- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 22 เม.ย.ศาล ปค.สูงสุดนัดพิพากษาคดีโฮปเวลล์ 1.2 หมื่นล.
22 เม.ย.ศาล ปค.สูงสุดนัดพิพากษาคดีโฮปเวลล์ 1.2 หมื่นล.
ศาลปกครองสูงสุด เตรียมพิพากษาคดีโฮปเวลล์พรุ่งนี้(22เม.ย.)ลุ้นรัฐเสียค่าโง่ 12,000ล้านหรือไม่
วันนี้(21เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันพรุ่งนี้(22เม.ย.)เวลา10.00น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคม โดยการ รถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัทโฮปเวลล์รวม11,888ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ทำให้รฟท.ไม่ต้องจ่ายคืนเงินจำนวนดังกล่าว
โดยคดีนี้กระทรวงคมนาคมกับพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางว่า คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดตามข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ให้ กระทรวงคมนาคมกับพวก คืนเงินค่าตอบแทนและเงินอื่นให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยอ้างว่า
กระทรวงคมนาคมกับพวก บอกเลิกสัญญาสัมปทานระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับในกรุงเทพมหานครและการใช้ประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยไม่ชอบ และให้จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆแก่บริษัทโฮปเวลล์รวม11,888 ล้านบาท ซึ่ง กระทรวงคมนาคมกับพวก เห็นว่าข้อพิพาทดังกล่าวไม่อยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการที่สามารถระงับข้อพิพาททางอนุญาโตตุลาการได้ เนื่องจากมิใช่ข้อพิพาทในการปฏิบัติตามสัญญาฯ
โดยศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อ13มี.ค.57 เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2557ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 ก.ย 2551ทั้งหมด และเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 44/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 70/2551ลงวันที่ 15 ต.ค. 2551ทั้งหมด และมีคำสั่งปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2551 เนื่องจากศาลปกครองเห็นว่า เมื่อคำนวณนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 30ม.ค.41 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทแล้ว ระยะเวลาของการเสนอข้อพิพาทจะครบกำหนด5 ปี คือ ในวันที่30 ม.ค.46 ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า บริษัทโฮปเวลล์ยื่นข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 24พ.ย.47 การเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ จึงเกินกว่ากำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดตามนัยมาตรา 51 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และเมื่อระยะเวลาการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการเป็นเรื่องสำคัญ ถือได้ว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลปกครองสามารถยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ดังนั้น ศาลจึงเห็นว่าในกรณีนี้ คณะอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจรับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ที่ บริษัทโฮปเวลล์ยื่นต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการไว้พิจารณาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดได้ การที่คณะอนุญาโตตุลาการรับข้อพิพาทดังกล่าวไว้พิจารณาและต่อมามีคำชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 และการที่ กระทรวงคมนาคมกับพวกยื่นข้อเรียกร้องแย้งเมื่อวันที่ 20ก.ย 48จึงเกินกำหนดระยะเวลาตามนัยมาตรา 51 แห่งพ.ร.ป.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ดังกล่าว เมื่อคณะอนุญาโตตุลาการรับข้อเรียกร้องแย้งของ กระทรวงคมนาคมกับพวก ไว้พิจารณา และต่อมามีคำชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่
44/2550ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 70/2551 จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย บริษัทโฮปเวลล์ฯจึงยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้คดีดังกล่าวคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2551 ให้ รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 บาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท