- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดคำพิพากษา “หน่อแอะ มีมิ ” จำเลยหนี่งเดียว “ชนกลุ่มน้อยบุกรุกทำลายป่าแก่งกระจาน”
เปิดคำพิพากษา “หน่อแอะ มีมิ ” จำเลยหนี่งเดียว “ชนกลุ่มน้อยบุกรุกทำลายป่าแก่งกระจาน”
ปฏิบัติการอพยพ ผลักดัน จับกุมชนกลุ่มน้อยบุกรุกทำลายป่าชายแดนไทย-พม่า ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระบุว่าผู้บุกรุกเป็นชนกลุ่มน้อย “กะหร่าง”จากประเทศเพื่อนบ้าน แผ้วถางป่า เกี่ยวข้องกับกองกำลังติดอาวุธ และปลูกพืชเสพติดกัญชา ซึ่งปฏิบัติการต่อเนื่องหลายครั้ง ตั้งแต่กลางปี 2553 ถึงเดือนกรกฎาคม 2554 โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานร่วมกันปฏิบัติการนับร้อยคน รวมทั้งใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก ซึ่งต่อมาได้ตกถึง 3 ลำ มีผู้เสียชีวิตเป็นทหาร 16 นายและช่างภาพโทรทัศน์ 1 คน ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา จับกุมผู้ต้องหาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ผู้ต้องหาคนเดียวคือ นายหน่อแอะ มีมิ ชาวกะเหรี่ยง วัย 50 ปี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมได้ที่บ้านในป่าแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมปืนแก๊ป 8 กระบอก และอุปกรณ์เครื่องกระสุนปืน คือเม็ดตะกั่วต่างขนาดบรรจุขวด จำนวน 230 เม็ด ดินปืน (ดินดำ) บรรจุขวด 2 ขวด แก๊ปแผ่น จำนวน 21 แผ่น อันเป็นเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พนักงานสอบสวนส่งให้อัยการฟ้องศาลจังหวัดเพชบุรี
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 กันยายน ศาลจังหวัดเพชรบุรีมีคำพิพากษาไว้อย่างน่าสนใจว่า
“พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16(15), 27 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง วางโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท ฐานนำอาวุธเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ วางโทษปรับ 500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1,250 บาท
ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยถูกจับกุมดำเนินคดีอาญาใดมาก่อน ประกอบกับไต่สวนได้ความจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติว่าการกระทำความผิดของจำเลยเกิดจากสภาพแวดล้อมและภาวะความเป็นอยู่ที่ต้องดำรงชีพแตกต่างจากบุคคลโดยทั่วไป เห็นควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบอาวุธปืนเป็นของกลาง
ข้อความคำพิพากษาของศาลจังหวัดเพชรบุรี มีข้อน่าสังเกตุว่าไม่ได้กล่าวถึงข้อหาอาวุธสงคราม ข้อหาบุกรุก แผ้วถางป่า ปลูกพืชเสพติดกัญชา ข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ตามที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานให้ข้อมูลสื่อมวลชนมาตลอด นายหน่อแอะ มีความผิดฐานมีอาวุธปืนแก๊ปเข้าไปในอุทยานเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าอัยการและศาล เข้าใจวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ในป่าแก่งกระจาน โดยเฉพาะข้อความว่า “การกระทำผิดของจำเลยเกิดจากสภาพแวดล้อมและภาวะความเป็นอยู่ที่ต้องดำรงชีพแตกต่างจากบุคคลโดยทั่วไป”
นอกจากคำพิพากษาของศาลจังหวัดเพชรบุรีแล้ว จากการติดตามข้อเท็จจริงของทีมข่าวอิศรา พบว่าไม่มีการแจ้งข้อหาแก่ผู้ใดอีก รวมทั้งชาวกะเหรี่ยงที่ถูกอพยพ ผลักดันออกจากป่าแก่งกระจานมาอยู่ที่บ้านโป่งลึก บ้านบางกลอย 7 ครอบครัว ประมาณ 39 คน ก็ไม่ได้แจ้งข้อหา และไม่มีการส่งกลับไปประเทศพม่า ประเทศต้นทางที่เดินทางเข้ามาแต่อย่างใด และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ชาวกะเหรี่ยงเหล่านั้น ผ่านทางกองทัพภาคที่ 1 ด้วย
นายหน่อแอะ เป็นบุตรคนโตของนายโคอี้ มีมิ นายพรานผู้เฒ่าวัย 103 ปี เกิดและเติบโตและป่าแก่งกระจาน ผ่านการสำรวจจากทางราชการหลายปีแล้วว่าเป็นชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิมในป่าแก่งกระจาน อยู่ในข่ายได้ทำบัตรประชาชนชนไทย นายนอแอเคยช่วยเหลือราชการครั้งสำคัญ โดยเป็นผู้เข้าไปในป่าบางกลอย ติดตามค้นหา ตชด.ที่ปะทะกับกองกำลังฝ่ายตรงข้ามและหลงป่า สามารถช่วยชีวิต ตชด.ออกมาได้ 4นาย เมื่อปี 2535
หลังจากถูกจับกุมตัวดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนเข้าไปในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายหน่อแอะ ได้ร้องเรียนไปยังกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า เจ้าหน้าที่ได้เผาบ้าน เผายุ้งข้าว ทำลายทรัพย์สิน เพื่อผลักดันให้ออกจากป่า มีเงินจำนวน 1 หมื่นกว่าบาท ซุกไว้ใต้หลังคาถูกเผาไปด้วย เรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณา หลังจากได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อเร็วๆนี้
นอกจากนั้น นายหน่อแอะ ยังได้ให้ข้อมูลนักกฎหมาย คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ฯสภาทนายความ เรื่องการถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนว่า ปืนที่ยิงได้มีเพียงปืนแก๊ป 2 กระบอก ใช้สำหรับล่าสัตว์เล็กๆเพื่อการยังชีพในป่า ส่วนปืนกระบอกที่เหลือเจ้าหน้าที่เหมารวมไปด้วยว่าเป็นของตนเอง ซึ่งที่จริงแล้วเป็นปืนที่ใช้การไม่ได้ และกล่าวถึงเจ้าหน้าที่เผาบ้าน ทำลายยุ้งข้าวของตนเองและบิดาด้วย
นายหน่อแอะ ยังรู้จักกับนายทัศน์กมล โอบอ้อม หรือ “อาจารย์ป๊อด” อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้เป็นอย่างดี โดยนายทัศน์กมล สนิทสนมกับนายโคอี้ บิดาของนาหน่อแอะ ซึ่งเรียกนายทัศน์กมลว่า “ลูกคนโตที่ท่ายาง” นายทัศน์กมล ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวกะเหรี่ยงที่ถูกผลักดันออกจากป่าแก่งกระจาน และเตรียมจะยื่นฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ร่วมขบวนการสังหารนายทัศน์กมลได้ 1 คน ออกหมายจับมือปืนกับผู้เกี่ยวข้อง 2 คน และออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ข้อหาจ้าง วาน ใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฆ่าผู้อื่น นายชัยวัฒน์มอบตัวและศาลอนุญาตให้ประกันตัวไป
2 ภาพบน "หน่อแอะ มีมิ" /ครอบครัว หน่อแอะ ถ่ายภาพโดย กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์ สำนักข่าวประชาไท