- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ไทยมีสถิติฆ่าตัวตายสูงขึ้น ปัญหาความรัก-ซึมเศร้าสาเหตุหลัก
ไทยมีสถิติฆ่าตัวตายสูงขึ้น ปัญหาความรัก-ซึมเศร้าสาเหตุหลัก
กรมสุขภาพจิต ชี้สถิติการฆ่าตัวตายในประเทศไทยสูงขึ้น ปี 58 เดือนละ 350 คน แนะสังคมอย่าชม และแชร์การไลฟ์หวั่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า การถ่ายทอดสด (ไลฟ์) การฆ่าตัวตายผ่านสังคมออนไลน์เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น จากการปรากฏเป็นข่าวหรือในโลกสังคมออนไลน์ เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ราย ซึ่งการถ่ายทอดสดลักษณะนี้ ไม่สามารถที่จะตัดต่อได้ หรือเซ็นเซอร์ได้ในขณะออกอากาศ หากมีผู้ติดตามจำนวนมาก ย่อมส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายเลียนแบบ (copycat suicide) หรือชี้นำให้เกิดการฆ่าตัวตาย ตามด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นทางออกของปัญหา โดยเฉพาะกับผู้ที่มีสภาพจิตใจเปราะบางอยู่แล้ว หรืออาจเคยมีความคิดอยากตาย หรือมีปัญหาทุกข์ใจคล้ายๆกัน และหากผู้รับชมเป็นเด็กและเยาวชนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ ไม่ระมัดระวังในการรับสื่อ อาจเข้าใจผิดคิดว่า การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ง่าย หากได้รับการตอบรับจากผู้ชมจำนวนมาก ทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้ง่ายยิ่งขึ้น
ดังนั้นหากพบเห็นภาพเหล่านี้ ต้องรีบยับยั้ง อย่าแชร์ หรือบอกต่อ และไม่ติดตามการถ่ายทอดสดจนจบ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจตนเองในอนาคต เช่น เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ เก็บไปเป็นความเครียดฝังใจ ครุ่นคิด จนนอนไม่หลับ เป็นภาพติดตาซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิต
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวอีกว่า การฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตายด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ในลักษณะหุนหันพลันแล่นเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการฆ่าตัวตายอยู่แล้ว และผู้ที่ฆ่าตัวตายมักจะส่งสัญญาณเตือนมาก่อน ทั้งจากคำพูด การเขียนจดหมาย การส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) การไลน์ หรือการโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งคนที่อยากฆ่าตัวตายหรือ ทำร้ายตัวเองมักจะมีความลังเล พะวักพะวง การช่วยเหลือในระยะนี้ จึงมีความสำคัญและเป็นการป้องกันการฆ่าตัวตายที่ดีที่สุด จากคนใกล้ชิด ตามหลัก 3 ส. ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ได้แก่ สอดส่องมองหา ใส่ใจรับฟัง และส่งต่อให้บุคคลากรด้านสุขภาพจิตช่วยดูแลต่อ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลทั่วไปหรือโรงพยาบาลจิตเวชก็ตาม
สำหรับสถิติการฆ่าตัวตายในประเทศไทย จากฐานข้อมูลการฆ่าตัวตายของคนไทย โดยโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น ราชนครินทร์ พบว่า มีแนวโน้มค่อยๆสูงขึ้น ล่าสุด ปี 2558 คนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จเฉลี่ยเดือนละ 350 คน หรือ ทุกๆ 2 ชั่วโมง คนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ผู้ชาย มีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นและสูงกว่าผู้หญิงถึง 4 เท่า
โดยปัจจัยและสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย พบว่า เกิดจากปัญหาความสัมพันธ์ โดยเฉพาะปัญหาความรักความหึงหวง ที่ทำให้เกิดการทำร้ายตนเองมากที่สุด ถึง 20% รองลงมา คือ โรคซึมเศร้า และ น้อยใจคนใกล้ชิดดุด่า ผู้ชายที่ฆ่าตัวตายสำเร็จมักจะมีการทำร้ายคนอื่นร่วมด้วย ตลอดจนพบว่าการดื่มสุราเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการทำร้ายตนเอง
ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งเป้าหมายลดอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จไม่เกิน 6.0 ต่อแสนประชากร ภายในปี 2564 สำหรับ แนวทางป้องกัน ในระดับบุคคล โดยพื้นฐานหลักแล้ว คือ การมีวิธีจัดการกับความเครียดที่ดี เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยึดหลักศาสนาเป็นที่พึ่งทางจิตใจ เพื่อทำให้จิตใจสงบมากขึ้น รวมทั้ง การฝึกสติ ฝึกสมาธิ หาเพื่อนปรึกษา พูดคุยระบาย ช่วยกันคิดแก้ปัญหา ไม่เก็บปัญหาไว้คนเดียว ตลอดจนขอรับคำปรึกษาและความช่วยเหลือจากบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น