- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- “ธนาธร” ชู 3 เหตุค้านสืบทอดอำนาจ คสช. -ชี้ 7 วันตัดสินอนาคตชาติ
“ธนาธร” ชู 3 เหตุค้านสืบทอดอำนาจ คสช. -ชี้ 7 วันตัดสินอนาคตชาติ
วันที่ 14 พ.ค. 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึงเหตุผลที่ไม่ควรให้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สืบทอดอำนาจ โดยชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติจะต้องเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีอำนาจเต็มในการผ่านกฎหมายหรือนโยบายต่างๆ ที่จะมีผลภาระผูกพันไปถึงรัฐบาลใหม่ พร้อมระบุ 3 เหตุผล คือ 1.มีการใช้ภาษีประชาชนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใกล้ชิด คสช. โดยยกถึงประเด็นรัฐบาลพยายามที่จะผลักดันให้การบินไทยซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 38 ลำ รวม 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นภาระผูกพันส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้า ขณะที่การบินไทยขาดทุนในปีที่แล้ว 11,500 ล้านบาท มีหนี้อีกกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งหากปีนี้และปีหน้าขาดทุนเท่ากับปี 61 การบินไทยจะล้มละลายในอีก 2 ปี แต่กลับจะไปก่อหนี้อีก 150,000 ล้านบาท มันไม่มีทางที่บริษัทที่มีผลประกอบการแบบนี้จะแบกรับหนี้ไหว สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำ คือ ควรกอบกู้แผนฟื้นฟูใหม่ ทำไมมีความเร่งด่วนอะไรที่จะต้องผลักดันซื้อเครื่องบินให้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังออก ม.44 เอื้อประโยชน์ทางโทรคมนาคม จากการคืนคลื่นทีวีดิจิทัล และการยืดหนี้โทรคมนาคม 3 ค่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้เงินออกจากรัฐรวม 23,664 ล้านบาท ซึ่งลองดูดีๆ จะพบว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับผลประโยชน์นี้
“ถ้าผมเป็นเกษตรกรรัฐบาลปีนี้บอกว่าปลูกมะนาวจะดี เราก็ไปกู้เงิน ธ.ก.ส.เอามาซื้อปุ๋ย ซื้อยาฆ่าแมลง แล้วไปปลูกมะนาว ครบฤดูกาลเก็บเกี่ยวเอาไปขาย ขายไม่ได้ตามที่ราคาที่รัฐบาลมาชักจูงให้เกษตรกรปลูกมะนาว เกษตรกรได้ค่าชดเชย ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลงคืนมั้ย ขอยืดหนี้กับ ธ.ก.ส.แบบนี้ได้มั้ย ไม่ได้นะ เกษตรกรไม่มีโอกาสแบบนี้นะ แล้วบางรัฐบาลพยายามที่จะยืดหนี้ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นประชานิยม แต่นายทุนนิยมแบบนี้ไม่มีใครพูดถึง” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ยังกล่าวถึงกรณีสัมปทานการค้าปลอดภาษีในสนามบิน ที่เอื้อคิงเพาเวอร์มั่งคั่งอย่างมหาศาลภายในช่วงเวลาไม่นาน ตั้งแต่ปี 2549 โดยรัฐบาลได้ออก ม.44 ไปแก้เงื่อนไขใน พีพีพี แล้วตีความว่าสัญญาเช่าพื้นที่ในเชิงภาษีจากรัฐไม่ต้องเข้าข่าย พีพีพี เพื่อให้อำนาจในการกำหนดทีโออาร์ การคัดเลือก อยู่ที่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พร้อมเปรียบเทียบการให้สัมปทานดิวตี้ฟรีของต่างประเทศในสนามบินนานาชาติที่ให้เปิดมากกว่า 1 ราย และมีค่าธรรมเนียมมากกว่าของไทย โดยการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีฉบับใหม่จะเกิดขึ้นภายในรัฐบาลนี้ ซึ่งตนคงไม่ต้องบอกว่ากลุ่มทุนนี้มีความสัมพันธ์กับพรรคไหนบ้าง
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินนานาชาติ ที่กลุ่มซีพีชนะ จะได้ที่ดินมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทยรวม 497 ไร่ ไปใช้ประโยชน์ทางธุรกิจด้วย ขณะที่ภาครัฐก็ต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายมากกว่าเอกชนที่ชนะการประมูลออกเองเสียอีก และยังมีการขอเงื่อนไขพิเศษต่างๆ นานามากมาย ตนเห็นว่ามีความไม่โปร่งใสมากมายที่จะทำให้สาธารณะตั้งคำถามได้ว่าการประมูลเป็นไปอย่างสุจริตและเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนหรือไม่ โดยเข้าใจว่าทั้งหมดน่าจะมีการปิดดีลกันก่อนที่จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
นายธนาธร ระบุถึงเหตุผลข้อ 2.การกระจายอำนาจถอยหลังลง โดยชี้ถึงการออกพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่เพิ่มอำนาจส่วนกลางควบคุมท้องถิ่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ มีอำนาจในการเรียกชี้แจง แนะนำ ตักเตือน สั่งเพิกถอนการกระทำ รวมทั้งสามารถสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ได้ ลดอำนาจทำลายความอิสระ จากรัฐธรรมนูญที่ตัดเรื่องความอิสระในการกำหนดนโยบายออกไป และกฏหมายท้องถิ่นยังกำหนดให้การบริการสาธารณะ และการเบิกจ่ายงบประมาณต้องเป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบให้เท่านั้น และลดความสำคัญของการเลือกตั้ง ทั้งอายุขั้นต่ำ 35 ปี ลดสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเหลือหมู่บ้านละ 1 คน ยกเลิก สมาชิกสภาเขต และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ทั้ง กรุงเทพฯ และ พัทยา อาจไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
“คุณกำลังบอกว่าคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ต้องอยู่ใต้อาณัติการปกครองการบัญชาของข้าราชการ ความพยายามที่จะยุติรัฐราชการรวมศูนย์ที่เริ่มต้น ปี 2540 กำลังถูกพังทลายลงอย่างเป็นระบบ ท่านเคยเห็นมั้ยมีพรรคไหนเสนอให้เพิ่มอำนาจส่วนกลาง แทบจะทุกพรรคการเมืองพูดตรงกัน 1 อย่างคือเรื่องยุติรัฐราชการรวมสูญอำนาจส่วนกลาง การกระจายอำนาจ ไปดูนโยบายของทุกพรรคใหญ่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.ท้องถิ่น 6 ฉบับ คือ ดึงกลับเข้ามา ดังนั้น ก็ต้องถามว่า นโยบายที่พวกคุณหาเสียงกับการร่วมรัฐบาลที่มีนายกฯ ที่ผลักดันกฏหมายพวกนี้ออกมา คุณจะตอบประชาชนว่าอย่างไร ตกลงจุดยืน อุดมการณ์มันอยู่ที่ไหน”
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังกล่าวถึงข้อ 3.ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ โดยระบุถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และ พระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ 2562 ซึ่งเพิ่มอำนาจให้ราชการแฮกข้อมูล ตรวจสอบการใช้โซเชียลมีเดียโดยไม่ต้องใช้หมายศาล ถ้าเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ตนถามว่ากลุ่มคนที่ยืนหยัดต่อสู้และเรียกร้องประชาธิปไตย ความเท่าเทียม เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือผู้มีอำนาจปัจจุบันกันแน่ การเขียนแบบหยาบๆ แล้วปล่อยอำนาจในการตีความทำให้โอกาสในการบิดเบือนเข้าไปเอาข้อมูลมาเล่นงานพวกเราทีหลัง ละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง ปิดปากประชาชนไม่ให้พูดไม่ให้แสดงออก ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ทำให้กลไกอำนาจรัฐแข็งแกร่งขึ้น และเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง ตนถามพรรคการเมืองนี่คือสังคมที่อยากเห็นหรือ ตอบกับประชาชนว่าไปร่วมกับพวกเขาทำไม ด้วยหลักการ ด้วยเหตุผลอะไร
“รูปแบบกองทัพในปัจจุบันก็เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดวงจรรัฐประหารอุบาทว์อย่างต่อเนื่อง แต่ในอีกแง่นึงก็เพราะมีนักการเมืองที่ไม่ยืนหยัดในอุดมการณ์อย่างนี้ ที่ทำให้วงจรรัฐประหารมันมีชีวิตต่อไปได้” นายธนาธร กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้ไขยังไง นายธนาธร กล่าวว่า ก็หาช่องทางได้ มีช่องทางเยอะแยะ แน่นอนอาจจะไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการแก้ไข แต่เราตั้งกระทู้ในสภาได้ เราเสนอญัตติได้ เรามี ส.ส.มากกว่า 20 คน เราเสนอกฏหมายของเราเองได้ เราผลักดันวาระต่างๆ ผ่านการเป็นกรรมาธิการได้ มันก็มีช่องทางอื่นๆ ที่สามารถทำต่อให้ไม่มีอำนาจในการบริหาร แต่มีช่องทางปกป้องประโยชน์ของประชาชน ไม่ว่าผลประโยชน์จะเป็นเรื่องเงิน หรือเสรีภาพ
เมื่อถามถึงพรรคที่ยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมกับฝ่ายใด นายธนาธร กล่าวว่า ตนคาดหวังกับนักการเมือง ทุกพรรคการเมือง ให้ตัดสินใจให้ถูกต้อง เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 7 วันข้างหน้าจะตัดสินอนาคตประเทศไทยว่าจะเดินไปทางไหน ถ้า คสช.สืบทอดอำนาจได้ไม่รู้ว่าประชาธิปไตยจะกลับมาอีกทีเมื่อไหร่ หลายคนมองโลกสวยว่าอยู่ได้ไม่ถึงปีหรอก เป็นไง ปี 57 เนี่ยอยู่มาแล้ว 5 ปี ถ้าอยากพาประเทศไทยไปอย่างนี้แล้วอยู่กับสังคมแบบนี้ต่อไป เลือกร่วมรัฐบาลกับพรรคนึง แต่ถ้าไม่อยากก็เลือกร่วมรัฐบาลอีกพรรคนึง
เมื่อถามว่า นอกจากการปิดสวิตช์ ส.ว.ยังมีช่องทางไหนบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ช่องแรกต้องเอาชนะกันที่ ส.ส.คือ เส้น 250 เสียง ซึ่งก็ขโมยเราไปแล้ว 7 จากการใช้สูตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ การตัดสินใจของ กกต.ที่ใช้สูตรแบบนึงคือการเปลี่ยนประเทศไปแล้วรอบนึง ความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลมันอยู่ที่ฝ่ายไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ที่มี ส.ส.รวม 255 เสียง แต่พอพลิกมาใช้อีกสูตรนึงมันเหลือ 245 ทันที ดังนั้นการข้ามเส้น 250 นี่มันสำคัญมาก ทำให้เราต้องออกมาวิ่งหาใหม่ว่าทำอย่างไรถึงจะก้ามข้าม 250 ไปได้อีกครั้ง ดังนั้น อยู่ที่ ส.ส.ทุกคนพยายามเอาชนะกันที่ ส.ส. ชนะได้อย่างไร กกต.ใช้คำนวณสูตรบัญชีรายชื่อหายไปแล้ว 7-8 คน, งูเห่า, ใช้คดีความ ใช้อะไรข่มขู่ให้มีการเปลี่ยนข้าง ถ้าสู้กันที่ ส.ส.ไม่จบ ใช้ ส.ว.ได้อีก แล้วอย่าลืมว่ายังมีกลไกศาลรัฐธรรมนูญ อะไรอีกเยอะแยะไปหมด ดังนั้น เดินทางต่อไปเป็นทางที่ลำบาก เป็นการเดินทางไกล เป็นการเดินทางขึ้นเขา ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แต่ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้วันนี้ 10 ปีก็จะไม่มีวันถึงเสียที
เมื่อถามถึงการชูขั้วที่ 3 ที่อาจจะให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี นายธนาธร กล่าวว่า แคนดิเดตนายกฯ ที่ ส.ส.เกิน 25 คน มี 7 คน พรรคเพื่อไทย 3 คน ตน พล.อ.ประยุทธ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอนุทิน นี่คือรอบแรก ถ้าตกลงร่วมกันว่าการสืบทอดอำนาจไม่ควรจะเกิดขึ้น แล้วมาคุยกันใครเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ใครรวมเสียงได้เกิน 251 แล้วเห็นว่าคนไหนเหมาะสม เป็นไปเลย เรายืนยันในหลักการตรงนี้ แต่อย่างแรกคือต้องมาบอกร่วมกันก่อนว่าไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจ
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน หรือแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอโทษจริงๆ ตนบอกไม่ได้ อย่าเอาความกดดันที่ตน มันมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว เป็นนักการเมืองมันต้องร่วมมือกับพรรคใดก็พรรคนึง ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ แต่ด้วยเงื่อนไขอะไรตนขออนุญาตให้เกียรติคนที่คุยด้วย ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็ก
เมื่อถามถึงท่าทีของ 11 พรรคเล็กที่จะไปสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ทำให้พรรคฝั่งเพื่อไทยและอนาคตใหม่เป็นฝ่ายค้าน นายธนาธร กล่าวว่า ตนว่ายังไม่มีอะไรสรุป สมมติฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจมี 245 เสียง ถ้ามีพรรคภูมิใจไทยเข้ามามันมี 290 กว่าเสียงเลย หรือถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่โหวตให้ใครเลย โหวตนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ คนเดียว ก็จะนำไปสู่รอบที่ 2 เพราะไม่มีฝ่ายใดเกิน 250 เสียง ดังนั้น มันยังเป็นไปได้ทั้งหมด มันยังมีอะไรอีกเยอะที่ยังไม่แน่นอน ยังไม่ต้องไปซีเรียสเรื่อง 11 พรรค และก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขาจะเลือกอะไร
“ผมไม่เห็นด้วยกับหลายคนใน 11 พรรค แต่ผมไม่ใช่ศัตรูของเขา เพราะเขาไม่ได้เป็นคนที่มาแย่งคะแนนจากผมไป แต่เป็น กกต.ที่แย่งคะแนนจากพรรคอนาคตใหม่ไป ดังนั้นตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ 11 พรรคนะ การที่เขาได้คะแนนไปเราไม่ได้ติดใจ เพราะไม่ใช่ความผิดของเขา” นายธนาธร กล่าว