- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ศึกใหญ่ “ แดนสนธยา ” บอร์ด-กก.ผอ.ใหญ่ ประดาบถึงเลือดเดือด (1)
ศึกใหญ่ “ แดนสนธยา ” บอร์ด-กก.ผอ.ใหญ่ ประดาบถึงเลือดเดือด (1)
หลายสิบปีก่อน องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ “อสมท.”ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ แดนสนธยา ” ด้วยรัฐวิสาหกิจแห่งนี้มีความลึกลับซับซ้อน ภายในองค์กรมีการแบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และยังมีการเมืองจากภายนอกเข้าแทรกแซงการดำเนินงานภายในอีกด้วย ท่ามกลางความอลวน อลเวง ภายใน อสมท. สาธารณะชนแม้จะรับรู้แต่ก็ไม่กระจ่างชัด ราวกับเป็นดินแดนที่มีแสงสว่างเห็นเพียงลางๆ ไม่ชัดเจน มีความน่าพรั่นพรึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน ดุจดังภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “แดนสนธยา” ที่ฉายเป็นซี่รี่ย์โด่งดังทางช่องของ อสมท.เอง ในสมัยโน้นเลยทีเดียว
สมญานาม “แดนสนธยา”เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา หลังจาก อสมท.เข้าสู่ยุคการทำงานอย่างมืออาชีพ ภายใต้การนำของ นายแสงชัย สุนทรวัฒน์ อดีต ผอ.อสมท. ผลงานที่ปรากฎเป็นที่รู้กันทั่วไป ขณะที่พนักงาน อสมท.ในช่วงเวลานั้น ก็ให้การยอมรับนับถือในฝีไม้ลายมือ ความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและองค์กร ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้บุคคลภายนอก ผู้ร่วมลงทุนสถานีวิทยุกับอสมท.เสียผลประโยชน์และโกรธแค้น จ้างมือปืนไปดักยิงจนเสียชีวิต
มาถึงวันนี้ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ในชื่อใหม่ว่า บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เสียงวิพากษณ์วิจารณ์ในบรรดาพนักงาน อสมท.ว่า “แดนสนธยา”กลับมาอีกแล้วหนาหูขึ้น เมื่อมีข่าวความขัดแย้งระหว่าง นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ หรือประธานบอร์ด กับ นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ร้อนแรงถึงขั้นมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาจ้างบริหารกับนายธนวัฒน์ ขณะที่ ผู้บริหารระดับสูงระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นำพนักงานประมาณ 80 คน ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทหรือบอร์ด อสมท ผิดหลักธรรมาภิบาล บริหารงานไม่โปร่งใส เรื่องที่บอดร์ดมีมติแก้ไขโครงสร้างใหม่ของ อสมท. ยุบตำแหน่งสำคัญระดับ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บางตำแหน่ง และการโยกย้ายผู้บริหารและพนักงาน ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรมต่อพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
งานนี้โจษจันกันทั่วอสมท. ถึงขนาดที่ว่ามี “การเมืองเข้าแทรก” มีเรื่องของ “สี”เข้ามาเกี่ยวข้อง โยงไปถึงเรื่องของ “ บุคลากรภายใน”ที่จะมาสวมตำแหน่งสำคัญระดับบริหารในองค์กร ซึ่งพนักงานจำนวนหนึ่งร้อง “ยี้” เข้าไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้น พนักงานเองยังมีการถือหางฝ่ายประธานบอร์ด กับอีกฝ่ายก็เชียร์กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จึงเป็นเหตุการณ์ที่ระดับบริหาร "กินเกาเหลา" ที่น่าติดตามความเป็นไปอีกครั้งหนึ่งใน “แดนสนธยา”
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด อสมท.
ที่มาของเหตุการณ์
ที่มาของเหตุการณ์ในแดนสนธยาหนนี้ มาจากการประชุมบอร์ด อสมท.เมื่อวันที่ 15 กันยายน และ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งนายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด เป็นประธานการประชุม โดยวันที่ 15 กันยายน เป็นการประชุมและมีมติให้ดำเนินการแก้ไขโครงสร้างใหม่ของบริษัทฯ ที่ประชุมเห็นชอบกับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และวันที่ 16 กันยายน ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหาร โดยมีการกำหนดแต่งตั้งผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 6 อัตรา โดยเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 5 อัตรา และหัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน 1 อัตรา
ส่วนการแต่งตั้งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อีก 2 อัตรา ให้ฝ่ายบริหาร อสมท. พิจารณาตามความจำเป็นและให้เสนอหลักเกณฑ์แนวทางการคัดเลือกหรือสรรหาให้บอร์ดพิจารณาโดยเร็ว
มติบอร์ดยังให้ยุบตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานเทคโนโลยี่ (สำนักวิศวกรรม) และตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและบริหารความเสี่ยง และให้ย้ายและแต่งตั้งผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักผู้ตรวจการ เป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักข่าวไทย และ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานยุทธศาสตร์และบริหารความเสี่ยง เป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักทรัพยากรมนุษย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป
พนักงาน อสมท.งุนงงสงสัย
มติของที่ประชุมบอร์ดดังกล่าว ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึงในแวดวงพนักงาน อสมท. บางส่วน ว่าบอร์ดพิจารณามีมติในเรื่องของการแก้ไขโครงสร้างว่าเป็นไปตามหลักการและเหตุผลหรือไม่ ส่วนหลักการและแนวคิดในการจัดทำโครงสร้าง อสมท.ใหม่ เป็นไปตามที่บริษัทที่ปรึกษาคือ เอสอาร์ไอ คอนซัลแตนท์ ซึ่ง อสมท.จ้างมาจัดทำโครงสร้าง ดำเนินการไว้หรือไม่
นอกจากนี้ มติบอร์ดที่ให้ยุบตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานเทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการทำงานของ อสมท. สมควรหรือไม่ และมติให้ย้ายและแต่งตั้งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักผู้ตรวจการ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักข่าวไทย เหมาะสมหรือไม่
โดยเฉพาะตำแหน่งหลังนี้ มีข้อสังเกตุว่า ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักผู้ตรวจการ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่มาก่อน และเพิ่งโยกย้ายมาเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักผู้ตรวจการ เมื่อราว 1 ปีเศษ ที่ผ่านมานี่เอง มีเหตุผลในการโยกย้ายกลับไปดำรงตำแหน่งนี้อย่างไร
รอง กก.ผอ.ใหญ่ ร้องเรียน รมต.สำนักนายก
หลังจากนั้น ก็เกิดความเคลื่อนไหวในอสมท.จากพนักงานบางส่วน โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา โดยนางสุนทรีย์ แก้วกรณ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งเพิ่งเกษียณอายุไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมพนักงาน อสมท.ประมาณ 80 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานจากสายวิศวกรรมโทรทัศน์และนายสถานีวิทยุภูมิภาค ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับ ดูแล อสมท. มี 3 ประเด็นหลัก สืบเนื่องมาจากมติที่ประชุมบอร์ด คือ
ปัญหาการจัดทำโครงสร้างบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)ปัญหาการเลื่อนและโยกย้ายแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงปัญหาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของบอร์ด อสมท.
เนื้อหาในหนังสือร้องเรียนระบุว่า มติบอร์ดทำให้เกิดความเสียหายสรุปว่า การจัดทำโครงสร้างบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งบอร์ดมีมติปรับปรุงโครงสร้าง และให้มีผลบังคับในวันที่ 1 ตุลาคม นั้น เมื่อพิจารณาโครงสร้างดังกล่าวแล้ว พบว่าไม่ได้เป็นไปตามหลักการและเหตุผล โดยหลักการและแนวคิดในการจัดทำโครงสร้าง ไม่เป็นไปตามที่บริษัทที่ปรึกษา เอสอาร์ไอ คอนซัลแทนท์ ดำเนินการไว้
การเลื่อนตำแหน่ง และโยกย้าย แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงตามมติบอร์ด โดยแต่งตั้ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 2 ราย ย้ายและแต่งตั้งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 2 ราย ทั้งๆที่ไม่ได้ผ่านการคัดสรร ถือว่าไม่เป็นไปตามระเบียบ และไม่เป็นธรรมต่อผู้บริหารระดับอำนวยการฝ่ายอีกหลายคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้จัดการใหญ่ อสมท.
ประธานบอร์ดกังขา กก.ผอ.ใหญ่ อสมท.
ความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งของพนักงาน อสมท.บางส่วน นำโดยนางสุนทรีย์ แก้วกรณ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ด้วยการยื่นหนังสือร้องเรียนถึง น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับ ดูแลงาน อสมท. ท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่นใน “แดนสนธยา” วันที่ 28 กันยายน นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด อสมท. เรียกประชุมคณะกรรมการบอร์ดวาระพิเศษ ซึ่งก่อนหน้านั้นในช่วงเช้าวันเดียวกัน ได้มีการประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท. และพนักงาน อสมท. มีข้อสงสัยในโครงสร้างบางสายงาน ที่ไม่มีผู้บริหารระดับ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ( สายงานเทคโนโลยี่ และ สายการเงินและบริหารความเสี่ยง ) และความเหมาะสมในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารตามโครงสร้างใหม่ ( ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักผู้ตรวจการเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักข่าวไทย และ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานยุทธศาสตร์และบริหารความเสี่ยง เป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักทรัพยากรมนุษย์ )
หลังจากรับฟังความคิดเห็นเรื่องจากปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว ที่ประชุมบอร์ดมีมติให้คณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว เพื่อนำกลับมาเสนอในการประชุมบอร์ดครั้งต่อไป วันที่ 20 ตุลาคม 2554
นอกจากนี้ บอร์ดยัง มีมติแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้างบริหารงานใน ตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของ นายธนวัฒน์ วันสม โดยมีนายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ เป็นประธาน และนายนัที เปรมรัศมี และนายธีรภัทร สงวนกชกร เป็นคณะทำงาน กำหนดกรอบการทำงาน 15 วันนับจากวันที่ 28 กันยายน 2554 โดยคณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มประชุมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม
นายสุรพล นิติไกรพจน์ กล่าวกับสำนักข่าวอิศราว่า สาเหตุของการแต่งตั้งคณะทำงานฯ ชุดดังกล่าว เนื่องจากบอร์ด อสมท มีข้อสงสัยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของนายธนวัฒน์ วันสม หลายประเด็นใน ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งการทำงานล่าช้า หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการบอร์ดมอบหมายภารกิจหรือไม่ รวมทั้งมีการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในการบริหารงานบุคคล จนก่อให้เกิดความแตกแยกภายในองค์กรหรือไม่
“ประเด็นสำคัญที่ทำให้บอร์ดมีมติแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบสัญญาฯ จากข้อสงสัยในประเด็นที่มอบหมายให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทำหน้าที่ชี้แจงการปรับโครงสร้างองค์กรให้กับพนักงานได้รับทราบเป็นระยะ พร้อมให้สะท้อนความคิดเห็นจากพนักงานมายังบอร์ด แต่เหตุการณ์ที่พนักงานได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนการทำงาน ของคณะกรรมการปรับโครงสร้าง ต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และหลังจากบอร์ดได้มารับฟังความคิดเห็นจากสหภาพ อสมท จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้ทำหน้าที่ตามที่บอร์ดมอบหมายหรือไม่” นายสุรพล กล่าว
ประธานบอร์ด อสมท กล่าวว่า นอกจากนี้ยังประเด็นอื่นๆ อีกเช่น คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG) ได้ขอให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ชี้แจงการใช้งบประมาณด้านซีเอสอาร์ ของหน่วยงานต่างๆ ผ่านสื่อ อสมท ที่มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทต่อปี แต่ไม่ได้รับการชี้แจงจาก กก.ผอ.ใหญ่ เป็นต้น
“ ปัญหาที่คณะกรรมการ อสมท. แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ มีประเด็นหนึ่งที่อาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาลคือ คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG) ได้ขอให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ชี้แจงการใช้งบประมาณด้านการทำกิจกรรมที่รับผิดชอบต่อสังคม(ซีเอสอาร์ )ของหน่วยงานต่างๆ ผ่านสื่อ อสมท. มูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อปี แต่ไม่ได้รับการชี้แจงจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่” นายสุรพล กล่าว
นอกจากนี้ ในที่ประชุมบอร์ด ยังมีมติให้ระหว่างที่คณะทำงานตรวจสอบสัญญาฯ ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ห้ามนายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานทุกระดับ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในกรณีเร่งด่วนที่ต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหน่งสำคัญ ที่ส่งผลต่อการทำงานขององค์กร โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ว่างลง จากบุคลากรเกษียณอายุการทำงาน ให้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เสนอมายังคณะกรรมการบอร์ด อสมท ซึ่งจะทำหน้าที่ในการพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวเอง คณะกรรมการมีมติให้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากร ที่บอร์ดมีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 16 กันยายนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน นี้ด้วย
“มติบอร์ด ที่ห้ามกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทำหน้าที่แต่งตั้งโยกย้ายบุคลากร เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะทำงาน อีกทั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ในการแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากรตามโครงสร้างใหม่ ที่กำลังอยู่ในความสนใจของพนักงาน อสมท บอร์ดจึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส”นายสุรพล กล่าว
ประธานบอร์ด อสมท กล่าวด้วยว่า ผลการสอบสวนของคณะทำงานฯ ที่มีระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ 28 กันยายน นี้ หากพบว่าการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไม่มีความผิด ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้างต่อไป แต่หากพบว่ามีความผิด จะต้องไปดูรายละเอียดว่าผิดในสัญญาข้อใด ซึ่งมีบทลงโทษกำกับไว้ในสัญญาชัดเจน
“ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีแรงกดดันมายังคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ต่างๆ รวมทั้ง อสมท เช่นเดียวกัน เพื่อให้กรรมการลาออก แต่ ตน และกรรมกา คนอื่นๆ อีก 3 คนที่จะครบวาระการทำงานในเดือนเมษายน 2555 ยืนยันว่า จะไม่ลาออกก่อนวาระแน่นอน โดยตนประกาศไว้ในวันรับตำแหน่งประธานบอร์ดแล้วว่าจะทำหน้าที่จนครบวาระ 3 ปี ( ติดตามตอนต่อไป)