- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- “ป้าทุบรถ” เล็งติดป้ายคำพิพากษาให้ศึกษาการเรียกร้อง จี้ กทม.เร่งจัดการ แม่ค้าวอนเยียวยา
“ป้าทุบรถ” เล็งติดป้ายคำพิพากษาให้ศึกษาการเรียกร้อง จี้ กทม.เร่งจัดการ แม่ค้าวอนเยียวยา
“ป้าทุบรถ” เตรียมติดป้ายคำพิพากษาให้ ปชช.ศึกษากระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมตลอด 10 ปี รับเห็นใจแม่ค้าต้องหาที่ขายใหม่ พร้อมไปอุดหนุนหากไปตั้งในพื้นที่ถูกต้อง ชี้ กทม.ไม่ควรยื้อเวลา ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาทันที ด้านลูกบ้านหมู่บ้านเสรีฯ กลัวสงบสุขไม่นาน หวั่นผู้ค้าบางรายยอมจ่ายค่าปรับแลกตั้งแผงขาย ส่วนผู้ค้าวอน กทม.เยียวยา เหตุจ่ายทำสัญญาปีไปแล้วไม่รู้ ตลาดมีปัญหาไม่ถูก กม.
วันนี้ (17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลปกครองกลางแผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิพากษาให้ผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตประเวศ รื้อตลาด 5 แห่ง รอบบ้านพักของ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด พร้อมห้ามปล่อยให้มีผู้ค้าไปขายของสร้างความรำคาญแก่บ้านครอบครัวแสงหยกตระการอีก และให้ กทม.ชดใช้เยียวยาครอบครัวแสงหยกตระการที่เดือดร้อนมา 7 ปีเศษ เป็นเงิน 1,473,600 บาท วันนี้บรรยากาศโดยรอบบ้านพักของ น.ส.บุญศรี ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ซอยศรีนครินทร์ 55 ตลาดทั้ง 5 แห่ง คือ ตลาดรุ่งวาณิชย์, ตลาดยิ่งนรา, ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต, ตลาดร่มเหลือง และตลาดสวนหลวง 1 ยังถูกปิดเงียบ มีเพียงผู้ค้าบางรายในตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต และตลาดยิ่งนรา ที่มานั่งเฝ้าอุปกรณ์ร้านค้าภายในตลาด และจับกลุ่มปรับทุกข์กันถึงคำพิพากษาของศาลปกครอง ขณะที่ผู้ค้าบางส่วนในตลาดยิ่งนราเริ่มมาทยอยเก็บแผงค้าย้ายไปหาทำเลขายของใหม่
ทั้งนี้ แม่ค้ารายหนึ่งในตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต กล่าวว่า ยังไม่เคลื่อนย้ายแผงค้าออกเนื่องจากต้องการรอฟังความชัดเจนของเจ้าของตลาดว่าจะเอาอย่างไร เพราะเสียค่าทำสัญญาเช่าแผงรายปีไปแล้ว และเคยไปลองขายที่ตลาดที่อื่นก็ไม่สามารถขายได้กำไร เราขายอาหารปรุงสำเร็จวันต่อวัน ทำมาขายไม่ออกก็ขาดทุน ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุนต่อ
ส่วนผู้ค้าในตลาดยิ่งนรารายหนึ่งกล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีรายได้มา 2 เดือนกว่าแล้ว เงินทุนก็เริ่มหมด เพราะก่อนหน้านี้ทั้งทางเจ้าหน้าที่ กทม.และเจ้าของตลาดบอกให้อดทนรออีกนิด เดี๋ยวก็จะกลับมาขายใหม่ได้ พวกเราก็รออย่างมีความหวัง แต่ผลคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ออกมาทำให้เราตัดสินใจไม่รอต่อไป ต้องไปหาที่ขายใหม่ก่อนที่จะอดตายกัน ตอนนี้ก็หวังว่าผู้ว่าฯ กทม.จะลงมาดูแลให้การเยียวยาช่วยเหลือพวกเรากลุ่มผู้ค้าบ้าง เพราะพวกเราทำมาหากินสุจริต โดยไม่รู้ว่าตลาดมีปัญหาไม่ถูกกฎหมายมาก่อน
ขณะที่ น.ส.อัชพิมพ์ อรุณลักษณ์ หนึ่งในผู้อาศัยในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ใกล้กับตลาดทั้ง 5 แห่ง รู้สึกดีใจที่ศาลมีคำพิพากษากล่าวออกมา เพราะหมู่บ้านจะได้สงบขึ้น แต่ในส่วนของผู้ค้าหาบเร่แผงลอยนั้นตนยังไม่แน่ใจว่า กทม.จะดูแลกวดขันได้ตามคำสั่งศาลได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีจำกัด ประกอบกับผู้ค้าบางรายก็พร้อมจ่ายค่าปรับวันละ 2,000 บาท เพื่อแลกกับการตั้งแผงขายอาหารให้คนที่มาเที่ยวสวนหลวง ร.9
ต่อมาเวลา 13.00 น. น.ส.บุญศรี และ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าบ้านว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นที่ชัดเจนว่า พื้นที่จัดสรรหมู่บ้านเสรีวิลล่า สวนหลวง ร.9 เป็นพื้นที่จัดสรรสำหรับที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์ เป็นสิ่งที่พวกเรารอคอยกันมานาน จะได้อยู่อย่างสงบสุขเสียที เร็วๆ นี้ตนจะจัดทำป้ายคำพิพากษาของศาลปกครองนี้ รวมทั้งเรื่องราวกระบวนการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมที่ผ่านมาตลอดเกือบ 10 ปี มาติดหน้าบ้าน ให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษา และสังคมได้เข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยืนยันว่า พวกเราพี่น้องแสงหยกตระการไม่ได้มีความโกรธแค้น หรือไม่พอใจพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทั้ง 5 แห่งเป็นการส่วนตัว แต่รู้สึกเห็นใจและพร้อมจะไปเป็นลูกค้าอุดหนุนร้านค้าต่างๆ หากร้านค้าไปตั้งอยู่ในสถานที่ที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตประเวศ ต้องไปดำเนินการเยียวยาพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ เพราะว่าเป็นความผิดและการละเลยของผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตประเวศ มาตั้งแต่ต้นที่ปล่อยปละให้เกิดเหตุนี้ขึ้นจนเกิดความเสียหายไปทั่ว
ส่วนกรณีที่ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง คดีการจัดตั้งตลาดรอบบ้านพักของ น.ส.บุญศรี โดยมีนายวันชัย ถนอมศักดิ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน เพื่อศึกษาว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีในส่วน กทม.จะต้องจ่ายชดใช้เยียวยาครอบครัวแสงหยกตระการที่เดือดร้อนมา 7 ปีเศษ เป็นเงิน 1,473,600บาท นั้น น.ส.บุญศรีกล่าวว่า กทม.ควรจะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลทันที ไม่ควรยื้อซื้อเวลาต่อไปอีกแล้ว
ที่มาข่าว:https://mgronline.com/politics/detail/9610000048972