- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ฟังชัดๆ“อำนวย เนตยสุภา”แจงปมร้อนผลประโยชน์ทับซ้อน ม.เกษตรฯ “ผมไม่ใช่มาเฟีย”
ฟังชัดๆ“อำนวย เนตยสุภา”แจงปมร้อนผลประโยชน์ทับซ้อน ม.เกษตรฯ “ผมไม่ใช่มาเฟีย”
“...ผมได้ถามทางสภาฯ ไปแล้ว ว่า ผมสามารถทำหน้าที่นี้ได้หรือ เพราะมีธุรกิจของตนเองอยู่ และถ้าจะให้ผมเลิกทำงานส่วนตัว เพื่อเข้ามารับงานในตำแหน่งกรรมการสภาฯ ผมคงทำไม่ได้”
“ ผมไม่ใช่มาเฟีย ผมเป็นแค่ศิษย์เก่าที่ถูกเชิญมาให้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อช่วยเหลืองานของมหาวิทยาลัย ผมไม่มีอำนาจ ที่จะสั่งให้ใครทำอะไร ตามที่ผมต้องการได้"
นี่คือ คำยืนยันจากปากของ นายอำนวย เนตยสุภา ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรรมการสภา ม.เกษตรฯ โดยตำแหน่ง ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมทั้งภายในภายนอก ม.เกษตรฯ อย่างหนัก
หลังมีการตรวจสอบพบข้อมูลพบว่า บริษัท แคนดูคอนสตรั๊คชั่น จำกัด ที่ปรากฏชื่อ นายอำนวย เนตยสุภา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้รับการว่าจ้างงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ใน ม.เกษตรฯ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน จำนวนกว่า 36 โครงการ รวมวงเงิน 2,000 ล้านบาท
ทำให้สังคมเกิดคำถามขึ้นว่า การที่นายอำนวย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการสภา ม.เกษตรฯ แต่บริษัทของตนเอง กลับเป็นคู่สัญญาว่าจ้างงานก่อสร้างในม.เกษตรฯ ด้วย จะเข้าข่ายเรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือที่เรียกกันว่า Conflict of Interests หรือไม่??
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่สำนักข่าวอิศรา www.isranew.org ได้นำเสนอข้อมูลการตรวจพบ บริษัท แคนดูคอนสตรั๊คชั่น จำกัด ได้รับการว่าจ้างงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ใน ม.เกษตรฯ ดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา และได้ใช้ความพยายามในการติดต่อขอสัมภาษณ์นายอำนวย เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ในช่วงเย็นวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา นายอำนวย ได้ติดต่อมายังผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พร้อมระบุว่าต้องการที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โดยนัดหมายให้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบที่ห้องทำงานส่วนตัว ชั้น 4 บริษัท แคนดูคอนสตรั๊คชั่น จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 222 ถนนเทศบาลรังรักษ์เหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร บริเวณใกล้เคียง สน.ประชาชื่น ในช่วงเวลา 09.00 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา
เบื้องต้น นายอำนวย ได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวรับทราบว่า เหตุผลที่ไม่ได้ติดต่อกลับไป เป็นเพราะต้องการที่จะให้สื่อนำเสนอข้อมูลออกมาให้หมดว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้ชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมดในคราวเดียว
“ที่พวกคุณเอาไปลงว่ามาติดต่อผม แล้วไม่พบ และผมไปตีกอล์ฟ ขอบอกว่าเป็นเรื่องจริง ผมไปตีกอล์ฟ จริง ๆ จะเล่นกอล์ฟ ทุกวันพุธหรือพฤหัส ส่วนที่ไม่ได้ติดต่อกลับ เป็นเพราะจะรอดูก่อนว่า สื่อจะเขียนถึงผมยังไงบ้าง จนกระทั่งเห็นข่าวล่าสุดที่ออกมา ซึ่งมีการไปเชื่อมโยงถึงตัวรัฐมนตรี ผมว่า มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เลยต้องเชิญสื่อมาชี้แจงข้อเท็จจริง”
จากนั้น นายอำนวย ได้อธิบายให้ผู้สื่อข่าวรับทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ บริษัท แคนดูคอนสตรั๊คชั่น จำกัด โดยระบุว่า เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมารับงานก่อสร้าง ตั้งแต่ปี 2526 มีการจดทะเบียนเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 3 ล้านบาท จนล่าสุดเมื่อปี 2543 อยู่ที่ 100 ล้านบาท มีทีมงานคุณภาพดำเนินการ ส่วนงานที่รับก็มีหลายที่ ไม่ได้อยู่แค่ใน ม.เกษตรฯ เท่านั้น
“คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่า บริษัท แคนดูฯ เราได้รับงานจากหน่วยงานราชการหลายแห่ง มีงานที่ไหน น่าสนใจเราก็ไปซื้อแบบประมูลกับเขา ไม่ได้รับงานเฉพาะแค่ในม.เกษตรฯ ที่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญงานใน ม.เกษตรฯ ก็มีหลายโครงการที่เราเข้าไปแข่งขัน แต่ก็แพ้ไม่ได้รับงาน อย่างล่าสุดงานก่อสร้างที่กำแพงแสน เราก็แพ้ และที่สำคัญการแข่งขันก็เป็นไปตามกติกา ของทางราชการทุกอย่าง คุณไปตรวจสอบดูได้เลย ” นายอำนวยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
สำหรับการเข้ามารับตำแหน่ง กรรมการส่งเสริมกิจการ ม.เกษตรฯ นั้น นายอำนวย กล่าวชี้แจงว่า เข้ามารับตำแหน่งครั้งแรก เมื่อปี 2551 มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 โดยตำแหน่งนี้ มีวาระ 2 ปี จากนั้น ก็ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งนี้ อีกสองสมัย คือ เมื่อปี 2553-2555 และล่าสุด ปี 2555 -2557
"คุณรู้ไหม กรรมการส่งเสริมกิจการ ม.เกษตรฯ มีหน้าที่ คือ ให้การสนับสนุน เสนอแนะ และให้คำปรึกษาแก่มหาวิทยาลัย ตามที่จะขอคำปรึกษามา จึงไม่ได้มีอำนาจอะไรมาก ส่วนตำแหน่งกรรมการสภาฯ ที่ได้รับมา ก็ไม่ได้อำนาจมากมายพอที่จะไปสั่งให้กรรมการคนอื่นที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งอาจารย์คนอื่นให้ทำตามอะไรได้เลย กรรมการสภาฯ แต่ละคนก็มีมุมมอง มีความคิดเป็นของตนเอง"
“ผมไม่รู้หรอกว่าใครให้ข้อมูลเรื่องบริษัทแคนดูฯ กับพวกคุณ แต่อยากจะขอความเป็นธรรมบ้าง โดยเฉพาะข้อมูลที่บอกว่า บริษัทได้รับงานมาตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน 2,000 กว่าล้านบาท และมีตำแหน่งเป็นกรรมการสภาด้วย มันเป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว ประเด็นที่ 1. ผมเข้ามาเป็นกรรมการสภา เมื่อปี 2551 2. บริษัทแคนดูฯ รับงานก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2526 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาได้งานหลังจากที่ผมเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการสภา เมื่อพูดความจริงไม่ครบถ้วน ก็เลยทำให้ผมถูกมองไม่ดี ถูกกล่าวหาว่า บริษัทได้งาน เพราะเข้ามารับตำแหน่งกรรมการสภาฯ มันไม่แฟร์กับผม”
“คุณรู้หรือเปล่าทันทีที่มีข่าวออกไปเพื่อนผมโทรมาบอก ว่า อำนวย นายซวยแล้ว ถูกกล่าวหาว่า เป็นกรรมการสภา แล้วเอาบริษัทของตนเองเข้ามารับงาน ผมก็ได้อธิบายความจริงให้เขาฟังไปว่ามันไม่จริง ผม ได้งานมาก่อนที่จะเข้ามาเป็นกรรมการสภาอีก และก็ไม่ได้งานที่ม.เกษตรฯ ที่เดียว ได้ที่อื่นด้วย ขณะที่งานในมหาวิทยาลัย บ้างที่เข้าไปแข่งกับเขาแล้วแพ้ก็มีตั้งเยอะ”
“ส่วนเหตุผลที่เข้ามารับตำแหน่ง กรรมการส่งเสริมฯ ในมหาวิทยาลัย ก็เป็นเพราะมีความต้องการที่จะช่วยเหลืองานมหาวิทยาลัย ในฐานะศิษย์เก่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อะไร เรื่องนี้คนในมหาลัยรู้กันดี เข้ามาช่วยงานในสมาคมศิษย์เก่าตั้งนานแล้ว ผลงานมีให้เห็น การทำงาน การบริจาคเงิน ผมทำให้มหาวิทยาลัยมานานแล้ว ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นั่งรับฟังคำชี้แจงของนายอำนวย อยู่ประมาณ 30 นาที ผู้สื่อข่าวจึงได้ขอชี้แจงกับนายอำนวยว่า การตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแคนดูฯ ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ให้ความสนใจ คือ ประเด็นเรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อน ในกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง มีตำแหน่งเป็นกรรมการสภาฯ และบริษัทของตนเองได้รับงานก่อสร้างในมหาวิทยาลัย เพราะเป็นเรื่องสำคัญและมีผลเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย
ก่อนจะตั้งคำถามกับนายอำนวย อย่างตรงไปตรงมาอีก ครั้งว่า ท่านมีความเห็นอย่างไร กับกรณีที่ตนเองมีตำแหน่งเป็นกรรมการสภาฯ และบริษัทของตนเอง เข้ามารับงานก่อสร้าง ในช่วงที่ตนเองดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสภาอยู่?
นายอำนวย หยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เกี่ยวกับเรื่องนี้ขอเรียนชี้แจงว่า การที่ผมเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการส่งเสริมฯ ซึ่งถือเป็นกรรมการสภาฯ โดยตำแหน่ง เพราะคำเชิญจากสภาฯ ที่เลือกเข้ามา ผมไม่ได้เสนอตัวเขามาเอง
“ ตอนที่ได้รับคำเชิญให้มารับตำแหน่ง ผมได้ถามทางสภาฯ ไปแล้ว ว่า ผมสามารถทำหน้าที่นี้ได้หรือ เพราะมีธุรกิจของตนเองอยู่ ถ้าจะให้ผมเลิกทำงานส่วนตัว เพื่อเข้ามารับงานในตำแหน่งกรรมการสภาฯ อย่างเดียวผมคงทำไม่ได้ ซึ่งทางสภาฯ ได้แจ้งว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางกฎหมายแล้ว พบว่า ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้น ถ้าสื่อมีความสงสัยในประเด็นนี้ คงมาถามผมไม่ได้ คงต้องไปสอบถามข้อมูลจากกองนิติการของมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เพราะเขามีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลทางกฎหมาย”
นายอำนวยกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมฯ วันที่ 27 พฤษภาคม 2556 นี้ ตนจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือในที่ประชุม เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ถ้ามีใครเห็นว่า สิ่งที่ทำอยู่มันเป็นเรื่องที่ผิดและมีปัญหา ตนก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งทันที
“ถ้ามันเป็นเรื่องที่ผิดจริงผมก็ยอมรับ จะลาออกจากตำแหน่ง และเป็นเรื่องดีเสียอีก ที่จะได้กลับไปทำงานตามปกติ ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรให้มากมายเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
นายอำนวย ยังตั้งข้อสังเกตกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุผลที่ทำให้มีการหยิบยกประเด็นเรื่อง เงินกู้ของสหกรณ์ และบริษัทแคนดูฯ ขึ้นมาเปิดเผยต่อสาธารณะ อาจจะเป็นฝีมือคนใน ที่ต้องการหวังผลประโยชน์จากการเลือกตั้งอธิการบดีคนใหม่ ที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้ ซึ่งไม่รู้ทำไมต้องทำกันแบบนี้ เพราะอธิการบดีคนเก่า ก็ยืนยันแล้วว่า จะไม่อยู่ในตำแหน่งต่อแล้ว
“ผมเข้ามาเป็นกรรมการสภาฯ ตั้งแต่ปี 2551 ถ้าจะมาบอกว่าผมไม่เหมาะสม อยู่ในตำแหน่งนี้ไม่ได้ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมถึงเพิ่งมาพูดกันตอนนี้ มันชี้ให้เห็นว่าต้องมีเรื่องอะไรแอบแฝงอยู่แน่”
“ ผมคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ น่าจะเป็นฝีมือคนใน ที่เป็นอาจารย์คนหนึ่ง ที่ต้องการหวังผลประโยชน์อะไรบ้างอย่างกับ การเลือกตั้งอธิการบดี ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่อยากจะฝากบอกไปด้วยนะว่า สิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้องและมีผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยอย่างมาก มหาวิทยาลัยจะเสียหายมาก”
"แต่สิ่งที่อยากจะฝากบอกไปก็คือ ผมทำงานเพื่อมหาวิทยาลัยมามาก แต่คนที่ไม่หวังดี เขาทำอะไรให้มหาวิทยาลัยบ้าง และที่สำคัญผมไม่ได้เป็นมาเฟีย ผมเป็นแค่ศิษย์เก่าที่ถูกเชิญมาให้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อช่วยเหลืองานของมหาวิทยาลัย ผมไม่มีอำนาจ ที่จะสั่งให้ใครทำอะไร ตามที่ผมต้องการได้”
"แต่ผมเป็นคนตรงๆ พูดอะไรตามสิ่งที่ใจคิด ใครมีข้อสงสัย ไม่พอใจผม มาพบมาถามผมได้ หรือ ถ้าใครมีหลักฐานอะไร ที่แสดงให้เห็นชัดเจน ว่าผมเป็นคนไม่ดี ตั้งใจเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ มาบอกผมตรงๆ เลยดีกว่า ผมพร้อมที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริง"