- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- สาวแฉแหลก 'ลิขสิทธิ์' จับขู่สารพัด กลัวยอมจ่าย2.5หมื่น
สาวแฉแหลก 'ลิขสิทธิ์' จับขู่สารพัด กลัวยอมจ่าย2.5หมื่น
สาวเหยื่อแก๊งลิขสิทธิ์โผล่สมุทรปราการ แฉแหลกพฤติกรรมหลอกล่อซื้อ ถูกขู่สารพัดอ้างปรับหลายแสนและถูกจำคุก ต่อรองแล้วไม่ยอม ผวาหนักจำใจจ่าย 2.5 หมื่น
เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/regional/740830 รายงานข่าวว่า จากกรณีเด็กหญิงอายุ 15 ปี รับทำกระทงขายตามออนไลน์แล้วถูกแก๊งลิขสิทธิ์สั่งทำและทำการล่อซื้อ พาเข้าห้องมืดและข่มขู่เพื่อกรรโชกทรัพย์ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น เมื่อวันที่ 9 พ.ย. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งลิขสิทธิ์กระทำทำนองเดียวกัน หอบเอกสารเข้าร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน หลังถูกแก๊งลิขสิทธิ์ทำการล่อซื้อให้นำแก้วเยติที่มีลายการ์ตูนโดราเอมอนข้างแก้ว 6 ใบมาส่งที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าโลตัส ศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนกลุ่มชายฉกรรจ์ข่มขู่จับส่งฟ้องศาลเสียค่าปรับหลายแสนและติดคุก ก่อนกรรโชกทรัพย์เรียกเงินแลกไม่ดำเนินคดี 6 หมื่นบาท สุดท้ายต่อรองจ่ายไป 25,000 บาท จากนั้นได้ปล่อยตัว
น.ส.เอ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องตนได้ขายของในเฟซบุ๊ก ประเภทน้ำพริกเผาและของกินอื่นๆ เพื่อเป็นรายได้เสริมเวลาว่าง เพราะมีงานประจำทำอยู่แล้ว โดยได้นำแก้วเยติหรือแก้วเก็บความเย็นลายการ์ตูนโดราเอมอน 6 ใบ ที่ตั้งใจซื้อเก็บเอาไว้ใช้ไปโพสต์ขายในเฟซบุ๊กหวังหารายได้เสริม หลังโพสต์ไม่ถึงชั่วโมงก็มีคนติดต่อมาของซื้อ ซึ่งตอนนั้นเราเอาขึ้นประกาศขายไว้ 6 ใบเพราะซื้อมาแค่นั้น คนที่ติดต่อมาอ้างว่าสนใจอยากจะซื้อทั้งหมดเพื่อจะเอาไปฝากเพื่อน ด้วยความดีใจที่ขายของได้ จึงได้นัดหมายส่งมอบของกันที่ลานจอดรถโลตัส ศรีนครินทร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักมากนัก โดยทางคนซื้อได้ขอให้เรานำสินค้าไปส่งในเวลา 1 ทุ่มของวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา พอถึงเวลาส่งของ ตนจึงได้พาลูก 2 คน นั่งไปในรถด้วย ตนก็ขับรถไปจอดที่ลานจอดห้างดังกล่าวตามที่นัดหมาย พอถึงเวลาได้มีชายโทรติดต่อเข้ามาอ้างว่ามารับสินค้าแทนภรรยา ตนจึงส่งแก้วน้ำทั้งหมดให้ หลังจากที่ชายคนดังกล่าวได้ตรวจสอบสินค้าแล้วจึงได้เอาเงินค่าสินค่าสินค้าส่งให้ตน พอเงินถึงมือตนก็มีชายฉกรรจ์อีก 3-4 คน กรูกันเข้ามาจับตนพร้อมด้วยตำรวจในเครื่องแบบอีก 1 คน ก่อนแจ้งว่าถูกจับเรื่องลิขสิทธิ์ ซึ่งตอนนั้นลูกคนเล็กที่นั่งอยู่กับเราถึงกับร้องไห้โฮออกมา ด้วยความกลัวตนก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน ก่อนที่ทั้งหมดจะพาตนมาที่โรงพัก สภ.เมือง สมุทรปราการ
น.ส.เอ กล่าวต่อไปว่า หลังถึงโรงพักกลุ่มชายแก๊งลิขสิทธิ์ ได้เอาเอกสารปึกใหญ่มาทำทีเปิดให้เราดู พร้อมยืนยันว่าพวกตนเป็นตัวแทนของบริษัทลิขสิทธิ์ กลุ่มชายทั้งหมดได้พยายามพูดจาลักษณะคล้ายข่มขู่ตน โดยบอกว่าคดีนี้ถ้าส่งฟ้องศาลจะถูกปรับหลายแสนบาทและถูกจำคุกด้วยเพราะเป็นคดีอาญา ตนจึงเขาไปสอบถามตำรวจที่เป็นร้อยเวรขณะนั้น ว่าเขาเป็นตัวแทนของบริษัทจริงหรือเปล่า ถ้าเขาเป็นตัวแทนบริษัทจริง เราก็คงทำผิดจริง เราก็พยายามต่อรองเขา ซึ่งคนในกลุ่มนั้นก็บอกว่าต่อรองกันได้นะ ลิขสิทธิ์จริงๆ มันต้องขึ้นศาล อาจจะติดคุกหรือเสียค่าปรับเป็นหลายแสน เขาพูดประมาณว่าให้เรากลัวให้มากที่สุด เราก็กลัวก็เลยพูดต่อรองดูว่าตนเองมี 5 พันได้หรือเปล่า ชายกลุ่มนั้นได้บอกว่า 5 พันไม่กล้าโทรไปบอกทางผู้ใหญ่หลอก เพราะจริงๆ แล้วต้อง 6 หมื่น แต่สำหรับตนขอแค่ครึ่งเดียว ตนก็บอกว่าครึ่งเดียวตนก็ไม่มีให้ และก็มีหนึ่งในกลุ่มนั้นคนที่ใส่แว่น หรือคนที่ถูกดำเนินคดีที่นครสวรรค์ตอนนี้ จะพูดตะคอกมาตลอดว่า ถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็จะจับเขาคุกไปเลย สุดท้ายก็ต่อรองว่า 25,000 บาทได้หรือเปล่า เพราะตนเตรียมไว้จ่ายค่าเทอมให้ลูก 2 คน เขาจึงยอม พอเราจ่ายเงินไปเขาก็เอาเอกสารเหมือนว่าจะยอมความมาให้เราเซ็น แต่ตอนแรกเอกสารที่ปรินออกมามันมี 2 ข้อ ข้อที่ 1 เป็นเรื่องลิขสิทธิ์ ข้อ 2 เป็นเหมือนศิลปะลายเส้นอะไรสักอย่าง แต่พอยอมความกันได้เขาก็ไปตัดข้อที่ 1 ออก เหลือเพียงข้อ 2 ละเมิดลายเส้นลิขสิทธิ์ โดราเอมอน ยอมความกันได้พอจ่ายเงินไปเราก็เซ็น แต่เขาไม่มีใบเสร็จอะไรออกมาให้เราเลย
น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ตามที่ตนอ่านข่าวว่าลิขสิทธิ์โดราเอมอน มันไม่มีแล้ว แต่เหมือนว่าเขาจะมีอีกข้อหนึ่งที่เป็นของเขาฝ่ายที่เขาอ้างว่าเป็นลิขสิทธิ์ เขาบอกว่าถึงแม้ว่าลิขสิทธิ์นั้นมันหมดไป ก็จะมีอีกข้อหนึ่งที่เป็นลายเส้นมันก็ยังมีลิขสิทธิ์อยู่ เขาพูดเหมือนว่ามีลิขสิทธิ์ทั้ง 2 ข้อ ทั้งๆ ที่ตนบอกว่าลิขสิทธิ์ถ้าตนผิดตนก็ยอมรับ แต่มันหนักไปหรือเปล่าแก้ว 6 ใบ 6 หมื่น ตนก็เลยถามว่าทำไมไม่ไปจับคนที่ขายให้ตนเลย เขาก็ตอบว่าไม่เอา ถ้าจะจับก็ต้องจับคนหางอย่างนี้แหละ โดยอ้างว่าเพราะหางจะได้ไม่ไปซื้อคนกลาง และคนต้นก็ต้องไม่ขาย
"อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูตรงนี้สักหน่อย เพราะคนทำมาหากินเขาเดือดร้อนกันจริงๆ จากที่เห็นในข่าวเขาจะเอาแต่ผู้หญิงไม่ค่อยมีทางสู้ และที่ยอมจ่ายเงินไปก็ไม่มีใบเสร็จอะไรออกมาให้ เราก็เลยไม่รู้ว่าว่าเงินตรงนั้นมันเข้าบริษัทจริงหรือเปล่า ก็เลยอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยชี้แจงว่าตรงนี้เราผิดจริงหรือเปล่า และอยากให้บริษัทต้นสังกัดออกมาชี้แจงว่าได้มีการมอบหมายให้ใครหรือบริษัทใดในการตรวจจับลิขสิทธิ์หรือไม่ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยดูในเรื่องด้วย" น.ส.เอ กล่าว