- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ฟังคำเตือน 'อัมมาร-นิพนธ์' ก่อนคิดกลับไปสู่...'จำนำข้าว'
ฟังคำเตือน 'อัมมาร-นิพนธ์' ก่อนคิดกลับไปสู่...'จำนำข้าว'
พลันที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องมาทำความเข้าใจนโยบายรับจำนำข้าวขาวตันละ 15,000 บาท และข้าวหอมมะลิตันละ 20,000 บาท จากนั้นก็ได้เคาะวันเสร็จสรรพ ประกาศดีเดย์ เริ่มโครงการรับจำนำผลผลิตข้าวจากชาวนาหมดทุกเม็ด เร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 15 ตุลาคม เป็น 7 ตุลาคม 2554
วันนี้เราลองย้อนกลับไปฟังมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ที่เคยออกมาเตือน ถึงความเสียหายสารพัดที่จะเกิดจากนโยบายรับจำนำข้าวกันอีกสักครั้ง...
คนแรกที่วิเคราะห์ไว้แบบฟันธง ก็คือ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เคยพูดแล้วหลายครั้งหลายหนว่า "ผลประโยชน์จากนโยบายจำนำข้าว" ส่วนใหญ่ตกอยู่กับพ่อค้าส่งออก 4-5 ราย และโรงสี 600 โรงจากประมาณ 2,000 โรง ส่วนเกษตรกรที่ได้ประโยชน์จริง ตัวเลขอยู่ที่ 6 แสนราย เท่านั้น ฉะนั้น นโยบายจำนำข้าว ประโยชน์จะตกกับพ่อค้าเป็นหลัก
ที่สำคัญนโยบายจำนำราคาข้าว จะทำให้ไทยเสียตลาดข้าวในตลาดโลกแก่เวียดนาม เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องเข้าไปซื้อข้าว จ้างโรงสีเก็บ และสีข้าว จากนั้นก็นำไปขายให้กับพ่อค้าในราคาถูก ๆ นับเป็นการบิดเบือนตลาดอย่างมาก ทำให้ตลาดข้าวของไทย กลายเป็นตลาดข้าวคุณภาพต่ำ และเริ่มเสียตลาดข้าวให้กับเวียดนามไปในที่สุด
ที่น่าห่วงมากสุด ดร.นิพนธ์ โฟกัสไปที่เรื่อง "คอร์รัปชั่น" ด้วยเพราะว่า นโยบายจำนำราคาข้าวจะเปิดช่องให้มีการทุจริตได้ทุกระดับ ไล่ตั้งแต่เกษตรกร โรงสี พ่อค้าส่ง ข้าราชการ และนักการเมือง ที่ล้วนได้ส่วนแบ่งจากการแทรกแซงของรัฐบาล
จนถึงที่สุดแล้ว การจำนำที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ จะเป็นกลไกสำคัญในการทำลายอนาคตการเกษตรไทย ...
ถัดมา ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย เศรษฐกิจมหภาค ทีดีอาร์ไอ ระบุชัดขึ้นไปอีกถึงนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ให้ราคาสูง โดยรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 20,000 บาท พร้อมแสดงความเป็นห่วง เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมากถึงปีละ 500,000 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของงบประมาณแผ่นดิน
"หากรัฐบาลบริหารประเทศครบ 4 ปี ต้องใช้เงินสูงถึง 2 ล้านล้านบาท ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศไทยเพิ่มขึ้นปีละ 5% หรืออยู่ในระดับ 60% มีความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะเช่นเดียวกับประเทศกรีซ ซึ่งน่ากลัวกว่า"
อีกคนที่กดเครื่องคิดเลข ทั้งวิเคราะห์และประมาณการออกมาแล้ว ก็คือ "วีระศักดิ์ เครือเทพ" นักวิจัยจากเครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย http://tpd.in.th/v2/election54/ ที่ระบุถึงระบบรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย โดยประมาณการค่าใช้จ่ายจาก 2 ส่วน ใน 4 ปี คือ ตัวเงินที่รัฐต้องจ่ายไปก่อนและค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าว
....ตัวเงินที่รัฐต้องแบกรับขึ้นอยู่กับราคาข้าว โดยคิดอัตราขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อตัน และคิดอัตราขั้นสูงที่ 20,000 บาทต่อตัน จำนวนข้าวที่รัฐรับจำนำมีประมาณ 8 ล้านตันต่อปี ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ Stock อ้างอิงมาจากการศึกษาของ TDRI พบว่า มีค่าใช้จ่ายปีละ 9,710 ล้านบาท
จนกระทั่งสรุปออกมาว่า นโยบายจำนำข้าว ต้องใช้เงินถึง 5- 6 แสนล้านล้านบาท
ไม่เพียงแค่นี้ อีกเสียงที่ต้องเปิดใจรับฟังอย่างยิ่ง เมื่อมีการรายงานข่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สรุปปัญหาและความเสี่ยงสำคัญที่พบจากการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อให้รัฐบาลใช้เป็นข้อมูลปรับปรุงการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าว
ซึ่งก่อนหน้านี้ สตง.ได้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2548/49 และ 2549/50 พบปัญหาอุปสรรคหลายประการ ทั้งความไม่โปร่งใสของการดำเนินงาน รัฐบาลรับภาระขาดทุนทุกปีจากการจำหน่ายข้าวได้ในราคาต่ำ มีหนี้ค้างชำระต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คิดเป็นเงิน 94,105.02 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงต้องรับภาระขาดทุนรวมถึงค่าชดเชยดอกเบี้ยที่ค้างชำระเป็นเงินทั้งสิ้น 37,606.16 ล้านบาท ข้าวสารที่จัดเก็บในคลังสินค้ากลาง ก็เสื่อมสภาพจากการจัดเก็บไว้นานอีกประมาณ 1.86 ล้านกระสอบ ฯลฯ
ฉะนั้น การรออกนโยบายอะไรที่ 'ฝืน' ความเป็นจริง ทั้งยังบิดเบือนกลไกตลาด ทั้งๆ ที่มีข้อมูลความบกพร่อง ความผิดพลาดในอดีตให้เห็นแล้ว ประกอบกับเสียงท้วงติงต่างๆ ที่ดังขึ้น จากนี้ รัฐบาลยังมีเวลา ก่อนเดินหน้ากลับไปสู่การใช้ระบบจำนำข้าว เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียง จำต้องขึ้นราคาข้าวเปลือกแบบก้าวกระโดด พอๆ กับลดราคาน้ำมันลงฮวบฮาบ ชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลใดกล้าทำมาก่อน
จะเป็นไรไป หากฟังอีกสักครั้ง เมื่อ 2 กูรู ด้านพืชเกษตรจากทีดีอาร์ไอ เรียกได้ว่า เป็นผู้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับระบบการรับจำนำและระบบประกันรายได้สินค้าเกษตรมาอย่างดี ทั้ง "ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร" และ ดร. อัมมาร สยามวาลา นักเศรษฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว จะเปิดแถลงข่าวเรื่อง 'กลับไปสู่...จำนำข้าว' เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย 565 ซ.รามคำแหง 39(เทพลีลา) ถ.รามคำแหง แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ อาทิตย์นี้ 4 กันยายน อย่าพลาด !!!