- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดหลักฐานเด็ด “สมคิด” อ้างมี “อัยการ” ช่วย “พยานคดีอัลรูไวลี” หนีไป ตปท.?
เปิดหลักฐานเด็ด “สมคิด” อ้างมี “อัยการ” ช่วย “พยานคดีอัลรูไวลี” หนีไป ตปท.?
เปิดหลักฐานการซื้อตั๋วเครื่องบิน ที่ "พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม" อ้างว่า "อัยการรายหนึ่ง" เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้ "พยานปากเอก" คดีอัลรูไวลี ซึ่งมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่น ได้หนีออกนอกประเทศ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในคำร้องคัดค้านการส่งประเด็นไปสืบปากคำ “พ.ต.ท.สุวิชขัย แก้วผลึก” หรือ “นายเกียรติกรณ์ แก้วเพชรศรี” (เปลี่ยนชื่อ) พยานปากเอกในคดีลักพาตัว “นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี” นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ที่ทนายของ “พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม” อดีตจเรตำรวจ จำเลยที่ 4 ยื่นต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2556 ที่ผ่านมา
เพราะเป็นการมาศาลด้วย “มือที่ไม่สะอาด” ทำให้จำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทบต่อสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของจำเลย
โดยฝ่าย “พล.ต.ท.สมคิด” อ้างว่ามีพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า “อัยการฝ่ายโจทก์” รายหนึ่ง ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำพา พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ ซึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่าผู้อื่นของศาลมีนบุรี หลบหนีหมายจับออกนอกประเทศไทย ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2555 ด้วยวิธีการที่มิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไปให้พ้นจากเขตอำนาจของศาลไทย
สำหรับหลักฐานที่ฝ่าย “พล.ต.ท.สมคิด” นำมาประกอบคำกล่าวอ้างดังกล่าว หลักๆ มีจำนวน 3 ชิ้น ประกอบด้วย
1.คำสั่งซื้อตั๋วเครื่องบินไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 21 ธ.ค.2555 ด้วยสายการบิน ETIHAD AIRWAYS เที่ยวบินที่ EY401 จำนวน 3 ใบ รวมมูลค่า 115,600 บาท ให้กับบุคคลรวม 3 คน หนึ่งในนั้นได้แก่ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ (KAEWPETSRI/KEATIKORN MR ในเอกสารด้านล่าง)
โดยฝ่าย “พล.ต.ท.สมคิด” อ้างว่า คำสั่งซื้อตั๋วดังกล่าวออกมาจากสำนักงานของอัยการโจทก์รายหนึ่ง โดยบริษัทเอเจนซี่ที่ดำเนินการซื้อตั๋วให้ได้แฟกซ์รายละเอียดการซื้อตั๋วไปยังสำนักข่าวของอัยการฝ่ายโจทก์รายดังกล่าว
ส่วนอีก 2 คน ที่ร่วมเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ ฝ่าย “พล.ต.ท.สมคิด” อ้างว่า เป็นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ มียศ “พันตำรวจโท” กับ “ร้อยตำรวจเอก”
(เอกสารการสั่งซื้อตั๋วเครื่องบินไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้กับ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ (ด้านล่าง) กับพนักงานสอบสวนคดีพิเอสไอ อีก 2 คน (ด้านบน) ที่ฝ่าย พล.ต.ท.สมคิดอ้างว่าอัยการโจทก์รายหนึ่งเป็นผู้สั่งซื้อ - ปกปิดรายชื่อโดยสำนักข่าวอิศรา)
2.หลักฐานการโอนเงิน ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารเอ เป็นเงิน 115,600 บาท โดยมี “นางสาว พ.” เป็นผู้นำฝาก ไปให้กับบริษัทเอเจนซี่ที่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับบุคคลทั้ง 3
โดยฝ่าย “พล.ต.ท.สมคิด” อ้างว่า “นางสาว พ.” เป็นผู้ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานของอัยการฝ่ายโจทก์รายดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังอ้างอีกด้วยว่า ในใบแฟกซ์สำเนาการโอนเงินผ่านธนาคารดังกล่าวไปยังบริษัทเอเจนซี่ ได้ส่งมาจากสำนักงานของอัยการโจทก์รายดังกล่าว ตามหมายเลขโทรสาร 02-143-97XX
(เอกสารการโอนเงินจาก "นางสาว พ." ไปยังบริษัทเอเจนซี่เพื่อชำระค่าตั๋วเครื่องบิน - ปกปิดรายชื่อโดยสำนักข่าวอิศรา)
และ 3.ใบเสร็จรับเงินที่บริษัทเอเจนซี่ดังกล่าว ออกให้หลังได้รับการโอนเงินซึ่งแบ่งเป็น 2 ใบ ใบแรกออกให้กับ “นางสาว พ.” เป็นจำนวนเงิน 83,200 บาท
อีกใบออกให้กับ “นาย ก.” เป็นเงินจำนวน 32,400 บาท ซึ่งฝ่าย “พล.ต.ท.สมคิด” อ้างว่า เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอัยการฝ่ายโจทก์รายนั้นด้วย
(ใบเสร็จรับเงินที่บริษัทเอเจนซี่ออกให้กับ "นางสาว พ." (ด้านบน) และ "นาย ก." (ด้านล่าง) - ปกปิดรายชื่อโดยสำนักข่าวอิศรา)
พล.ต.ท.สมคิด ได้เบิกความในศาลเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2556 ถึงสาเหตุที่คัดค้านการส่งประเด็นไปสืบ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า “เพราะเชื่อว่ามีการช่วยเหลือพยานปากนี้ ให้พ้นไปจากอำนาจของขอบเขตอำนาจศาลไทย ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และมีโอกาสที่พยานปากนี้จะมิได้เบิกความโดยอิสระ เพราะมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่ศาลมีนบุรีตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่จะใช้หมายจับบีบบังคับให้การอย่างไรก็ได้”
แม้ท้ายสุด ศาลจะมีคำสั่งว่า อนุญาตให้ส่งประเด็นไปสืบ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ หลังพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประเด็นที่ พล.ต.ท.สมคิด จำเลยที่ 4 ยื่นคัดค้าน เป็นคนละกรณีกับการส่งประเด็นไปสืบพยานปากนี้ในต่างประเทศ
แต่ พล.ต.ท.สมคิด ก็ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อขอให้เอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพาตัว พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือนายเกียรติกรณ์ ออกนอกประเทศ โดยในคำร้องที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช.จะมีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 5 คน !