- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ทารุณกรรมแรงงานเด็กเผ่าปะโอ เหยื่อการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ( มีคลิป )
ทารุณกรรมแรงงานเด็กเผ่าปะโอ เหยื่อการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ( มีคลิป )
“ตุ๊ก” (นามสมมุติ ) เด็กสาววัย 17 ปี แรงงานข้ามชาติเผ่าปะโอจากประเทศพม่า ท่าทางซึมเศร้า วิตกกังวล นั่งบนเก้าอี้ในสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ พี่สาวของเธอชื่อนางน้อย(นามสมมุติ) อายุ 30 ปี นั่งสงบเสงี่ยม เคียงข้าง รอเสริมข้อมูลเรื่องราวอันสุดรันทดของน้องสาว ซึ่งนัดหมายให้ข้อมูลเรื่องถูกนายจ้างชาวไทยกระทำทารุณกรรมอย่างหนัก กับผู้สื่อข่าว สำนักข่าวอิศรา เมื่อต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา
ต้นปี 2552 ตุ๊ก ลักลอบเข้าประเทศไทยมาทำงานเป็นคนรับใช้ทำงานบ้านให้นายจ้าง ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านมีชื่อเสียงย่านถนนพระราม 9 ระหว่างทำงานนานประมาณ 2 ปีเศษ เธอถูกนายจ้างเป็นหญิงวัยเลยเกษียณ กับลูกสาว 2 คน และลูกเขยเจ้าของบ้าน ทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ถูกกักขังให้อยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ให้ติดต่อกับใคร และไม่ได้ค่าจ้างแรงงาน ก่อนที่ลูกสาวเจ้าของบ้านอีกคนที่อาศัยอยู่บ้านหลังอื่น ทนเห็นแม่และพี่น้องกระทำทารุณเธอไม่ไหว ช่วยให้เธอหลบหนีออกมาได้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ปัจจุบัน เธออยู่ในความดูแลของสภาทนายความ
“ คุณนายใช้สากกะเบือตีปากหนูฟันหัก 2 ซี่ ถูกถีบตกบันได ทุบตีหนูแทบทุกวัน ค่าจ้างก็ไม่ได้มานานแล้วค่ะ” ตุ๊ก กล่าว
แม้ว่าเธอจะพูดไทยไม่ชัดเจนเหมือนคนไทยทั่วไป แต่ก็ฟังเข้าใจได้ง่ายว่าเธอถูกนายจ้างใช้กำลังกระทำการอันทารุณ วันที่เธอให้ข้อมูล บาดแผลหลายแห่งยังคงปรากฎเป็นหลักฐาน ยืนยันในเรื่องที่เธอถูกทำร้ายร่างกาย นอกจากฟันบนหน้า 2 ซี่ ที่หายไป บริเวณริมฝีปากบนยังแหว่งจนปากผิดรูป
“ เขาตีหนูฟันหัก เลือดกลบปาก กินอะไรไม่ได้ แผลที่ปากเปื่อยเป็นติ่งห้อยออกมา หนูเลยใช้กรรไกรตัดออก เจ็บมากค่ะ เขาไม่พาหนูไปหาหมอรักษา”
บาดแผลอื่นตามร่างกายปรากฎอยู่ทั่วร่าง ผมบนศีรษะเว้าแหว่งเพราะเป็นแผลแตก ไม่ได้เย็บสองแผล ดวงตาข้างซ้ายยังมีร่องรอยช้ำ ใบหูทั้ง 2 ข้าง ไม่เป็นรูปทรงเดิม โดยเฉพาะใบหูซ้ายแข็ง ไม่อ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น และแนบไปเกือบชิดศีรษะ
แขนซ้ายของเธอบวม กระดูกแขนโค้งงอโปนออกมา แขนขวากระดูกโปนบริเวณข้อมืออย่างชัดเจน ยังไม่รวมกับบาดแผลตามร่างกายที่ถูกทุบ ตี ใช้ไม้ฟาดอีกหลายแห่ง รวมทั้งถูกน้ำร้อนลวกที่หน้าอก
“ เขาใช้สากกะเบือตี ใช้เหล็ก ใช้ไม้ตี หนูใช้แขนรับ ปวดแขนไปหมด เคยหนีแต่ถูกจับเข้าไปทำงานอีก” ในวันที่สัมภาษณ์ ตุ๊กบอกด้วยว่า ดวงตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองเห็นได้อย่างปกติ ยังพร่ามัว แขนทั้งสองข้างก็ยังปวดอยู่ และปวดแผลบริเวณก้นที่เป็นหนอง
ตุ๊กเล่าว่า เธอเป็นชาวปะโอ เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2536 ที่อำเภอเจาก์ตะโงยี รัฐฉาน ( ใกล้ดอยไตแลง ติดกับอ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน) มีพี่น้อง 8 คน ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ ทำนาและรับจ้างปลูกกระเทียม
ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2552 นาย “ออง วิน” อายุประมาณ 26 ปี ญาติทางแม่ ได้ชวนให้มาทำงานในประเทศไทย คิดค่านายหน้าและค่าพาหนะรวม 2 หมื่นบาท โดยจะเก็บเงินหลังจากได้ทำงานในประเทศไทยเมื่อมีรายได้แล้ว อองวิน พาเธอนั่งเรือไปจนถึงอำเภอเมียวดี แล้วเดินทางต่อเข้าประเทศไทย ( ไม่แน่ใจว่าทาง อ.สอด จ.ตาก หรือ ทาง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ) ไปจนถึงจังหวัดเชียงใหม่ และนั่งรถตู้ร่วมกับคนอื่นๆที่มาหางานทำอีก 7 คน จนถึงกรุงเทพมหานคร
“ ฉันไปรับมาอยู่ด้วยกัน ติดต่อกับอองวินไว้ก่อนแล้วว่าฉันจะไปรับน้องที่แถวอ่อนนุช อยู่ได้วันเดียว ก็มีคนขับรถเท็กซี่ซึ่งรู้จักกัน บอกว่ามีคนต้องการเด็กทำงานบ้าน ก็ให้พาไป ตกลงกับนายจ้างผู้หญิงเป็นลูกสาวเจ้าของบ้าน ให้ตุ๊กทำงานรับใช้ค่าจ้างเดือนละ 3 พันบาท ”
นางน้อย ให้ข้อมูลว่า เธอเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้หลายปีแล้ว จดทะเบียนแรงงาน มีใบอนุญาตให้ทำงานถูกต้อง เธอเป็นกรรมกรทาสี ในบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง พูดและฟังภาษาไทยได้ดี แต่เขียนอ่านภาษาไทยไม่ได้
“ ค่าจ้างได้เพียงช่วง 5-6 เดือนแรก นายจ้างโอนเข้าบัญชีเพื่อนชื่อนายหม่องตัน ธนาคารกสิกรไทย หลังจากนั้นก็ไม่ได้อีกเลย ”
นางน้อย เล่าต่อว่า วันที่ 6 มกราคม 2553 เธอได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.เท เพื่อนของน้องสาวว่าได้โทรศัพท์นัดกัน แต่ไม่ได้เจอกันและโทรศัพท์ติดต่อกันไม่ได้ จึงขอให้ไปหา ที่บ้านนายจ้างย่านถนนพระราม 9 ด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ เวลาประมาณ 10 นาฬิกา ฉันไปที่บ้านนายจ้าง พบกับลูกเขยเจ้าของบ้าน ช่วงแรกไม่ได้เข้าไป เขาเข้าไปแล้วบอกฉันว่าน้องสาวไม่อยากคุยกับฉัน ให้กลับไปก่อน”
ตุ๊ก เล่าว่า เช้าวันนั้น เธอหนีออกมาจากบ้านหลังนั้นเพราะถูกคนในบ้านดุด่าเป็นประจำ ออกมาจนถึงปากซอย ห่างจากบ้านไม่ไกล แต่หนีไม่สำเร็จ
“ นาย อ. ลูกเขยเจ้าของบ้านตามมาเจอ เขาพาหนูกลับบ้าน ใช้มือดึงผมแล้วตีที่คอสี่ห้าที เจ้าของบ้านกับลูกสาวก็อยู่ด้วยแต่ไม่ห้าม คุณนาย เจ้าของบ้านพาหนูไปขังในห้องชั้นบน ล็อกกุญแจ”
“หนูต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เตรียมน้ำชาไหว้พระ ไหว้เจ้า เช็ดถูปัดกวาดบ้าน หุงข้าว ซักผ้า รีดเสื้อ กินข้าวตอนเที่ยงกับตอนเย็น บางวันก็ไม่ได้กิน นอนตีหนึ่ง ที่นอนอยู่หลังบ้านติดกับเครื่องซักผ้า กลางคืนล็อกกุญแจออกมาไม่ได้ ”
เธอให้รายละเอียดว่า เวลาประมาณตีห้า นายจ้างจะลงมาไขกุญแจห้องหลังบ้าน ซึ่งใช้นอนเฉพาะเวลากลางคืน ในห้องยุงเยอะมาก ต้องใช้ผ้าห่มนอนคลุมโปง นายจ้างนำเสื้อผ้าที่เธอติดตัวไปด้วยทิ้งหมด ให้ใส่เสื้อผ้าชุดเดียว ทำให้เธอต้องซักเสื้อผ้าชุดนั้นทุกวัน นุ่งผ้าถุงกระโจมอกเวลานอน
นางน้อย เล่าต่อว่า หลังจากนั้น เธอได้พาเพื่อนผู้ชายไปหาน้องสาวอีก แต่ไม่ได้พบ พบลูกสาวเจ้าของบ้านสองคน บอกว่าน้องสาวหนีไปแล้ว ไม่ต้องมาตามแล้ว
“ นายวินแนะนำทนายความให้ ให้ทนายไปหาน้องสาวที่บ้านอีกสอง สามครั้ง ทนายคนนั้นบอกว่าไม่เจอน้องสาว เจอแต่เจ้าของบ้าน บอกว่าน้องสาวฉันออกไปนานแล้ว หนีไปกับผู้ชาย และมีตำรวจโทรมาบอกว่าเป็นลูกน้องทนายความ มาบอกว่าอย่าไปยุ่งกับนายจ้างอีก หากยุ่งจะจับฉัน”
หลังจากนั้น นางน้อยได้ไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สน.หัวหมาก แล้วแจ้งให้สภาทนายความช่วยเหลือ
หลังจากสภาทนายความได้รับเรื่องร้องเรียน ได้มอบหมายให้ นายดุสิต สุวรรณวงศ์ ทนายความ และกรรมการอนุกรรมาการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ดำเนินการช่วยเหลือ
วันที่ 3 กันยายน 2553 นายดุสิต สุวรรณวงศ์ เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.หัวหมาก ท้องที่เกิดเหตุคนหายตามเอกสารแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้ให้ดาบตำรวจนายหนึ่ง ไปร่วมตรวจสอบบ้านหลังที่ นางน้อย ระบุว่าน้องสาวยังทำงานอยู่
จากการตรวจสอบโดยพบกับเจ้าของบ้านและลูกสาวทั้งสองคน พบว่าเจ้าของบ้านท่าทางเป็นผู้ดี มีอันจะกิน เธอมีลูกสาวห้าคน อยู่ด้วยกันในบ้านสองคน อีกสามคนแยกไปอยู่บ้านตนเอง ลูกสาวที่อยู่ด้วยกันเป็นแอร์โฮสเตส อีกคนเป็นนักศึกษาปริญญาโท ทั้งสามคนผลัดกันให้ข้อมูลด้วยอัธยาศัยที่ดี บอกว่าตุ๊กเข้ามาทำงานเป็นแม่บ้านโดยมีญาติพี่น้องเจ้าของบ้านมาช่วยสอนงาน ไม่มีการกดขี่แรงงานหรือขู่บังคับ ไม่มีการกักขังใดๆทั้งสิ้น การจ่ายเงินเดือนก็จ่ายตรงเวลาเป็นไปตามข้อตกลงกัน และยังเคยพาตุ๊กไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าด้วย
เจ้าของบ้านบอกว่า ตุ๊กได้ออกจากบ้านนี้ไปแล้วประมาณ 2 เดือน ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนเพราะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย วันที่ตุ๊กหนีไปนั้น รู้ว่ามีเพื่อนมารับที่หน้าบ้านนอกรั้ว ตุ๊กปีนกำแพงรั้วบ้านหนีไป นางน้อย พี่สาวของตุ๊ก เคยโทรศัพท์มาสอบถาม ก็ได้บอกไปว่าน้องสาวหนีจากบ้านไปแล้ว แต่นางน้อย ไม่เชื่อ บางครั้งก็มีเสียงผู้ชายโทรมาสอบถามเรื่องตุ๊ก แต่ก็บอกไปว่าไม่ได้อยู่ทำงานที่บ้านอีกแล้ว วันนั้น เจ้าของบ้านยังได้พาไปดูบริเวณรั้วตรงที่บอกว่า ตุ๊กปีนหนีออกไปด้วย
เมื่อไม่พบตัวตุ๊ก นายดุสิต สุวรรณวงศ์ ได้สรุปการดำเนินการช่วยเหลือ โดยรายงานสภาทนายความว่า ดูจากลักษณะบ้านและการพูดจา อัธยาศัยของเจ้าของบ้านกับลูกสาวสองคนแล้ว น่าเชื่อว่าเป็นความจริง คือไม่มีการกักขังลูกจ้างแต่อย่างใด และตุ๊ก น่าจะออกจากบ้านไปแล้ว
ส่วน นางน้อยก็มีความน่าเชื่อถือพอๆกันว่าเป็นพี่สาว ของตุ๊ก จริง แต่ตุ๊กน่าจะออกไปจากบ้านหลังนี้ไปอยู่บ้านหลังอื่นของเจ้าของบ้าน และตั้งข้อสังเกตุว่า ดาบตำรวจที่ไปด้วยนั้นมีความสนิทสนมกับครอบครัวนี้มาก ต่อมา หลังจากรายงานความไม่คืบหน้าต่อที่ประชุมทุกเดือน ในที่สุด ก็ต้องไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าไม่สามารถติดตามตัวได้ เพราะเวลาผ่านมา 1 ปีแล้ว ตุ๊กอาจจะไปอยู่กับนายหน้าหาทางคนใหม่แล้ว
ตุ๊ก เล่าว่าในวันที่ทนายความ (นายดุสิต สุวรรณวงศ์) กับดาบตำรวจไปที่บ้านในวันนั้น เธออยู่ในบ้าน แต่เจ้าของบ้านให้อยู่ในห้อง เธอไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือเพราะกลัวถูกตี และจำเสียงได้ว่าตำรวจที่มาด้วยกันกับทนายความเป็นใคร เพราะตำรวจคนนั้นไปที่บ้านประจำทุกเดือน
“ตำรวจมาเอาเงินจากคุณนายและได้พูดคุยกับหนู หนูเอาน้ำดื่มไปเสริฟด้วย”
เธอเล่าต่อว่า หลังจากวันที่นางน้อย พี่สาวมาหาครั้งแรก ( วันที่ 6 มกราคม 2553) แล้วไม่พบ เจ้าของบ้านได้ให้เธอทำงานอีก จากนั้นก็มีตำรวจมาที่บ้านบ่อยๆ ซึ่งเธอมักถูกขังไว้ในห้องน้ำ เมื่อตำรวจกลับไปแล้วเจ้าของบ้านก็ด่าทอว่าเป็น “ควาย” ทำงานไม่เป็น
“คุณนายบอกว่าจ่ายเงินให้ตำรวจทุกเดือนๆละ 3 พันบาท”
“ แล้วคุณนายก็ทุบตีทำร้ายหนู ใช้สากกะเบือตีไปที่หัว หู และที่ปาก ลูกๆก็ตบตีหนูด้วย”
เธอเล่าว่า ทารุณกรรมในวันนั้น ทำให้เลือดออกที่หู ฟักบนหน้าหัก 2 ซี่ ปากแตก หัวแตก นายจ้างไม่ได้พาไปพบแพทย์หรือรักษาพยาบาล เธอทนทรมาน ปล่อยให้แผลหายเอง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
หลังจากนั้น เธอก็ถูกเจ้าของบ้านทำร้ายอย่างหนักอีก โดยใช้เหล็กตีถูกที่หน้าผากมีบาดแผล เจ้าของบ้านซื้อยามาให้ทารักษาแผลเอง แต่แขนทั้งสองข้างมีรอยช้ำบวม เพราะเธอยกแขนขึ้นบังป้องกันตัว
“ ก่อนวันแม่วันหนึ่ง (11 สิงหาคม 2554 ) คุณนายกับลูกเขย ทุบตีหนู ใช้ไม้เก้าอี้หักตีที่ก้น ที่ขา ที่ท้อง มีแผลที่ก้น ตาช้ำ” ตุ๊ก เล่าถึงวันที่เธอถูกทำร้ายครั้งสุดท้ายในบ้านหลังนั้น
วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่ ลูกสาวของเจ้าของบ้านคนหนึ่ง ซึ่งอยู่บ้านหลังอื่นมารับแม่ไปรับประทานอาหารกับพี่น้องข้างนอก เปิดทางให้สามีกับผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน พาเธอออกจากบ้านไปพักที่บ้านหลังหนึ่งของผู้ชายที่มาด้วยย่านฝั่งธนบุรี แล้วพาไปโรงพยาบาล ตุ๊กจึงรู้ว่าเธอถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัสมากกว่าที่คิด นอกจากฟันหัก ใบหน้าและศีรษะบวมโต กระดูกแขนยังแตก ทำให้อักเสบจนกระดูกปูดโปนออกมา ตุ๊กอยู่ที่บ้านหลังนั้นกับเจ้าของบ้านใจดีนานประมาณ 1 เดือน
วันที่ 26 กันยายน 2554 เธอนึกเบอร์โทรศัพท์เพื่อนคนหนึ่งของ พี่สาวได้ จึงขอใช้โทรศัพท์มือถือของลูกสาวเจ้าของบ้านโทรไปหา ไม่นาน นางน้อยก็ไปรับตัวเธอออกมาอยู่ด้วยกันและแจ้งให้สภาทนายความทราบ
นายดุสิต สุวรรณวงศ์ ทนายความ ผู้ดำเนินการช่วยเหลือตุ๊ก กล่าวว่า หลังจากนางน้อยได้แจ้งว่าตุ๊กได้รับการช่วยเหลือแล้ว วันที่ 27 กันยายน ได้มีการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่สภาทนายความ วันต่อมา ได้พาตุ๊กไปที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ แจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบข้อเท็จจริงทั้งหมดอย่างละเอียด
วันที่ 29 กันยายน พนักงานสอบสวนพาตุ๊กไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อสอบเพิ่มเติม เพราะตามกฎหมาย ผู้เสียหายเป็นเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี การสอบสวนต้องมีพนักงานอัยการ ทนายความหรือคนที่เด็กไว้วางใจอยู่ด้วย โดยนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เป็นผู้สอบถาม ซึ่งก็ได้ข้อเท็จจริงชัดเจนมากขึ้น วันนั้น ตุ๊กชี้รูปภาพเจ้าของบ้านผู้ทำร้ายกับเธอด้วย
“ ฐานความผิด เป็นการกระทำความ ผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปราบการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 เรื่องการค้าแรงงานด้วยการ ใช้งานทาส แล้วก็การกระทำผิดกฎหมายอาญาเรื่องของเสรีภาพ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขู่ การทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส นอกจากนั้น ยังปรากฎว่า น.ส.ตุ๊ก ได้เงินแค่ 6 เดือนแรก ที่เหลือประมาณ 2 ปีไม่ได้รับ เป็นการกระทำความผิดตามพรบ.แรงงาน ซึ่งต้องฟ้องกฎหมายแรงงานเรียกเงินเดือนและค่าเสียหาย และมีโทษทางอาญาด้วย”
“ ขณะนี้ พนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขยายผล แจ้งข้อหากับทุกคนที่ได้ร่วมกันกระทำความผิด” นายดุสิตกล่าว
“ตุ๊ก”อาจจะโชคดีที่มีผู้ช่วยเหลือหลบหนีออกมาได้ แต่ไม่รู้ว่ายังมีแรงงานข้ามชาติอีกมากน้อยแค่ไหนที่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเธอ เพราะคาดว่าปัจจุบันมีแรงงานเถื่อนไม่ปรากฎตัวนับแสนคนในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นแรงงานเด็กและผู้หญิง คาดว่าจำนวนไม่น้อยคือเหยื่อการค้ามนุษย์
ชม Clip Video {youtubejw}xw3uzP8YvqU{/youtubejw}