- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- หมวดเจี๊ยบ หนีบ ฮิวแมนไรต์ ตัวแทนทูตสังเกตการณ์รับทราบข้อหา“ยุยงปลุกปั่น-พ.ร.บ.คอมพ์
หมวดเจี๊ยบ หนีบ ฮิวแมนไรต์ ตัวแทนทูตสังเกตการณ์รับทราบข้อหา“ยุยงปลุกปั่น-พ.ร.บ.คอมพ์
หมวดเจี๊ยบอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมทนายความ หนีบ“ฮิวแมนไรต์ ตัวแทนนานาชาติร่วมสังเกตการณ์รับทราบข้อหาหลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัววิจารณ์
จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2560 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งความดำเนินคดี ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภัควัต หรือหมวดเจี๊ยบ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในความผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) และข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัววิจารณ์
ล่าสุดวันนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 09.30 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สมบัติ สมบัติโยธา รอง สว. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ม.116 ยุยงปลุกปั้น และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณี พ.อ.บุรินทร์ ทอง ประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบกปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) แจ้งความดำเนินคดีหลังวิจารณ์นายกฯ และรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมี ผู้แทนจากสถานทูตต่างๆและองค์กรสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมสังเกตการณ์ นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองพรรคเพื่อไทย อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รมช.แรงงาน และ รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย พร้อม บรรดามวลชนผู้สนับสนุนมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ
ร.ท.หญิง สุณิสา เปิดเผยว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวหากย้อนดูจะพบว่าเป็นวิจารณ์การทำงานและงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์ที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้เพราะเป็นการตรวจสอบอำนาจของรัฐบาล ไม่ได้มุ่งใส่ร้ายโจมตีบุคคลใด โดยรัฐบาลควรรับฟังและนำไปแก้ไขปัญหาดีกว่า ส่วนการเปรียบเทียบรัฐบาลเปิดทำเนียบต้อนรับนักร้องแต่ไม่ได้เปิดรับกลุ่มต้านโรงงานถ่านหินภาคใต้ เป็นการวิจารณ์รัฐบาลที่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติและแสดงสิทธิเสรีภาพความคิดเห็นของประชาชน และรัฐบาลควรรับฟังด้วย ไม่ใช้อำนาจคนเห็นต่างด้วยการแจ้งความดำเนินคดี
ร.ท.หญิง สุณิสา เผยอีกว่า การโพสต์วิจารณ์รัฐบาลและถูกดำเนินคดี 6 กระทง แต่ละกระทงโทษสูงสุดถึง 7 ปี รวมแล้วประมาณ 42 ปี เท่ากับชีวิตของคนๆหนึ่ง โดยตนมองว่าการตั้งข้อหาดังกล่าวน่าจะมีแรงจูงใจทางการเมืองเพราะตนเป็นอดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทยและวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลมาตลอด ทั้งนี้ รัฐบาลคงทราบดีว่าตนโพสต์ไม่ได้ใส่ร้ายแต่แสดงความคิดเห็นเพื่อรักษาผลประโยชน์บ้านเมือง สำหรับรากฐานการปฏิรูปทางการเมืองและเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้นนั้นควรพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะหากประชาชนไม่กล้าพูดความจริงแสดงความคิดเห็น ประเทศก็คงไม่อาจพัฒนาไปได้
"ต้องขอบคุณผู้แทนจากประชาคมโลกและตัวแทนทางการทูต อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ ประเทศยุโรปอื่นๆ รวมทั้ง องค์กรสิทธิมนุษยชนที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ในวันนี้ด้วย เพราะประเทศไทยมีพันธสัญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนในประเทศ" ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว
ด้าน นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ขอบคุณองค์กรและตัวแทนสถานทูตต่างๆ ที่เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการกระทำต่างๆที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนตามพันธสัญญา ทั้งนี้ หาก บก.ปอท. แจ้งข้อกล่าวหา ม.116 ยุยงปลุกปั้น และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขอชี้แจ้งว่าข้อความทั้ง 3 โพสต์ที่แสดงความคิดเห็นดังกล่าวไม่น่าแจ้งข้อหา ม.116 เนื่องจากรุนแรงเกินกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนอย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจบ้านเมืองที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกล่าวร้ายต่อประชาชน ซึ่งจะดำเนินคดีตามกฏหมายกลับเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 200 ระบุว่า หากพนักงานสอบสวนตั้งมาตราระบุโทษเกินความจริงกับผู้ต้องหาจะต้องโทษอย่างหนักสูงสุดกลับไป ที่ตนพูดเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่หลายครั้งที่มีบุคคลทางการเมืองโดน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ใช้ปิดปาก แต่ยังไงก็ตามบุคคลเหล่านี้ก็ยังจะดำเนินการวิจารณ์รัฐบาลต่อไป
"ส่วนวันนี้จะพา ร.ท.หญิง สุณิสา ไปรับทราบข้อกล่าวหา หากทางพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ไม่มีการพาตัวไปส่งศาล ก็จะเข้าเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฎิเสธ พร้อมจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมไม่หนักใจกับรัฐบาล ความจริงก็คือความจริง รัฐยังคงมีอำนาจ ผมเข้าใจว่าเมื่อถูกสั่งมา บก.ปอท.ก็ต้องดำเนินการ ผมก็จะแจ้งความกลับไปเช่นกัน" นายนรินท์พงศ์ กล่าว