- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- สนท.ยกพลบุกหน้าทบ.ย้อนรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา
สนท.ยกพลบุกหน้าทบ.ย้อนรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา
“เพนกวิน”นำขบวน สนท.บุกหน้ากองทัพบก แขวนป้ายผ้า ย้อนรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา ตร.แจ้งระเบียบการชุมนุม ไร้ความวุ่นวาย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 ต.ค. นายพริษฐ์์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน จากสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) พร้อมกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม เดินทางมาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย รำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 46 ปี 14 ต.ค.2516 การเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชน โดยการขับไล่รัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและรัฐบาลทหาร จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยมี พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.นางเลิ้ง พร้อมตำรวจสน.นางเลิ้ง ร่วมดูแลความเรียบร้อย โดยนายพริษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มนักศึกษาและประชาชนได้เดินทางมาที่หน้ากองทัพบก เพื่อร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา โดยกิจกรรมจะมีการกล่างคำรำลึก แขวนป้ายผ้า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" ที่รั้วกองทัพบก และอ่านบทกวีรำลึกพร้อมวางนกกระดาษสีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์อีกด้วย
นายพริษฐ์์ กล่าวอีกว่า ก่อนดำเนินกิจกรรม ทางผกก.สน.นางเลิ้งได้แจ้งระเบียบการชุมนุมให้ทราบและขอให้ย้ายการทำกิจกรรมจากริมทางเท้าหน้ากองทัพบก รวมทั้งการแขวนป้ายผ้าที่ริมรั้ว ให้มาทำกิจกรรมบริเวณเกาะกลางถนนด้านหน้าแทน พร้อมนำรั้วเหล็กมากั้นพื้นที่ให้แขวนป้าย ก็ยอมปฎิบัติตามคำชี้แจงของทางเจ้าหน้าที่ เพื่อให้กิจกรรมสามารถดำเนินต่อไปได้ สาเหตุที่จะต้องเป็นกองบัญชาการกองทัพบก การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการรำลึกถึงการทำรัฐประหาร ที่เกิดจากกองทัพ เพราะนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นอดีต ผบ.ทบ. รวมถึงกรณีที่ ผู้บัญชาการทหารบกคน ออกมาให้ความเห็นทางการเมืองค่อนข้างรุนแรง ซึ่งมองว่า ในนานาประเทศหากผู้นำเหล่าทัพออกมาให้ความเห็นทางการเมืองจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะว่า กองทัพควรจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงมองว่า ไม่ว่าเหตุการณ์แบบ 14 ตุลาจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งถ้าไม่นำกองทัพออกจากการเมืองได้ ก็ไม่สามารถโค่นล้มเผด็จการออกจากสังคมไทยได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มนักศึกษาทำกิจกรรมแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ โดยไม่มีความวุ่นวายใดๆเกิดขึ้น
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/politics/736556