- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- บอร์ดอีอีซีไฟเขียวซีพีลุยไฮสปีดเทรน ชง ครม.เคาะ 28 พ.ค.นี้
บอร์ดอีอีซีไฟเขียวซีพีลุยไฮสปีดเทรน ชง ครม.เคาะ 28 พ.ค.นี้
บอร์ดอีอีซีฉลุยรับทราบรายงานเจรจากลุ่มซีพีเดินหน้าลงทุนไฮสปีดเทรน บรรลุการเจรจา โดยเตรียมนำเสนอ ครม.เคาะร่วมลงทุนวันที่ 28 พ.ค.นี้ ขณะที่ท่าเรือมาบตาพุดจ่อชง ครม.สัปดาห์หน้า ปรับเงื่อนไขเดินหน้าถมทะเล พร้อมไฟเขียวโครงการพัฒนาศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ ในอีอีซีและแผนพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี เปิดเผยว่า บอร์ดอีอีซี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้รับทราบผลการคัดเลือก การเจรจา และร่างสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนรูปแบบการร่วมทุนกับเอกชน (PPP) ที่ภาครัฐลงทุนน้อยที่สุดซึ่งได้พิจารณากลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) เข้าร่วมลงทุน เพราะเป็นผู้ยื่นข้อเสนอด้านการลงทุน ผลตอบแทนที่ผ่านการพิจารณา และบรรลุข้อตกลงในการเจรจา โดยจะนำเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเข้าร่วมลงทุนในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้
“ ร่างสัญญาร่วมลงทุนได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และมีมติให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยหรือรฟท.เข้าร่วมลงทุนในโครงการฯ กับเอกชนที่ได้คัดเลือกดังกล่าวได้ในวันที่ 28 พ.ค.นี้โดยแม้ว่าครม.จะมีรัฐมนตรีหลายท่านลาออกก็ยังสามารถประชุมได้อยู่ ส่วนการลงนามในสัญญา 15 มิ.ย.ก็คงจะต้องรอผลการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) และการส่งมอบพื้นที่ด้วย”นายคณิศกล่าว
สำหรับโครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 เตรียมเสนอครม.เร็วๆ นี้ช้าสุดไม่เกินสัปดาห์หน้าเกี่ยวกับการขอให้ครม.เห็นชอบปรับเงื่อนไขแนวทางให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เกี่ยวกับเงื่อนไขให้เอกชนที่ชนะประมูล เป็นผู้ลงทุนถมทะเล 10,000 ล้านบาทซึ่งคิดดอกเบี้ย 2.5% ตลอด 30 ปี โดยกนอ.จะทยอยคืนเงินให้ปีละ 600 ล้านบาทเป็นคืนเงินให้ปีละ 720 ล้านบาทคิดดอกเบี้ยที่ 4.8% ส่วนโครงการซึ่งเบื้องต้นได้เจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์และพีทีที แทงค์ (บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์-บริษัทพีทีที แทงค์ เทอร์มินอล)ผู้ได้รับคัดเลือกเพียงรายเดียว
“ ในส่วนของโครงการท่าเรือแหลมฉบับเฟส 3 และสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก คาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในปลายมิ.ย. ซึ่งก็ล่าช้าไปกว่าแผนเดิมเล็กน้อยจากที่คิดว่าจะเป็นพ.ค.นี้ ขณะที่โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานหรือ MRO วันที่ 15 พ.ค.นี้จะมีการประชุมกับการบินไทยก็น่าจะไม่เกินมิ.ย.นี้เช่นกัน”นายคณิศกล่าว
นอกจากนี้บอร์ดยังได้เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการพัฒนาศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ ในอีอีซี จะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความรู้ทางการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomic Medicine) ที่จำเป็นให้ประเทศที่มีความต้องการบริการการแพทย์แบบแม่นยำ (Precision Medicine) ให้สามารถนำไปสู่การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ในอนาคตอันใกล้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลดังกล่าวได้อย่างทั่วถึงในระบบประกันสุขภาพ และให้ สกพอ. ประสานหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พร้อมกันนี้ยังได้เห็นชอบการพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุน ใน EECต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อนที่รับทราบความต้องการในอุตสาหกรรมดิจิทัล กว่า 100,000 คน โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สานต่อโครงการพร้อมจัดทำการพัฒนาและผลิตกำลังคนดิจิทัล สำหรับพื้นที่ EEC คาดว่า ภายในปี 2566บุคลากรที่ได้รับการพัฒนากว่า 180,000 คน ประกอบด้วย นักศึกษาจบใหม่ด้านดิจิทัลที่เข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 60,000 คน นักศึกษาสาขาอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนหรือเรียนเพิ่มเติม ในสาขาวิชาด้านดิจิทัล จำนวน 120,000 คน