สีม่วงขาดทุนอ่วม! รฟม.ประกาศเก็บค่าตั๋วราคาเดิม เก็บ 14-42 บาทเริ่ม 1 พ.ย.
บอร์ดรฟม. สั่งยกเลิกลดราคา ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง และที่จอดรถ โดยจะกลับไปเก็บอัตราเดิม ที่ 14-42 บาท เริ่มตั้งแต่1 พ.ย. 60 ระบุเชื่อมต่อ1 สถานีแล้วการเดินทางสะดวก และเพื่อลดการอุดหนุนภาครัฐ คาดรายได้เพิ่ม30% หรือ 1.6-1.7 แสนบาท/วัน ย้ำเดินทางเชื่อม2 ระบบ ยังจ่ายค่าแรกเข้าครั้งเดียว พร้อมย้ายที่จอดรถสายสีส้มไป จากศูนย์วัฒน์ฯไปสถานีรฟม.ประหยัดค่าเวนคืน2.2 พันล.
นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าด้านบริหาร ในฐานะ รักษาการผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มีพลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธานเมื่อวันที่16 ต.ค. ได้มีมติเห็นชอบให้ รฟม. ยกเลิกการให้ส่วนลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสายฉลองรัชธรรมสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) ในปัจจุบันที่ 14-29 บาท โดยให้กลับไปเก็บค่าโดยสารในอัตราปกติที่ 14-42 บาท พร้อมทั้งยกเลิกการให้ส่วนลดเพิ่มเติมในวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สำหรับบัตรและเหรียญโดยสาร บุคคลทั่วไป 15 บาทตลอดสาย,นักเรียน/นักศึกษา 14 บาทตลอดสาย,เด็ก/ผู้สูงอายุ 8 บาทตลอดสาย รวมถึง ยกเลิกส่วนลดอัตราครึ่งราคา ค่าจอดรถ 4 แห่ง จาก 2 ชั่วโมง 5 บาท เป็นอัตราปกติ 2 ชั่วโมง 10 บาท ส่วนอัตรารายเดือนจาก 500 บาท เป็นอัตราปกติที่ 1,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่1 พ.ย. 2560 เป็นต้นไป
ทั้งนี้เนื่องจากบอร์ดเห็นว่า ขณะนี้ได้มีการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน - บางซื่อ ซึ่งเชื่อมต่อ 1สถานี ระยะทาง 1.2กิโลเมตรแล้ว ซึ่งการลดค่าโดยสารสายสีม่วงก่อนหน้านี้ เพื่อรอในช่วงที่การเชื่อมต่อยังไม่เรียบร้อย ดังนั้นเมื่อเชื่อม 1สถานี การเดินสะดวกขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมา รฟม.ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก จากการลดราคาดังกล่าว จึงควรกลับไปเก็บค่าโดยสารอัตราเดิม โดยจะเริ่มช่วง1พ.ย. พร้อมกับการยกเลิกมาตรการรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
โดยปัจจุบัน หลังเชื่อม 1 สถานี ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารสายสีม่วงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 4.7หมื่คน/วัน โดยวันธรรมดา มีผู้โดยสาร5.2 หมื่นคน วันหยุด เสาร์ อาทิตย์ มี 3.4 หมื่นคน มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 5.6 แสนบาท/วัน หรือเดือนละ 16.8 ล้านบาท โดยคาดว่า เมื่อจัดเก็บค่าโดยสารอัตราปกติ ผู้โดยสารอาจจะลดลงประมาณ 10% หรือ จำนวน 5,200 คน ขณะที่รายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% หรือ 1.6-1.7 แสนบาท/วัน. โดยรายได้จะขยับขึ้นเป็น 7 แสนบาท/วัน หรือราวเดือนละ 21 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระการสนับสนุนของภาครัฐ เนื่องจาก รฟม. มีค่าใช้จ่ายในการเดินรถสายสีม่วงประมาณ 3.6 ล้านบาท/วัน
สำหรับ ผู้โดยสารที่เดินทางข้ามระบบระหว่างสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน จะจ่ายค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว โดยจะยังคงได้รับยกเว้นค่าแรกเข้าในการต่อเชื่อมระบบเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม บอร์ดรฟม. ได้มอบหมายให้ จัดทำโปรโมชั่น ค่าโดยสารในรูปแบบอื่นๆเข่น ตั๋วรายเดือน ตั๋วไม่จำกัดเที่ยว เป็นต้น
***เลี่ยงเวนคืนที่ดินรัชดาฯ เคาะย้ายที่จอดรถไปสถานีรฟม. เซฟเงิน 2.2 พันล.
นอกจากนี้ บอร์ด ยังเห็นชอบ ยกเลิกที่จอดรถของสายสีส้มบริเวณสถานีร่วมศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยจะย้ายไปก่อสร้างที่สถานี รฟม.แทน โดยจะลดผลกระทบและค่าเวนคืนลงได้ 2,200 ล้านบาท โดยใช้ที่ดินภายในศูนย์ซ่อมบำรุง ของรฟม. ซึ่งระยะแรกจะก่อสร้างเป็นลานจอด รองรับได้ 350 คัน และในอนาคตสามารถก่อสร้างเป็นอาคารจอดรถเพิ่มได้โดยรฟม.ลงทุนเอง ส่วนแผนเดิมที่สถานีศูนย์วัฒนฯ นั้นหลังจากศึกษา ประเมินข้อดี ข้อเสีย ในการก้อสร้างที่จอดรถบริเวณสถานีร่วมศูนย์วัฒนฯ พบว่า ต้องเวนคืนที่ดินมากและที่ดินมีราคาแพง โดยต้องใช้ที่ดินประมาณ 10 ไร่ รองรับรถประมาณ 1,000 คัน
และอนุมัติจ้าง บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด. เป็นที่ปรึกษา (PMC) โครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม วงเงิน 1,400 ล้านบาท โดยจะเร่งลงนามสัญญา โดยเร็วเพื่อให้เริ่มทำงานพร้อมกับสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่จะเริ่มในเดือนธ.ค.2560
***ขายซองก่อสร้างสายสีม่วงใต้ ธ.ค.นี้
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6กม. วงเงิน131,004.30 ล้านบาท รักษาการผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแบ่งสัญญาการก่อสร้างงานโยธา ซึ่งต้องประเมินพื้นที่ในแต่ละช่วงให้เหมาะสมกับการเวนคืนและการขอ ช้พื้นที่ ซึ่งแนวเส้นทางในพื้นที่ชั้นใน จะผ่านพื้นที่ชองส่วนราชการมาก จึงต้องเจรจาให้เรียบร้อยก่อน จะแย่งช่วงแต่ละสัญญา คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเปิดประมูลหาผู้ก่อสร้างได้ในเดือนธ.ค.60
