี มีการเปลี่ยนธงชาติเป็นแดงดำเขียวแทนธงผืนเก่าเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม การปะทะภายในกรุงตริโปลีที่ดู เหมือนจะเบาบางลง กลับทวีความรุนแรงในเวลาประมาณ 13.20 น. ตามเวลาไทย โดยผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ปักหลักอยู่ในโรงแรมริซอส ไม่ไกลจากฐานทัพบับ อัล อาซิซิยาห์ รายงานว่า พบเห็นรถถังและรถหุ้มเกราะจำนวนมาก เคลื่อนตัวออกจากฐานทัพและเปิดฉากระดมยิงใส่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลที่ปิดล้อมพื้นที่อยู่ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดและไม่มีท่าทีจะจบลงง่ายๆ ซึ่งต่อมาแหล่งข่าวในกองกำลังต่อต้านรัฐบาลเผยว่า การตีโต้ของกองทัพลิเบียได้ทะลวงแหวกวงล้อมไปถึงบริเวณใจกลางกรุงตริโปลี และผู้นำกำลังพลคือนายคามิส อัล กัดดาฟี ลูกชายคนสุดท้องของ พ.อ.กัดดาฟี ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าเสียชีวิตไปแล้ว
สำหรับปฏิกิริยาของนานาชาติที่มีต่อสถานการณ์ในลิเบีย นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯออก แถลงขณะไปพักผ่อนที่รีสอร์ตบนเกาะ มาร์ธา’ส์ ไวน์ยาร์ด รัฐแมสซาชูเสตต์ของสหรัฐฯว่า ระบอบเผด็จการกำปั้นเหล็กของ พ.อ.กัดดาฟีมาถึง “จุดพลิกผัน” ใกล้ล่มสลายแล้ว ทรราชกัดดาฟีต้องสละอำนาจทันทีเพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือดไปมากกว่านี้ เขายังเรียกร้องให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านเคารพสิทธิมนุษยชน แสดงความเป็นผู้นำ รักษาสถาบันต่างๆของลิเบียไว้และมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย พร้อมทั้งย้ำว่า สหรัฐฯ ยอมรับสภาเปลี่ยนถ่ายอำนาจแห่ง ชาติ หรือเอ็นทีซี ของฝ่ายต่อต้านคือรัฐบาลอันชอบธรรมของลิเบีย และจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้านโฆษกทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่านายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลดกำหนดการพักผ่อนที่ภูมิภาคคอร์นวอลล์ลงและรีบเดินทางกลับกรุงลอนดอนตั้งแต่คืนวันที่ 21 ส.ค. เพื่อประชุมฉุกเฉินร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือเอ็นเอสซี ในเรื่องลิเบียในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งในเวลาต่อมานายคาเมรอน ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลลิเบียควรยุติการต่อสู้ได้แล้ว ส่วนโฆษกสหภาพยุโรปหรืออียูแถลงว่า ระบอบกัดดาฟีใกล้อวสานแล้ว และอียูกำลังเร่งวางแผนรองรับลิเบียหลังสิ้นอำนาจ พ.อ.กัดดาฟี และยินดีช่วยรัฐบาลใหม่ลิเบีย ด้านรัฐบาลจีนแถลงว่า จีนเคารพทางเลือกของประชาชนลิเบียและพร้อมรับบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูลิเบีย
ขณะที่นางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงเรียกร้องให้ พ.อ.กัดดาฟีทิ้งอำนาจทันที และเขาต้องถูกจับขึ้นศาลระหว่างประเทศโทษฐานก่ออาชญากรรมละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนโฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี เผยว่า กำลังขอตัวนายเซอิฟ อัล อิสลาม ลูกชายของ พ.อ.กัดดาฟี ที่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลจับกุมตัวไว้ได้ ไปขึ้นศาลไอซีซีท่ีกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์-แลนด์ เพื่อเผชิญข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ด้านรัฐบาลมอลตา ประเทศเกาะเล็กๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแถลงว่า ถ้า พ.อ.กัดดาฟีหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงอื่นๆ หนีมายังมอลตา จะถูกจับตัวส่งศาลไอซีซีทันที
ส่วนรัฐบาลฟิลิปปินส์แถลงเตือนให้ชาวฟิลิปปินส์ในลิเบียอยู่แต่ในอาคารบ้านเรือน ขณะที่รัฐบาลกำลังประสานงานกับองค์การการอพยพระหว่างประเทศ เพื่อนำชาวฟิลิปปินส์ออกจากลิเบียทางเรือ เพราะเส้นทางทางบกถูกปิดกั้นหมดแล้ว ประมาณว่ายังมีชาวฟิลิปปินส์ในลิเบียกว่า 2,000 คน โดย 1,200 คน อยู่ในกรุงตริโปลี
ที่มาจาก :