- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ผู้การปอท.ชี้ ‘จ่า’ ขออนุญาตใช้รถเถื่อนของกลาง ไม่ให้เสื่อมสภาพ
ผู้การปอท.ชี้ ‘จ่า’ ขออนุญาตใช้รถเถื่อนของกลาง ไม่ให้เสื่อมสภาพ
'บิ๊กเจี๊ยบ-วรวัฒน์' บอกปม จ.ส.ต.ใช้รถของกลาง เบื้องต้นพบขออนุญาตต้นสังกัดแล้ว อยู่ระหว่างรอหลักฐานยืนยัน ชี้โดยหลักสามารถทำได้ เพื่อไม่ให้รถเสื่อมสภาพ ขณะที่เสี่ยเจ้าของรถตัวจริงโร่ให้ปากคำเพิ่มเติม
จากกรณีนายฉัตรชัย สินธุสิงห์ อายุ 48 ปี เจ้าของศูนย์บริการรถยนต์ ย่านพระราม 3 นำเอกสารใบสั่ง พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อ Nissan Cube สีเหลือง ทะเบียน ฆจ 6579 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของ น.ส.จันทร์เพ็ญ ปัญญารุ่งเรือง อายุ 46 ปี ภรรยา เข้าร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.กรัณฑ์วานิษฐ์ สมจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน หลังจากพบว่ารถคันดังกล่าวถูกสวมทะเบียนหมายเลขเดียวกัน ทำผิดกฎจราจรถูกออกใบสั่งหลายแห่งส่งถึงบ้าน อาทิ เมื่อเดือน ก.พ. ความผิดขับขี่ความเร็ว 113 กิโลเมตร บริเวณ บางนา กม.25 อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ, เมื่อเดือน มี.ค. ผิดความเร็ว 122 กิโลเมตร บริเวณทางหลวงหล่มสัก จ.สระบุรี และเมื่อเดือน เม.ย. ผิดความเร็ว 122 กิโลเมตร สะพานพระราม 4 อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวคือ จ.ส.ต รายหนึ่งที่อยู่ในสังกัด บก.ปอท. ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. ที่ สน.ปทุมวัน นายฉัตรชัย เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก. สน.ปทุมวัน ร.ต.ท.กรัณฑ์วานิษฐ์ สมจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี โดย นายฉัตรชัย ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า มาตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดหมายเท่านั้น
พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก. สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า เรียก นายฉัตรชัย ผู้เสียหายมาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อทราบรายละเอียดของรถคันดังกล่าว เนื่องจากเจ้าของรถเป็นชื่อภรรยา หลังจากนี้จะเรียก จ.ส.ต. สังกัด บก.ปอท. คู่กรณี มาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงการครอบครองรถคันดังกล่าว หากพบการกระทำผิดอาจเข้าข่าย ใช้เอกสารราชการปลอม ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะยึดรถยนต์ของกลาง ส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พร้อมขอรถยนต์คันจริงและป้ายทะเบียนของผู้เสียหายมาเปรียบเทียบ ในส่วนเรื่องใบสั่งนั้นผู้เสียหาย ส่งข้อมูลไปให้ตำรวจในหลายท้องที่ที่ออกใบสั่งเพื่อชี้แจงเหตุผลว่าไม่มีการใช้รถยนต์ในช่วงวันเกิดเหตุได้รับทราบแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปอท. เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า รถคันดังกล่าว มีผู้นำมาจอดทิ้งไว้ และไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงตรวจยึดไว้ จากย่านเมืองทองธานี ช่วงประมาณต้นปี โดยส่งตรวจพิสูจน์หลายหน่วยงาน เช่น กองพิสูจน์หลักฐาน กองทะเบียนประวัติอาชญากร กรมการขนส่งทางบก บริษัทนำเข้ารถ กรมศุลกากร และประสานตรวจสอบไปยังทางการประเทศมาเลเซีย ซึ่งไม่พบข้อมูลการแจ้งหายหรือข้อมูลการนำเข้า แต่พบร่องรอยการเปลี่ยนแปลงสีของตัวรถ คาดว่าเป็นรถหนีภาษี และจัดหาทะเบียนปลอมมาสวมใช้งาน
พล.ต.ต.วรวัฒน์ เผยต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่ จ.ส.ต.นำรถของกลางไปใช้ เบื้องต้นทราบว่า ขออนุญาตต้นสังกัดเพื่อใช้รถจริงซึ่งอยู่ระหว่างรอหลักฐานยืนยัน ส่วนเรื่องการนำรถที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบไปใช้งาน โดยหลักการสามารถทำได้ เพื่อไม่ให้รถเสื่อมสภาพ หรือไม่เป็นภาระในการหาสถานที่จัดเก็บ แต่ต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง และต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากผลการชี้แจงชัดเจนว่าเป็นการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแต่อย่างใด