- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เลือกเช่ารถรับจ้างอย่างไรให้ปลอดภัย
เลือกเช่ารถรับจ้างอย่างไรให้ปลอดภัย
ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
โครงการส่งเสริมสนับสนุนสิทธิผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ
จากผลการดำเนินการของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ผ่านมา ๒ ปี ต่อประเด็นสิทธิผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและการเยียวยาความเสียหายพบว่า มีคดีอุบัติเหตุรถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถโดยสารแบบเช่าเหมาคันซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพื่อการทัศนาจร เพื่อรถรับส่งพนักงาน ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย จำนวน ๔๙ คดี จาก ๑๒๔ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๕๒ ร้อยละ ๓๓.๔๘ สาเหตุมาจากพนักงานขับรถ ที่ขาดความชำนาญในเส้นทาง ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เพราะขับขี่คนเดียวเป็นเวลานานโดยไม่มีพนักงานสับเปลี่ยน ร้อยละ ๒๗.๒๘ เกิดจากความไม่พร้อมของสภาพรถโดยสาร และ ร้อยละ ๑.๒๔ เกิดจากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่นถนน ทัศนวิสัยไม่เหมาะสม ดังนั้น หากจะเลือกใช้บริการรถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถโดยสารแบบเช่าเหมาคันให้ปลอดภัย สบายใจเมื่อใช้บริการ จึงต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ คือ
ก่อนทำสัญญา
๑. การเลือกบริษัทรถ ต้องเลือกบริษัทที่เป็นนิติบุคคล ไม่ควรเลือกบริษัทรถที่เป็นตัวบุคคลรายเดี่ยว เพราะหากเป็นนิติบุคคลจะได้รับการดูแลจากสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารไม่จำทาง(สสท.)
๒. รายละเอียดในการทำสัญญาต้องมีความชัดเจน ประกอบไปด้วย
- ต้องระบุเส้นทางการเดินทาง ต้นทาง-ปลายทาง
- หมายเลขทะเบียนรถคันที่จะให้บริการ
- ชื่อพนักงานขับรถ ในกรณีที่ระยะทางเกิน ๔๐๐ กิโลเมตรจะต้องมีพนักงานสับเปลี่ยนกัน ๒ คน หรือหากมีพนักงานขับรถเพียงคนเดียวก็ต้องมีการระบุถึงจุดพัก หรือระยะเวลาการจอดพักรถไม่น้อยกว่า ๓๐ นาทีทุก ๔ ชั่วโมง
- พนักงานขับรถต้องได้รับอนุญาตขับขี่จากกรมขนส่งทางบก ให้ขับรถประเภทรถสาธารณะ เท่านั้น
- แนบใบตรวจสภาพรถยนต์จากกรมการขนส่งทางบกกับสัญญาว่าจ้างด้วย ซึ่งระยะเวลาที่ระบุไม่ควรเกิน ๒ เดือน ภายหลังการตรวจสภาพ
- แนบเอกสาร กรมธรรม์ทั้งภาคบังคับ ภาคสมัครใจ ของรถคันที่ว่าจ้าง ซึ่งผู้ว่าจ้างต้องตรวจสอบว่าถูกต้อง ตรงกับเลขทะเบียนรถหรือไม่
๓. สภาพของรถโดยสาร ผู้ว่าจ้างต้องไปตรวจสอบสภาพรถด้วยตนเองว่ามีความเหมาะสม ปลอดภัยในการเดินทางหรือไม่ โดยที่ควรใช้งานต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
- ต้องเป็นรถโดยสารชั้นเดียว
- ต้องมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
- ต้องเป็นเบาะที่นั่งยึดโยงกับที่ ไม่เป็นแบบสไลด์ หรือถอดเข้าออกเพื่อเพิ่มปริมาณที่นั่งจนน๊อตหลวม
- มีอุปกรณ์นิรภัยติดตั้งบนรถ เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น
ก่อนเดินทาง
ต้องตรวจสอบว่าผู้รับจ้างปฏิบัติตรงกับที่ทำสัญญาหรือไม่ หากพบว่ามีสิ่งหนึ่งประการใดไม่เป็นไปตามข้อตกลง เช่นไม่ใช้รถยนต์คันที่ตกลงในสัญญา ผู้ว่าจ้างสามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที และสามารถเรียกร้องให้ผู้รับจ้างชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ด้วย
ระหว่างเดินทาง
หากพบว่ามีการขับรถหวาดเสียว ขับเร็ว ขาดความระมัดระวัง หรือรู้สึกถึงความผิดปกติอื่นใดในตัวรถ ให้ทำการเตือนกับพนักงานขับรถ หากไม่เชื่อฟังหรือไม่แก้ไข ผู้โดยสารควรแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือรีบแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ ๑๕๘๔ หรือสายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง ๑๑๙๓ หรือกับบริษัทรถที่ว่าจ้าง โดยทันที
หลังเกิดเหตุ
สำหรับผู้เสียหายสามารถเรียกร้องการชดเชย เยียวยากับ พนักงานขับรถ เจ้าของบริษัทรถโดยสารคันที่เกิดเหตุ และบริษัทประกันภัย ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพในกรณีที่เสียชีวิต ความเสียหายของทรัพย์สิน ที่นำติดตัวไปในการเดินทาง ขาดโอกาสหรือสูญเสียโอกาสในการทำงาน ขาดไร้ผู้อุปการะ และที่คนส่วนใหญ่อาจจะนึกไม่ถึงคือการที่ผู้โดยสารเดินทางไม่ถึงจุดหมายปลายทาง หรือตลอดจนความเสียหายทางด้านจิตใจ
โดยทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยินดีให้คำปรึกษา แนะนำ หรือช่วยดำเนินการด้านคดีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๒๔๘-๓๗๓๗