- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- รัฐบาลปูเดินหน้าหนุน"คสป." ชม"ข้อเสนอดี-แก้เหลื่อมล้ำได้"
รัฐบาลปูเดินหน้าหนุน"คสป." ชม"ข้อเสนอดี-แก้เหลื่อมล้ำได้"
เริ่มทำงาน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ วางขุมกำลังคน ในช่วงฤดูโยกย้ายตุลาจนเป็นข่าวครึกโครมหลายตำแหน่ง ขณะที่นโยบายหลายเรื่องที่หาเสียงได้นำมาปฏิบัติ คำประกาศ “แก้ไข” ของนส.ยิ่งลักษณ์ ช่วงหาเสียง ที่กำลังเห็นผลขณะนี้ ทำให้มีคำถามถึง อนาคตของ คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ(คสป.) ที่มี นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน ที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลชุดที่แล้วว่า รัฐบาลชุดนี้จะเอาอย่างไร จะต่อ อายุให้ทำงาน หรือ จะยุบทิ้ง
ท้าวความก่อนหน้านี้ในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง “พฤษภา 53” รัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้พยายามแก้ปัญหาวิกฤตความขัดแย้ง โดยตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมา 4 ชุดเพื่อศึกษาปัญหาและทางออกจากความขัดแย้งด้านต่างๆ ของประเทศ ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการพิจารณาเเนวทางการเเก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการ สมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองเเละศึกษาการเเก้ไขรัฐธรรมนูญ มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน ซึ่งพ้นสภาพในการทำงานแล้ว
2. คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ซึ่งได้ถอนตัวจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วก่อนการเลือกตั้งแล้วเช่นกัน 3. คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มีนาย คณิต ณ นคร เป็นประธาน ปัจจุบันยังทำงานต่อเนื่องและเป็นรัฐบาลนี้ประกาศจะให้ คอป.เดินเรื่องการปรองดองให้ลุล่วงจนหมดวาระกลางปีหน้า และ 4. คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศที่มี นพ.ประเวศ เป็นประธานนี้
แม้นายกฯยิ่งลักษณ์ จะยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการ แต่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกถึงทิศทางรัฐบาลที่มีต่อคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปผ่าน “ทีมงานปฏิรูป” ว่า แนวคิดของ นพ.ประเวศ และผลสรุปของคณะกรรมการชุดนี้ ถือว่าเรียบง่าย แต่สัมผัสได้จริง เช่นเรื่องคนจน-รวย ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งในที่สุดแล้วถ้าจับจิ๊กซอว์ เหล่านี้มาประกอบกันซึ่งจะเป็นการสร้างความปรองดองต่อไปได้ ถามว่ารัฐบาลตั้งความหวังกับคณะกรรมการของ นพ.ประเวศหรือนี้ไม่ รัฐบาลชุดนี้บอกได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการชุดไหนถ้าทำได้ ทำดี ให้ทำต่ออยู่แล้ว รัฐบาลอยากจะส่งเสริมคณะกรรมการทุกชุด
“เราได้ติดตามข้อเสนอแนะในหลายเรื่องที่คสป.ทำ เช่น การปฏิรูปที่ดิน ทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รวมถึงเรื่องกองทุนประกันสังคมต่างๆ เห็นว่าหลายเรื่องเป็นมหากาพย์ที่ต้องใช้เวลานานในการทำ เช่น ปัญหาการปฏิรูปที่ดิน ดังนั้นเรื่องของการปฏิรูปต่างๆ เราจะใช้เวลาเพียง 3 ปีก็ไม่สามารถทำได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้เขาทำ เพราะฉะนั้นข้อเสนอที่เขาเสนอมาแต่ละเรื่องต้องมองปัญหาให้รอบด้าน และที่สำคัญชื่อของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย ได้บอกในตัวเองแล้วว่าสามารถทำอะไรได้เยอะ”
“ถ้าคณะกรรมการชุดต่างๆ ทำงานกันอย่างจริงจัง ดูแล้วการทำงานส่งผลดี เดินมาถูกทาง และสามารถสานงานต่อไปข้างหน้าได้ รัฐบาลพร้อมที่จะส่งเสริมให้ทำงานต่อ ซึ่งในมุมของรัฐบาลถ้าทำงาน 3ปีแล้วไปถูกทางมีดอกออกผลให้รัฐบาลได้เห็นเราก็พร้อมที่ต่ออายุให้ทำงานต่อ ไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำอย่างหนักแน่น
คสป.ตรงจุดยืนพท.และเสื้อแดง
เขาขยายความว่า พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลท่ามกลางวิกฤตการเมือง ที่หลายฝ่ายจับตามมองว่า รัฐบาลจะใช้เครื่องมือใดมาแก้ไขความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพราะฉะนั้นโจทย์ที่รัฐบาลนำมาคิด ไม่ใช่เพียงแค่จะทำอย่างไรที่จะไม่เริ่มจากศูนย์ แต่รัฐบาลคิดว่าจะใช้เครื่องมือใดเพื่อก้าวข้ามช่องว่างระหว่างคนจนคนรวย ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คสป.นั้น มีความคิดหลายส่วนที่ตรงกับพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ขณะนี้รัฐบาลมีอายุในการทำงานครบ 1 เดือน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งหากลไกที่ท้าทายความสามารถในการปฏิรูปประเทศไทย โดยรัฐบาลต้องไปหยิบยกมาพูดคุยในวงกว้างและเป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งถ้ารัฐบาลหยิบถูกจุดจะสามารถแก้ไขได้ แต่ถ้าหยิบไม่ถูกจุดจะเสียเปรียบ และเป็นการใช้คนไม่ตรงกับงาน
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวย้ำว่า ถ้ามองในทางการเมืองว่าถ้าเราเลิกคณะกรรมการต่างๆไป แล้วไปทำใหม่จะดีหรือไม่ เพราะกรรมการแต่ละชุดถูกตั้งขึ้นมาในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่ นส.ยิ่งลักษณ์ ได้บอกไว้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือคณะกรรมการใดก็ตามแต่ ถ้าสามารถทำงานได้และแก้โจทย์ให้เกิดความปรองดอง แก้ไขความแตกแยกในสังคมได้ เราก็ไม่ต้องการอาศัยแต้มทางการเมือง ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องเลิกแล้วตั้งขึ้นมาใหม่
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า ตามระเบียบสำนักนายกฯ คณะกรรมการสมัชชาฯมีวาระ 3 ปี โดยงบประมาณครั้งแรกที่ได้ไป 600ล้านบาท จากนั้นก็มีการขยายกรอบวงเงินเพิ่มไป แต่เราไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคณะกรรมการชุดนี้เหลือเวลาอีกเกือบ 2 ปี ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยงบประมาณ วงเงินต่างๆจะถูกใช้ไปอยู่แล้ว และถ้าเขาจะลาออกจริง เขาคงลาออกไปแล้ว แต่เชื่อว่า เขาก็ดูท่าทีของรัฐบาลเช่นกัน
ถามชัดๆ ว่า รัฐบาลจะให้ความร่วมมือสนับสนุน คสป.อย่างไร ? รองโฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า ตอบได้เลยว่ารัฐบาลจะให้ความร่วมมือย่างเต็มที่ แต่ต้องดูต่อไปว่าปัญหาหลักๆ จากที่คณะกรรมการของนพ.ประเวศได้พูดไว้นั้น มีปัญหาหลายเรื่อง เช่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม คนจน-คนรวย ซึ่งถ้าเราฟังข้อเสนอของคนเสื้อแดงอย่างไม่มีอคติ จะเห็นว่ามีการพูดเรื่องนี้เช่นกัน ไม่วาจะเป็นเรื่องชนชั้น การเหลื่อมล้ำ ความเป็น 2 มาตรฐานในสังคม
แนะเร่งสรุปงาน ส่งต่อให้รัฐบาลนำปฏิบัติ
“ชื่อของบุคคลที่อยู่ในคณะกรรมการแต่ละชุดถือว่าเป็นความกดดัน เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วได้เลือกเอาบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคมมา ซึ่งถ้ารัฐบาลสั่งยกเลิก ผลที่ตกหนักจะอยู่กับคนที่เราจะไปเชิญให้มาเป็นคณะกรรมการต่อไป ฉะนั้นรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ซึ่งคงดูไม่ได้ในชั่วข้ามคืน ต้องให้โอกาสรัฐบาล โดยที่ต่างฝ่ายต่างต้องเปิดใจกันให้กว้าง และนำเสนอผลงาน ทั้งนี้อยากฝากสังคม และคณะกรรมการทุกชุดว่าควรจะเร่งรีบในการสรุปสังเกตและข้อศึกษาต่างๆที่ทำ เพื่อมาคุยกับรัฐบาล”
นายอนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งานของรัฐบาลชุดนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย เพราะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งคณะกรรมขึ้นมานั้นมีความคาดหวังสูงว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างมาก แต่เวลาที่ผ่านมาเกือบปีที่ได้ทำไปนั้น เสียงสะท้อนสังคมได้วิพากษ์ ก็มีผลมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลที่แล้วไม่สัมฤทธิ์ผล แต่เราคิดว่าเราต้องทำให้เกิดรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้นมา
ซึ่งในส่วนของ คณะกรรมการของ นพ.ประเวศ ถ้าส่งข้อเสนอแนะมายังรัฐบาล รัฐบาลก็พร้อมที่ตั้งรองนายกรัฐมนตรี เข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังและเต็มที่ เหมือนกับคณะกรรมการของ คอป.
ปฏิรูปเหลื่อมล้ำรอวันเติมเต็ม
ด้านความเห็นของอดีตกรรมการปฏิรูป ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามการทำงานของคสป. ยังคงเดินหน้าต่อ ซึ่งระยะเวลาที่เหลือคือ 1 ปี 10 เดือน และจากการให้สัมภาษณ์ของนพ.ประเวศ มีเจตนาที่จะสานการปฏิรูปต่อ เพราะบุคคลในคณะกรรมการต่างคน ต่างมีความคิดการปฏิรูปประเทศในหลายๆด้าน และได้ประชุมปรึกษาหารือกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วประมาณ 3 ปี เพราะฉะนั้นช่วงที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ตั้งคณะกรรมการมานั้นเท่ากับเป็นการสนับสนุนงานที่ภาคประชาสังคมได้ทำไว้ อยู่แล้ว จากนี้ไปรัฐบาลจะสนับหรือไม่สนับสนุนก็ไม่ได้มีผลอะไร กลุ่มสมัชชาปฏิรูปก็เดินหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นและมีกรอบระยะเวลาเข้ามาเพิ่มเติม จะเป็นการเติมเต็มการทำงานกระบวนการปฏิรูปให้เข้มข้นขึ้นเท่านั้น สิ่งสำคัญที่จะมีผลต่อการพัฒนาสังคมในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับปัญหานระยะยาวในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่ไม่รอด
นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนการเลือกตั้ง 6 เดือนจะเห็นว่าเครือข่ายสมัชชาปฏิรูปได้ทำข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปประเทศใน เรื่องดีๆหลายอย่าง เช่น การบริหารจัดการที่ดินเพื่อการเกษตร ปฏิรูปการศึกษา แรงงาน และการกระจายอำนาจ ซึ่งเรื่องต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการทบทวน และวิเคราะห์ออกมา โดยให้สังคมช่วยกันผลักดันให้รัฐบาลทำภายใต้บริบทใหม่ และสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าการที่มีกลุ่มสมัชชาปฏิรูปฯหรือคณะกรรมการปฏิรูปต่างๆ ขึ้นมา ตนเชื่อว่าอย่างน้อยประโยชน์ที่เกิดขึ้นคือ การให้การศึกษาการเรียนรู้กับสังคมว่าสังคมเราป่วย และมีอาการอย่างไร มีข้อเสนออะไรที่จะมาฟื้นฟูเยียวยาการเจ็บป่วยของสังคมได้
วิพากษ์รัฐมีแต่เรื่องปรองดอง ยังไม่ปฏิรูปโครงสร้าง
นายเพิ่มศักดิ์ ยังชี้ว่า ปัจจุบันมีแต่ข่าวเรื่อง การปฏิรูปด้านสมานฉันท์ ปรองดอง เรื่องกัมพูชา เรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงข่าวนโยบายประชานิยมต่างๆของรัฐบาล ซึ่งมากลบข่าวการแก้ปัญหาหรือการปฏิรูปประเทศในเชิงโครงสร้าง และตนหวังว่ากลุ่มสมัชชาฯที่เป็นภาคประชาชน และเป็นกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน กี่กลุ่ม ที่จะช่วยกระตุ้นเตือนสังคมไม่ให้สนใจแต่ปัญหาปลายเหตุ แต่ให้มาสนใจปัญหาโครงสร้างของประเทศ โครงสร้างเชิงนโยบาย โครงสร้างทางกฎหมาย โครงสร้างการคลัง ปัญหางบประมาณ และสิ่งต่างๆเรานี้จะเกิดขึ้นได้ถ้าใช้กระบวนการปฏิรูปเข้ามาผลักดัน เพราะจะรอให้รัฐบาลมาถามเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีก้าวหน้า จะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้า กระบวนการปฏิรูปไม่กระตุ้น
นายเพิ่มศักดิ์ ยังเสนอแนะว่า รัฐบาลควรเปิดกว้างให้ทุกกลุ่มมาร่วมแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ไทย คณะกรรมสมัชชาปฏิรูปประเทศไทยที่มีอยู่แล้ว ควรให้ทำงานต่อ ส่วนภาคประชาสังคมอื่นๆที่ไม่ได้รับการสนับสนุนก็ควรได้รับการสนับสนุน รัฐบาลต้องเปิดให้ประชาชน กลุ่มนักคิดนักพัฒนา มาเสนอแนะสิ่งดีๆให้กับรัฐบาลและสังคม เพราะรัฐบาลและ คณะรัฐมนตรี ขณะนี้ก็เหมือนว่าจะไปไม่รอดแล้ว เพราะเฉพาะการช่วยเหลือน้ำท่วมในจังหวัดใครจังหวัดมันก็จะช่วยเหลือไม่ทัน แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปคิดปัญหาเชิงโครงสร้างแล้ว
ยิ่งลักษณ์ควรเปิดเวทีพูดคุยสมัชชา
“ถ้านายกฯลงมาเปิดเวที เปิดใจคุยกับคณะกรรมการ คสป.เลยว่าบ้านเมืองมีข้อเสนอแนะอะไรที่อยากให้รัฐบาลทำ และคิดว่าอะไรเป็นเรื่องด่วนในเชิงโครงสร้างที่ต้องแก้ไขควบคู่กันไปกับการ แก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ถ้านายกฯ มานั่งคุย 2-3ครั้งรัฐบาลจะได้คะแนนเสียงและได้แต้มทางการเมือง มากกว่าไปรับมรดกเขามา เพราะประชาชนคนไทยลืมง่าย คงไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนตั้งขึ้น แต่เขาจะมาดูว่าใครเสนอ และใครเป็นคนแก้มากกว่า อีกทั้งก่อนหน้านี้ คสป.ได้เสนอไปหลายอย่างและรัฐบาลเดิมก็ตอบสนองน้อยมาก ฉะนั้นถ้านายกฯรับประเด็นต่างๆมาตอบสนองก็จะเป็นผลงานรัฐบาล”
นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย แต้ถ้าให้ความสำคัญจริงอาจจะต้องมอบหมายให้รองนายกฯ หรือรัฐมนตรีเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง และจะมีแนวทางในการสนับสนุนอย่างไร ที่ผ่านมาค สป.ได้พยายามเสนอแนะแนวทางมาโดยตลอด แต่รัฐบาลยังไม่ตอบสนองเท่าที่ควร โดยเฉพาะมิติของความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมรัฐบาลยังเข้าไม่ถึง
“หากรัฐบาลยังไม่สนใจในเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม คนรากหญ้า หรือคนเสื้อแดงเองก็จะมีมากขึ้น ความแตกต่างก็จะมากขึ้นทุกที และถ้าถึงขั้นที่ประชาชนเดือดร้อน คุณปู ยิ่งลักษณ์ อาจจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยก็ได้” นายเพิ่มศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย