- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- กองสลากปัดฝุ่นตั้งกาสิโนแบบคอมเพล็กซ์
กองสลากปัดฝุ่นตั้งกาสิโนแบบคอมเพล็กซ์
เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีพนันบันเทิงธุรกิจผอ.เสนอก.คลังแล้ว
สำนักงานสลากฯ เสนอรัฐบาลแก้กฎหมาย ลุยสร้างกาสิโนควบคู่เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ สร้างสมดุลให้แก่สังคมไทย เพราะปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านเปิดกาสิโนโกยรายได้สร้างความเจริญมหาศาลแก่ประเทศชาติ ส่วนเรื่องหวยออนไลน์ ยังคาราคาซัง ยกเลิกสัญญาไม่ได้โดนฟ้องอ่วมแน่
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผุดไอเดีย สร้างกาสิโน ในรูปแบบของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงแบบครบวงจร ทั้งนี้ นายวันชัย สุระกุล ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยเมื่อ 27 ก.ย. ว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรจะมีกาสิโนที่อยู่ในรูปแบบของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงแบบครบวงจร เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนของครอบครัว เหมือนกับในต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดได้เสนอให้ รมว.คลัง รับทราบถึงแนวถึงนี้แล้ว แต่จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล
“ประเทศไทย มีศักยภาพสูงมากที่จะมีเอนเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรทั้งทางด้านบันเทิง การพนัน และธุรกิจการค้า เพราะธุรกิจประเภทนี้จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล แทนที่จะปล่อยให้ธุรกิจเหล่าอยู่ใต้ดินและสร้างอิทธิพลมืดให้แก่บ้านเมือง รัฐบาลก็ควรนำขึ้นมาอยู่บนดินที่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งจะทำให้กิจการที่หลายคนมองว่าเป็นสีเทา สามารถนำเงินเหล่านี้กลับไปช่วยเหลือสังคมได้ เช่น การช่วยเหลือน้ำท่วม ภัยแล้ง การศึกษา สาธารณสุข ถนน เขื่อน และรถไฟฟ้า เป็นต้น ตัวอย่างเช่น เขตปกครองพิเศษมาเก๊าที่มีกาสิโนถึง 35 แห่ง โดยกาสิโนแห่งที่ใหญ่ จ่ายเงินภาษีให้รัฐบาลมากถึง 32% ของรายได้ และเงินภาษีดังกล่าวได้นำกลับมาพัฒนาพื้นที่ ทั้งสร้างถนน สะพาน และยังสามารถจ่ายโบนัสให้ประชาชนได้ปีละ 5,000 เหรียญมาเก๊าต่อคนต่อปี นอกเหนือจากรายได้ประจำและสวัสดิการอื่นๆ เช่น รักษาโรคฟรี โดยเฉพาะคนชราที่มาเก๊านั้นมีรายได้ต่อเดือนจากรัฐบาล 1,800 เหรียญมาเก๊าต่อเดือนต่อคน หรือประมาณ 7,200 บาท ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น” ผอ.สำนักงานสลากฯกล่าว
นายวันชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงานสลากฯ เคยศึกษาแนวทางการจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไว้แล้ว คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 10,000 ล้านบาท โดยมองว่าควรจะเป็นสถานที่ห่างไกลความเจริญ และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่น ทุ่งกุลาร้องไห้ในภาคอีสาน เพื่อพัฒนาพื้นที่นั้นๆให้มีความเจริญด้านอื่นแทนที่ภาคการเกษตรที่ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ และช่วยสร้างงานสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมีรูปแบบดำเนินการในลักษณะการให้สัมปทาน กำหนดเป้าหมายดำเนินการชัดเจน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะไปสร้างในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่น ภูเก็ต หรือพัทยา เพราะแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นมีจุดขายที่แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ผอ.สำนักงานสลากฯกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นเหมือนไข่แดง เพราะรอบๆ ประเทศไทยเช่น ลาว เขมร พม่า มาเลเซีย แม้แต่สิงคโปร์ ก็มีการ สร้างกาสิโนกันหมดแล้ว ทั้งๆที่ไทยมีศักยภาพและความพร้อมมากกว่าทั้งด้านทรัพยากร การเป็นศูนย์กลางการคมนาคม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ วันนี้ต้องการให้สังคมเห็นว่าสำนักงานสลากฯ แม้จะเป็นกิจการสีเทา แต่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ก็ได้ใช้กิจการเหล่านี้ สร้างรายได้มหาศาลคืนสู่สังคม ดังนั้น สำนักงานสลากฯ ต้องการนำรายได้คืนสู่สังคมโดยใช้ธุรกิจสีเทา ซึ่งต้องเข้าใจว่าโลกนี้ได้ทำอยู่แล้ว เพราะที่ใดมีมุมมืดก็มีมุมสว่าง ในความมืดก็มีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับเราจัดการอะไร แต่หากเราปฏิเสธก็ถือว่าเสียโอกาส นำประโยชน์คืนสู่สังคม หากรัฐบาลต้องการดำเนินธุรกิจสีเทาให้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล เพื่อช่วยเหลือสังคมนั้น ข้อเสนอแก้ไขกฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาล ใน 2 มาตราหลักประกอบด้วย
1. มาตรา 5 วัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากฯ ที่กำหนดให้ 1. สำนักงานสลากฯ ออกสลากได้เพียงแห่งเดียว 2. เป็นผู้จัดการโรงพิมพ์พิมพ์สลาก และ 3. การให้อำนาจสำนักงานสลากฯ กระทำการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องได้ ซึ่งประเด็นนี้ เขียนไว้กว้างมากๆ หากปลดล็อกได้ ก็จะทำให้สำนักงานสลากฯ มีขอบเขตในการทำงานที่กว้างมากขึ้น ปัจจุบันธุรกิจและธุรกรรมของสลากฯ มีหลายรูปแบบ ควรแก้ไข้เพื่อในอนาคตในการออกสลากฯรูปแบบใดๆ ก็ทำได้ เช่น หวยบนดินแบบ 2 และ 3 ตัว หรือหวยขูด แบบสลากคุ้มเกล้าในอดีต เป็นต้น ไม่เช่นนั้น สำนักงานสลากฯ ก็ดำเนินการได้พียงสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น และ 2. มาตรา 22 เกี่ยวกับการจัดสรรรายได้จากการขายสลากฯ โดยจะเสนอให้ลดการนำเงินส่งเข้ารัฐจาก 28% เหลือ 25% โดยที่รายได้ 3% จะให้ตั้งเป็น กองทุนเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยมีคณะกรรมการควบคุมดูแลการบริหารจัดการกองทุนโดยเฉพาะเช่น การช่วยเหลือน้ำท่วม โดยไม่ต้องใช้เงินจากงบประมาณ ส่วนโครงการหวยออนไลน์ หรือการจำหน่ายสลากเครื่องจำหน่ายสลากฯอัตโนมัติ ยังติดสัญญาที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการไว้กับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเทคโนโลยี หรือแอลทีจี ที่ชนะการประมูลวางระบบและติดตั้งเครื่องออนไลน์ ไม่สามารถยกเลิกสัญญา หรือทำนิติกรรมกับบริษัทอื่นได้ เพราะมีสิทธิถูกฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยความเสียหาย อย่างไรก็ตาม แม้โครงการหวยออนไลน์จะมีการตั้งคณะทำงานศึกษาในหลายคณะแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่า รัฐบาลใหม่คงต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาใหม่ เพื่อทบทวนอีกครั้ง ทั้งรูปแบบการออกสลากฯแบบ 2 ตัว 3 ตัว การจัดสรรเงินรางวัลและเรื่องอื่นๆ ปัจจุบัน สำนักงานสลากฯมีการพิมพ์สลากฯงวดละ 68 ล้านฉบับต่องวด แบ่งเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 50 ล้านฉบับ และสลากการกุศล 18 ล้านฉบับ
“ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่มีคำสั่งเรื่องหวยออนไลน์ เพียงแต่เคยเรียกมาถามเกี่ยวกับสัญญากับล็อกซเล่ย์ ซึ่งได้รายงานว่า สำนักงานสลากฯจะไปทำนิติกรรมกับบริษัทอื่นไม่ได้ ยกเว้นแต่จะยกเลิกสัญญา แต่ก็คงไม่มีใครยกเลิก เพราะมีสิทธิถูกฟ้องร้องได้ ทั้งนี้ หวยออนไลน์เคยหารือกฤษฎีกาแล้วว่าเดินหน้าได้ตามกฎหมายสำนักงานสลากฯ แต่รัฐบาลคงตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาใหม่ คงไม่เอาผลศึกษาเก่าๆ มาใช้” นายวันชัยกล่าว
ที่มาจาก :