ไทยพาณิชย์ปรับโฉมสาขาต้นแบบ ดัน“คอมมูนิตี้แห่งใหม่คน(อยาก)ทำธุรกิจ”

ไทยพาณิชย์ หนุนเอสเอ็มอีไทยต่อเนื่อง รุกปรับโฉม SCB Business Center สู่การเป็น “คอมมูนิตี้แห่งใหม่ของคน (อยาก) ทำธุรกิจ”

ธนาคารไทยพาณิชย์ ต่อยอดแคมเปญ “SME Fighto” ปลุกสปิริตนักสู้ผู้ประกอบการ ปรับโฉม SCB Business Center ให้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของคนอยากทำธุรกิจ โดยร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ ไปรษณีย์ไทย wongnai และ GET ที่จะมาร่วมมือในการช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และให้บริการที่สนับสนุนการดำเนินงาน และต่อยอดการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ และยังได้ร่วมมือกับ Class café สร้างสรรค์พื้นที่ Co-working/ Co-learning Space ขึ้นภายใน SCB Business Center ให้กลายเป็นพื้นที่พบปะ และต่อยอดธุรกิจสำหรับผู้ที่คิดอยากทำธุรกิจ รวมถึงการให้ความรู้ผ่านงานสัมมนาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ทดลองพัฒนาสาขาต้นแบบที่เปิดให้บริการธุรกรรมการเงินตลอด 24 ชั่วโมงขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศที่ SCB Business Center สาขาสยามสแควร์ พร้อมกิจกรรมอัดแน่น ฟรี! สัมมนาต่อยอดธุรกิจเพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจของผู้ประกอบการก้าวไปได้ไกลยิ่งขึ้น ประเดิมด้วยซีรีส์สัมมนา Coffee Talk Series สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในหัวข้อ “SME ไทยต้องสู้กับอะไรในปี 2020” พบกับสามเทรนด์เปลี่ยนแปลงโลกแห่งการทำธุรกิจสำหรับการปรับตัวของเอสเอ็มอีไทยจาก 3 กูรูผู้เชี่ยวชาญหลากหลายวงการธุรกิจ

นางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงความสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ที่เป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด การให้ความสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางภาวะกดดันทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย จึงถือเป็นหนึ่งในแนวทางการดำเนินงานที่ธนาคารให้ความสำคัญมาโดยตลอด และหลังจากเปิดแคมเปญ “SME Fighto” ปลุกสปิริตนักสู้ผู้ประกอบการเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเอสเอ็มอีเอาชนะทุกอุปสรรคและปัญหาที่เข้ามาด้วยการประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทุกประเภทสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และเปิดตัว “มณี Free Solution” ผู้ช่วยเรื่องธุรกิจแบบครบวงจร เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่มียอดขายไม่เกิน 75 ล้านบาทให้สามารถลดต้นทุนจากการทำธุรกรรม เติบโตอย่างมั่งคั่ง และสามารถต่อยอดธุรกิจได้ นอกจากนี้ธนาคารได้ทำการเปิดตัว SCB Business Center โฉมใหม่ ภายใต้แนวคิดจุดศูนย์รวมของคนอยากทำธุรกิจ ชวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลุกขึ้น “สู้” กับทุกอุปสรรคในการทำธุรกิจ ด้วยการให้พื้นที่จุดประกายความคิดต่อยอดธุรกิจได้ครบจบในที่เดียว”

“ธนาคารได้ทำการปรับเปลี่ยน SCB Business Center ให้เป็นศูนย์ธุรกิจรูปแบบใหม่ พื้นที่รวมความรู้ บริการทางการเงิน และโซลูชั่น รวมถึงบริการเสริมด้านต่างๆ ที่พร้อมช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ อาทิ Business Solutions และ ดีลพิเศษต่างๆ ที่ธนาคารร่วมกับพันธมิตรนำเสนอให้กับลูกค้า บริการที่ปรึกษาธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แบบตัวต่อตัว การจัดสรรพื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ห้องประชุมพร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือสตูดิโอที่ใช้ถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้บริการแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นต้น เพื่อติดอาวุธให้เอสเอ็มอีสามารถทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพและมีการเติบโตทางยอดขาย และเพื่อให้ SCB Business Center โฉมใหม่ เป็นจุดศูนย์รวมของคนอยากทำธุรกิจที่สามารถตอบความต้องการ สอดรับกับจุดประสงค์ในการทำธุรกิจของลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีได้อย่างแท้จริง ธนาคารได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายแพลตฟอร์มในการร่วมกันเติมเต็มอีโคซิสเต็มในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยได้เต็มรูปแบบ” นางอภิพันธ์ กล่าวเพิ่มเติม

SCB Business Center โฉมใหม่ ภายใต้แนวคิด “จุดศูนย์รวมของคนอยากทำธุรกิจ” มีไฮไลท์ต่างๆ ดังนี้

บริการธุรกรรมทางการเงินตลอด 24 ชั่วโมง โดยได้ทดลองพัฒนาสาขาต้นแบบที่เปิดให้บริการธุรกรรมการเงินตลอด 24 ชั่วโมงขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศที่ SCB Business Center สาขาสยามสแควร์ เพื่อแก้เพนพ้อยส์ของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่ไม่มีเวลาไปทำธุรกรรมทางการเงินในเวลาทำการของธนาคารปกติ โดยผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมทางการเงิน อาทิ ฝาก ถอน โอน เปิดบัญชี ปรึกษาผลิตภัณฑ์ธนาคาร ฯลฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แบบไม่มีวันหยุด

บริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจจากพันธมิตรชั้นนำของธนาคาร อาทิ ไปรษณีย์ไทย wongnai และ GET ที่จะมาร่วมมือในการช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และให้บริการที่สนับสนุนการดำเนินงาน และต่อยอดการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ จัดตั้งเป็นโซน Let’s Talk โดยในแต่ละวันจะมีเจ้าหน้าที่จากแต่ละพันธมิตรประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ พร้อมให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจ ตลอดจนนำเสนอบริการเสริม หรือดีลพิเศษต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการที่มาใช้บริการ

บริการ Co-Working Space 24 ชั่วโมง โดยธนาคารได้ร่วมกับ Class café (คลาสคาเฟ่) ร้านกาแฟแบรนด์ไทยชื่อดังจากภาคอีสาน สร้างสรรค์พื้นที่ Co-working/ Co-learning Space ขึ้นภายใน SCB Business Center ให้กลายเป็นพื้นที่พบปะและต่อยอดธุรกิจสำหรับผู้ที่คิดอยากทำธุรกิจ ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และสามารถนั่งทำงานด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานใหม่ๆ รวมถึงการให้ความรู้ผ่านงานสัมมนาต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจของผู้ประกอบการก้าวไปได้ไกลยิ่งขึ้น โดยธนาคารได้ปรับ SCB Business Center ให้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของคนอยากทำธุรกิจ

บริการที่ปรึกษาทางด้านการเงิน (Financial Advisory) สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดธุรกิจ หรือผู้ประกอบการธุรกิจที่ต้องการปรึกษาเรื่องสินเชื่อธุรกิจกับธนาคาร โดยภายใน SCB Business Center จะมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง

“นอกจากนี้ เรายังได้จัดซีรีส์สัมมนา Coffee Talk Series สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอี โดยจัดขึ้นครั้งแรก ณ Business Center โฉมใหม่ สาขาสยามสแควร์ โดยมี 3 กูรูผู้เชี่ยวชาญได้แก่ ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone และคุณพุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท Data Research Manager จาก Wisesight ผู้ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดีย มาร่วมพูดคุยภายใต้หัวข้อ “SME ไทยต้องสู้กับอะไรในปี 2020” ซึ่งงานสัมมนาครั้งนี้เน้นให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทรนด์ต่างๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการทำธุรกิจสำหรับการปรับตัวของเอสเอ็มอีไทย ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลก ทิศทางเศรษฐกิจไทย การเตรียมรับมือในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางภาวะความกดดันของเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ตลอดจนข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยีต่างๆ และการหาอินไซต์ของผู้บริโภคจากการวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และตั้งใจของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ต้องการเป็นมากกว่าธนาคาร แต่ต้องการเป็นเพื่อนให้กำลังใจ สนับสนุน และผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากและเต็มไปด้วยความท้าทาย จากปัจจัยแวดล้อมรอบด้านไปได้อย่างราบรื่น” นางอภิพันธ์ กล่าวสรุป