- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เจาะลึกคดี “แพะ”ฆ่า “พระ” วัดพรหมคุณาราม อริโซน่า (2)
เจาะลึกคดี “แพะ”ฆ่า “พระ” วัดพรหมคุณาราม อริโซน่า (2)
(ต่อจากตอนที่ 1)
ปล่อย “แพะ ทูซอน โฟร์”
เมื่อจับกุมคนร้าย 2 คนคือ โจนาธาน ดูดี้ กับ อเล็กซ์ กราเซีย ได้แล้ว วันที่ 23 พฤศจิกายน 2534 หัวหน้าอัยการประจำมาริโคป้า เคาน์ตี้ ถอนฟ้องผู้ต้องหาชุดแรกทั้ง 4 คน หลังได้รับอิสรภาพ อดีตผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แฉกับสื่อมวลชนว่าถูกตำรวจใช้วิธีการสอบสวนอย่างหนัก กดดันเพื่อให้รับสารภาพ แม้จะไม่มีการทำร้ายร่างกาย แต่ก็ทำให้มีอาการทางประสาท หวาดกลัว จนต้องยอมรับสารภาพ ภายหลังมีการเจรจาเรียกค่าเสียหายจากการถูกจับเป็น “แพะ” ซึ่งแต่ละคนได้รับเงินไปรวมแล้วหลายสิบล้านบาท
ดำเนินคดีโจนาธาน-อเล็กซ์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2535 ผู้พิพากษาเกรกอรี่ มาร์ติน ขึ้นบัลลังก์ไต่สวนเพื่อวินิจฉัยว่าคำรับสารภาพของโจนาธานและอเล็กซ์รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่ เฉพาะในส่วนของโจนาธาน ทนายปีเตอร์ บัลคาน ได้พยายามหักล้างคำสารภาพนี้ทั้งตามกฎหมายมลรัฐและสหรัฐ ว่าคำรับสารภาพระหว่างถูกสอบสวนนานเกือบ 13 ชั่วโมงนั้นรับฟังไม่ได้ แต่ผู้พิพากษาวินิจฉัยว่ารับฟังได้
“ ศาลวินิจฉัยว่าคำรับสารภาพของโจนาธานรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ โดยในส่วนของการได้รับการแจ้งเตือนสิทธินั้น วินิจฉัยว่าโจนาธาน ดูดี้ ไม่ได้ถูกจับหรือถูกควบคุมตัวขณะถูกนำตัวไปสอบสวนที่หน่วยเฉพาะกิจ จึงไม่มีสิทธิได้รับการแจ้งเตือนสิทธิ อย่างไรก็ดี ศาลเห็นว่าโจนาธานก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิของเขาด้วยภาษาที่เข้าใจได้โดยชัดเจน และเขาก็ได้สละสิทธิเหล่านั้นโดยรู้สำนึก โดยสมัครใจ และด้วยสติปัญญาของเขาเอง ศาลเห็นว่าการสละสิทธิของโจนาธานชอบด้วยกฎหมาย เมื่อคำนึงถึงสติปัญญา การศึกษา อายุ สภาพร่างกายและจิตใจของเขา
ส่วนการตอบคำถามตำรวจของโจนาธาน ก็เป็นไปโดยสมัครใจ โดยให้เหตุผลว่า แม้ว่าการตั้งคำถามของเจ้าหน้าที่จะก้าวร้าว ดุดันและคาดคั้น แต่วิธีและรูปแบบที่ใช้โดยเจ้าหน้าที่ในการสอบถามสามารถกระทำได้โดยชอบตามกฎหมาย คำพูดของเจ้าหน้าที่ที่บอกว่าคำพูดของโจนาธานจะไม่บอกต่อแก่คนอื่นนั้น ไม่ถือว่าถึงขนาดที่จะมีอิทธิพลเหนือความประสงค์ของเขาที่จะรับสารภาพ และได้กล่าวย้ำว่าในการรับสารภาพของโจนาธานว่าเป็นไปด้วยความสมัครใจนั้น ศาลได้พิจารณาถึงเวลา ช่วงเวลาและสถานที่ในการสอบสวน ข้อเท็จจริงที่ว่ามีการแจ้งเตือนสิทธิและอายุของจำเลย ประกอบกับการไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับระบบคดีอาญามาก่อน” ผู้พิพากษามาร์ติน ให้เหตุผล ซึ่งเป็นประเด็นการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ในเวลาต่อมา
พิจารณาคดีในศาล
วันที่ 17 พฤษภาคม 2536 การพิจารณาคดีสังหารหมู่ 9 ศพในวัดพรหมคุณารามเริ่มขึ้น มีจำเลยแค่ 2 คนเท่านั้น คือโจนาธานกับอเล็กซ์ ส่วนคนอื่นๆที่โจนาธานอ้างถึงถูกตัดทิ้งไป
อัยการฟ้องว่า ฤดูร้อน ปี 2534 โจนาธานไปหาอเล็กซ์ วางแผนจะปล้นและฆ่าทุกคนในวัดพรหมคุณาม เพื่อนำทรัพย์สินมีค่าในวัดไปขาย เพราะต้องการเงินไปซื้อรถของเพื่อนประมาณ 2 พันดอลล่าร์ โดยสอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับวัดและทรัพย์สินในวัดกับเดวิด น้องชายของโจนาธาน ได้ทรัพย์สินเป็นกล้องถ่ายรูป 6 กล้อง เครื่องเล่นซีดี 1 เครื่อง เครื่องสเตอริโอแบบหิ้วถือ 2 เครื่อง ฯและอื่นๆรวมมูลค่า 2,650 ดอลล่าร์
อเล็กซ์ได้ให้การซัดทอดโจนาธานในศาล โดยรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง เพื่อไม่ให้ตนเองต้องรับโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต ตามข้อตกลงยอมรับผิด (plea agreement หรือ plea bargaining ) คือความตกลงกันระหว่างผู้ต้องหากับอัยการเกี่ยวกับคดีด้วยความเห็นชอบของศาลซึ่งสามารถกระทำได้ ซึ่งอเล็กซ์ได้ทำข้อตกลงนี้ไว้ก่อนแล้ว สารภาพว่าแท้จริงแล้วคนร้ายคือตัวเขาเองกับ โจนาธาน ดูดี้ เท่านั้น โดยโจนาธานเป็นเจ้าของแผนการ และเป็นคนใช้อาวุธปืนยาว .22 ฆ่าทุกคน แต่เขาใช้ปืนลูกซองของพ่อยิงโดยไม่ต้องการให้ถูกใคร และเป็นคนใช้มีดสลักคำว่า “เลือด”หรือ “ bloods” บนผนัง และเป็นผู้กรีดถุงข้าวสารออกมาโปรยเล่นด้วย ก่อนจะหลบหนีไปและถูกจับกุมในภายหลัง
ต้นปี 2537 ผู้พิพากษามาร์ติน อ่านคำพิพากษาตามความเห็นของคณะลูกขุนว่าโจนาธาน ดูดี้ มีความผิดจริง แต่ลูกขุนก็ไม่แน่ใจว่า โจนาธานหรือ อเล็กซ์ เป็นคนใช้ปืนยาว . 22 ลงมือฆ่าทุกคน ผู้พิพากษาจึงไม่ลงโทษประหารชีวิต โดยให้จำคุกโจนาธาน 281 ปี จำคุกอเล็กซ์ 271 ปี
ความเห็นคนไทยเมื่อ 20 ปีก่อน
ย้อนไปในอดีตเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน เวลานั้น ทั้งคนไทยในสหรัฐและคนไทยในประเทศไทย มีทั้งผู้เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอริโซน่า เพราะเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐมีความยุติธรรม มีขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดีน่าเชื่อถือ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า โจนาธาน ดูดี้ ไม่ใช่คนร้ายตัวจริงแต่ตกเป็น “แพะ”มาตั้งแต่ต้น เพราะเห็นว่าคดีนี้มีเงื่อนงำ ทั้งสภาพที่เกิดเหตุ สภาพศพผู้เสียชีวิตก็ไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นจริง และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีอคติกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวเอเซีย ที่เรียกว่าการ “เหยียดผิว”
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย นำโดยพระมโน เมตตานันโท หัวหน้าสงฆ์วัดพุทธเมย์วู้ด ลอสแองเจลิส มีนายทองใบ ทองเปาด์ นักกฎหมายเจ้าของรางวัลแม็กไซไซ ผู้ล่วงลับ เป็นที่ปรึกษา ได้ทำการรณรงค์ต่อสู้เพื่อให้โจนาธาน ดูดี้ ได้รับอิสรภาพ โดยหาเงินว่าจ้างทนายความชื่อดังของสหรัฐชื่อ “ศาสตราจารย์อลัน เดอโชวิทช์” จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด นำทีมทนายความสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ใช้เงินเป็นค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายประมาณ 19 ล้านบาท ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตามจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น
พระมโน เมตตานันโท ผู้นำการรณรงค์ต่อสู้คดีให้วัยรุ่นไทยในครั้งนั้น ต่อมาได้ลาสิกขาปัจจุบันคือ ดร.มโน เลาหวณิช อาจารย์ประจำสถาบันปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวอิศราว่า หลังจากอุทธรณ์ไปแล้ว 17 ปี ต่อมา ( 2551 ) ศาลอุทธรณ์ที่ 9 ( 9 th circuit court) ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาจากหลายรัฐทางตะวันตกของสหรัฐรวมทั้งรัฐอริโซน่า ได้วินิจฉัยว่าโจนาธานไม่ได้รับสารภาพด้วยความสมัครใจ แต่ถูกบังคับขู่เข็ญ
ปีต่อมา ศาลอุทธรณ์ที่ 9 มีคำวินิจฉัยออกมาอีกว่า การสอบสวนจำเลย เห็นชัดว่า จำเลยถูกละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา คือ “มิแรนด้า ไรท์ ( miranda right) ดังนั้นโจนาธานจึงไม่มีความผิด และรัฐอริโซน่าจะต้องปล่อยโจนาธาน ดูดี้ เป็นอิสระ
“ คดีนี้มีเงื่อนงำมากมาย เป็นไปได้อย่างไรที่วัยรุ่นแค่ 2 คน จะใช้ปืน 2 กระบอกบุกเข้าไปบังคับพระและคนในวัดให้นอนคว่ำหน้ายอมให้ยิงง่ายๆ โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืน ทั้งๆที่พระสงฆ์แต่ละรูปเป็นพระในวัยหนุ่มฉกรรจ์ คิดง่ายๆก็คือคนร้ายต้องมีจำนวนมากมีอาวุธมาก จึงบังคับทุกคนไปรวมกันในห้องได้ และตามหลักฐานทางนิติเวชก็บ่งชี้ว่าคนร้ายยิงอย่างแม่นยำในลักษณะมืออาชีพ ต้องผ่านการฝึกฝนและยิงแบบนี้มาก่อนจึงจะทำได้”
“ ศาสตราจารย์อลัน และลูกทีมทนายความ ได้อุทธรณ์หลายประเด็น ประเด็นหลักคือโจนาธาน ถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการแจ้งสิทธิผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก มีการบังคับ ข่มขู่ด้วยวิธีการต่างๆให้รับสารภาพ ตำรวจผู้สอบสวนก็เป็นชุดเดียวกับที่เคยจับแพะชุดแรก 4 คนอีกด้วย วิธีการสอบสวนก็เป็นแบบเดียวกัน และทุกคนที่ถูกสอบสวนก็รับสารภาพ ทั้งๆที่ไม่ได้กระทำความผิด”
กลับคำพิพากษา
หลังจากศาลอุทธรณ์ที่ 9 กลับคำพิพากษาในปี 2552 เป็นว่า โจนาธาน ดูดี้ ไม่มีความผิด ด้วยเหตุผลว่าโจนาธานไม่ได้รับสารภาพด้วยความสมัครใจ ตามที่ศาลชั้นต้นใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี ไม่ได้รับการแจ้งสิทธิตามกฎหมาย แต่ถูกตำรวจชุดสอบสวนใช้วิธีการบังคับขู่เข็ญด้วยวิธีการต่างๆให้รับสารภาพ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหามาตั้งแต่ต้น ทำให้ต้องปล่อยตัวโจนาธานออกจากเรือนจำ หลังจากถูกคุมขัง ไม่มีอิสระภาพมานานถึง 2 ศตวรรษ
แต่อัยการอริโซน่ายื่นเรื่องขอให้ศาลสูงของสหรัฐ (suprem court) มีคำสั่งเพิกถอนคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ 9 จนถึงเดือนกันยายน 2553 ศาลสูงไม่มีคำพิพากษา แต่มีคำสั่งให้ศาลอุทธรณ์ที่ 9 พิจารณาทบทวนคำพิพากษาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบกับอีกคดีหนึ่งในรัฐอื่นซึ่งเป็นกรณีใกล้เคียงกัน จนถึงเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ที่ 9 ทบทวนคำพากษาโดยใช้ผู้พิพากษาชุดใหญ่พิจารณาอย่างละเอียด แล้วยืนยันคำพิพากษาออกมาเหมือนเดิมด้วยมติ 8 ต่อ 3
อย่างไรก็ตาม อัยการอริโซน่าได้ยื่นเรื่องขอให้ศาลสูงพิจารณาคำพิพากษานี้อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่คณะทนายความของโจนาธาน ได้ยื่นเรื่องคัดค้านประกบกันไปด้วย หากศาลสูงไม่มีคำสั่งใดๆ หรือไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาอีกภายในเวลาที่กำหนดคือวันที่ 3 ตุลาคม 2554 รัฐอริโซน่าจะต้องปล่อยตัวโจนาธาน หรือดำเนินคดีนี้ใหม่โดยห้ามนำคำรับสารภาพของโจนาธานมาเป็นพยานหลักฐานอีก
อย่างไรก็ตาม ศาลสูงได้ประชุมกันเที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด โดย เลื่อนเวลาออกไปถึงวันที่ 11 ตุลาคม ในที่สุดศาลสูงไม่รับพิจารณาคดีนี้อีก หมายความว่าคดีนี้สิ้นสุดลงแล้ว โดยโจนาธาน ดูดี้ เป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องปล่อยตัวไป
“ การปล่อยตัวจะเป็น 2 ลักษณะคือปล่อยตัวออกจากเรือนจำ หรือมีการพิจารณาคดีใหม่ โดยไม่นำคำรับสารภาพของโจนาธานในศาลขั้นต้นมาใช้เป็นพยานหลักฐาน โจนาธานจะต้องไปศาลอีกครั้งหนึ่ง แล้วฟังคำสั่งปล่อยตัวที่ศาล คาดว่าไม่เกินปลายปีนี้ ก็จะได้รับอิสรภาพ” ดร.มโน กล่าว
“ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งหลังนี้มีความหนักแน่นและเข้มข้นมาก ระบุชัดเจนว่าโจนาธานตกเป็นแพะ ของตำรวจอริโซน่า ที่จงใจจับตัวเขามาดำเนินคดีตั้งแต่ต้นเพื่อปิดคดี จงใจละเมิด กฎมิแรนด้า ไรท์ ” ดร.มโน กล่าว
มิแรนด้า ไรท์ คืออะไร
มิแรนด้า ไรท์ คือ สิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาชญากรรมที่จะ “เงียบ”ไม่ตอบคำถาม คำพูดที่พูดออกมาอาจจะใช้ในการดำเนินคดีในศาล ผู้ต้องหามีสิทธิปรึกษาทนายความก่อนตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีสิทธิแต่งตั้งทนายความในขณะนั้นและในเวลาต่อมา
ถ้าไม่สามารถหาทนายความได้ รัฐจะแต่งตั้งทนายความให้ แต่ถ้าตัดสินใจจะตอบคำถามโดยไม่มีทนายความ ก็ยังมีสิทธิหยุดตอบคำถามได้ตลอดเวลาจนกว่าจะได้พบทนายความ การแจ้งสิทธิต่อผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยเข้าใจในสิทธิ ถ้าผู้ต้องสงสัยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องแปลเป็นภาษาที่มั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยเข้าใจชัดเจน
ใครคือฆาตกรตัวจริง
ดร.มโน กล่าวด้วยว่า อเล็กซ์ กราเซีย ซึ่งถูกจำคุกพร้อมกับโจนาธาน ทนายความได้ตรวจสอบรายชื่อว่าถูกจองจำอยู่ที่ไหนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่พบรายชื่ออเล็กซ์ เป็นนักโทษในรัฐอริโซน่าแต่อย่างใด
“ อเล็กซ์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนอาวุธปืนยาวที่อ้างว่าเป็นปืนกระบอกที่ใช้ฆาตกรรม ทนายได้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันก้าวหน้ากว่าเมื่อ 20 ปีก่อน ปรากฎว่าปืนกระบอกดังกล่าวไม่ใช่ปืนที่ใช้ยิงทุกคนในวัดพรหมคุณาราม”
“ ช่วงหลังเกิดเหตุ ตอนแรกมีการตั้งประเด็นเรื่องยาเสพติด ภายหลังทนายปีเตอร์ บัลคาน ได้นำสุนัขไปดม ก็มีกลิ่นแต่หาไม่พบ แต่ก็ได้บันทึกต่อศาลว่าคดีนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย คนร้ายที่เข้าไปในวัดต้องแสดงอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนในวัดไม่กล้าขัดขืน อาจจะเป็นเครื่องแบบที่สวมใส่ก็ได้ แน่นอนว่าคนร้ายต้องมีจำนวนมากและมีอาวุธครบมือ จึงไม่มีร่องรอยการต่อสู้ในที่เกิดเหตุ”
“ สรุปก็คือในคดีนี้ทั้งโจนาธาน ดูดี้, อเล็กซ์ กราเซีย และโรแลนโด้ คาราตาเชีย เจ้าของปืน ตกเป็นแพะกันทุกคน” ดร.มโน หรือ “พระเมตตานันโท” ผู้รณรงค์ช่วยเหลือโจนาธาน ดูดี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กล่าวทิ้งท้าย
คดี “โจนาธาน ดูดี้” เป็นคดีประวัติศาสตร์คดีหนึ่งของรัฐอริโซน่า และที่เกี่ยวข้องกับคนไทย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐยังมีการจับ “แพะ” และคำถามตามมาว่า ถ้าโจนาธาน ดูดี้ ไม่ใช่คนร้ายแล้ว ใครคือคนลงมือสังหารพระสงฆ์และทุกคนในวัดพรหมคุณาราม เมื่อ 20 ปีก่อน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ ภาพบน - โจนาธาน ดูดี้ ปัจจุบัน อายุ 37 ปี
ภาพกลาง - ประตูทางเข้าวัดพรหมคุณาราม รัฐอริโซน่า
ภาพที่ 3- พระมโน เมตตานันโท ผู้รณรงค์ช่วยเหลือ โจนาธาน ดูดี้
ภาพล่าง- ศาสตราจารย์ อลัน เดอโชวิทซ์ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด หัวหน้าทีมทนายความสู้คดีชั้นอุทธรณ์