- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- มนุษยธรรมยามวิกฤติมหาอุทกภัย แรงงานต่างด้าวเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ
มนุษยธรรมยามวิกฤติมหาอุทกภัย แรงงานต่างด้าวเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดภาคกลางและบางส่วนของกรุงเทพมหานครในขณะนี้ ความสูญเสียเสียอย่างมหาศาลปรากฎผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงต่อเนื่องมานานนับเดือน นี่คือมหาอุทกภัยขั้นวิกฤตอีกครั้งหนึ่งซึ่งต้องถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่เราได้เห็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง ได้เห็นน้ำใจของเพื่อนร่วมชาติทั้งข้าราชการทุกหน่วยงาน และคนในทุกสาขาอาชีพ สละความสุข ความสะดวกสบาย ใช้แรงกายช่วยเหลือผู้กำลังประสบความทุกข์ยาก ได้เห็นข้าวของบริจาคมากมายไปถึงผู้เดือดร้อนโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร แม้แต่สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข หรือแมว หรือสัตว์ใหญ่อย่างช้าง ก็ได้รับความช่วยเหลือให้พ้นจากความยากลำบากในสถานการณ์วิกฤติที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ เป็นภาพความงดงามทางจิตใจของคนไทยที่ปรากฎสู่สายตาชาวโลก
ท่ามกลางธารน้ำใจสู้ภัยน้ำท่วมครั้งนี้ ไม่ได้มีเฉพาะชาวไทยเท่านั้นที่ให้กำลังใจให้เพื่อนร่วมชาติต่อสู้กับอุทกภัย แรงงานข้ามชาติผู้ไม่ประสบภัยจำนวนไม่น้อย ทั้งที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมและภาคบริการ ก็ร่วมเป็นกำลังใจให้กับชาวไทยผู้เดือดร้อนด้วยเช่นกัน ภาพปรากฎผ่านสื่อมวลชนว่าแรงงานต่างด้าวสละเงินร่วมกันบริจาคเงิน ร่วมกันนำข้าวของบริจาค คงเป็นภาพสะท้อนได้ว่าพวกเขาเห็นอกเห็นใจคนไทยเจ้าของประเทศเช่นเดียวกัน
แต่ทว่า ก็มีข่าวปรากฎทางสื่อมวลชนว่ามีแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งในจังหวัดหนึ่งประสบภัยน้ำท่วมหนัก ติดอยู่ในที่พักท่ามกลางกระแสน้ำ ไม่กล้าออกมาขอความช่วยเหลือ เพราะไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยสื่อสารได้ รวมทั้งหวาดกลัวว่าจะถูกจับกุม เพราะมีปัญหาสถานะทางกฎหมายในการเข้ามาและอาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นภาพสะท้อนว่ายังมีแรงงานต่างด้าวอีกจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อน และไม่ปรากฎตัวเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสนใจ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็เป็นเพื่อนมนุษย์ที่ควรได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเบื้องต้น ด้วยปัจจัยขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ดังที่สภาทนายความได้ออกแถลงการณ์
แถลงการณ์สภาทนายความ
การคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
แก่ผู้ประสบอุทกภัยทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสัญชาติ
เชื้อชาติ ความแตกต่างทางภาษา หรือสถานะทางกฎหมาย
คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ
ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ
๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
สืบเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย ส่งผลให้มี ผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งราษฎรไทยและแรงงานต่างด้าว และด้วยปัญหาการสื่อสารทางภาษา ความหวาดกลัว ทำให้แรงงานต่างด้าวซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทย กับประชาชนไทย หรือหน่วยงานภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยได้ ส่งผลให้ผู้อพยพและแรงงานข้ามชาติเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อนเป็นเท่าทวีคูณ
ที่ผ่านมาเป็นที่น่ายินดีว่ามีหลายภาคส่วนได้พยายามช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ แก่ทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสัญชาติ เชื้อชาติ ความแตกต่างทางภาษา หรือสถานะทางกฎหมาย แต่ก็ยังมีหลายภาคส่วนเช่นกันที่ยังกังวลและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายในการเข้ามาและอยู่อาศัยในประเทศไทย หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยหากให้ความช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงแก่แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามที่ประสบอุทกภัยเหล่านั้น ส่งผลให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามไม่สามารถเข้าถึงหรือได้รับความช่วยเหลือทางปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นแก่การดำรงชีพตามความเหมาะสม รวมทั้งได้รับการปฏิเสธจากที่พักพิง ทั้งที่หน่วยงานรัฐและเอกชนจัดตั้งขึ้น
ด้วยปัญหาดังกล่าว คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ตระหนักและเล็งเห็นว่า การชี้แจงและทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน ราษฎรไทยและองค์กรทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพื่อคลายข้อกังวล ลดปัญหา และเสริมสร้างความเข้าใจ ดังต่อไปนี้
๑) แรงงานต่างด้าวทุกคนถือเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญในการร่วมขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย สำหรับประเภทงานที่ขาดแคลนแรงงาน สกปรก รายได้น้อย และเป็นงานที่แรงงานไทยไม่ทำ ควรที่จะได้รับการยอมรับและปฏิบัติว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคมไทย ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ จำเป็นต้องให้ความคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมแก่ทุกคนโดยเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสัญชาติ เชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม หรือสถานะทางกฎหมาย ซึ่งมีหลักกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญาระหว่างประเทศจำนวนมาที่ไทยลงนาม และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ให้การรับรอง
๒) สถานะทางกฎหมายของแรงงานต่างด้าวสามสัญชาติในประเทศไทย รัฐบาลไทยได้ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามอยู่อาศัยและทำงานในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว โดยขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยและขออนุญาตทำงาน (WORK PERMIT) ต่อกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และแรงงานต่างด้าวบางส่วนได้ผ่านกระบวนการพิสูจน์ชาติ โดยถือหนังสือเดินทาง (PASSPORT) วีซ่า (VISA) และมีใบอนุญาตทำงาน (WORK PERMIT) ตามนโยบายของรัฐบาลไทย แต่ก็ยังมีแรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามอีกส่วนหนึ่งที่อยู่อาศัยในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายด้วยเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าแรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าวจะเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือถูกกฎหมาย ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็ตาม การดำเนินการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวเพื่อเป็นการช่วยชีวิตบุคคลในสถานการณ์อุทกภัยด้วยวิธีการใด ๆ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือ ลำเลียง หรือให้แรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว ให้โดยสารรถ เรือ หรือยานพาหนะใด ๆ มิอาจถือว่าเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ กระทำผิดเกี่ยวกับการนำพาหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๐
๒. การช่วยเหลือ ให้ที่พักพิง ซึ่งอาจเป็นบ้านส่วนตัว โรงแรม ที่พักฉุกเฉิน สถานที่ราชการ หรือเอกชน หรือสถานที่ใด ๆ แก่แรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว มิอาจถือว่าเจ้าของบ้าน โรงแรม ผู้ที่รับผิดชอบดูแลที่พักฉุกเฉิน สถานที่ราชการหรือเอกชนหรือสถานที่ใด ๆ เหล่านั้น ได้กระทำผิดพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๔
๓. กลุ่มแรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานหรืออาศัยอยู่ในเขต/พื้นที่จังหวัดที่ขึ้นทะเบียน และบุคคลนั้นจำเป็นต้องเดินทางออกนอกเขต/พื้นที่จังหวัดที่ตนขึ้นทะเบียนขณะเกิดอุทกภัย โดยไม่ได้ขออนุญาตออกกนอกพื้นที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย มิอาจถือว่าบุคคลนั้นกระทำผิดเกี่ยวกับการออกนอกเขต/พื้นที่ขึ้นทะเบียนโดยไม่ได้รับอนุญาต
๔. แรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าวที่ไม่สามารถทำงานกับนายจ้างเดิมหรือในอาชีพเดิมได้ด้วยเหตุจากอุทกภัย และจำเป็นต้องทำงานกับนายจ้างใหม่หรือทำงานอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นอาชีพที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือมิได้ทำการแจ้งเปลี่ยนย้ายงานย้ายนายจ้างตามกฎระเบียบของกระทรวงแรงงาน หากเป็นการทำงานเพื่อยังชีพระหว่างประสบอุทกภัย มิอาจถือว่าบุคคลนั้นกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานในอาชีพที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือผิดประเภท หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
๕. การรักษาพยาบาลให้กับแรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว มิอาจถือว่าแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ผู้ให้การรักษาโรคนั้นได้กระทำผิดกฎหมาย
๖. การที่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าเจ้าหน้าตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่มีหน้าที่จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย หรืออาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย หรือออกนอกเขต/พื้นที่จังหวัดที่ขึ้นทะเบียน หากพบหรือทราบว่ามีคนต่างด้าวเช่นว่านั้น และไม่ได้ดำเนินการจับกุม มิอาจถือว่าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นกระทำผิดเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗
๗. เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ผู้มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่ทำงานผิดประเภทหรือไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน หากพบหรือทราบว่ามีคนต่างด้าวเช่นว่านั้น มิอาจถือว่าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นกระทำผิดเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗
๘. ในทางตรงกันข้ามเจ้าหน้าที่และบุคคลทุกคนมีหน้าที่ร่วมกันในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดของการอยู่ร่วมกัน รวมทั้งเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต้องเกื้อกูลดูแลกันตามหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม
๓) ช่วงวิกฤตอุทกภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในหลายพื้นที่ ลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวจำนวนมากไม่มีเอกสารใดๆ พกติดตัว เช่น ใบอนุญาตทำงาน หนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย ฯลฯ เนื่องจากสูญหาย หรือไม่สามารถนำออกมาจากที่พักได้ หรือนายจ้างอาจยึดถือไว้ จึงขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่แรงงานต่างด้าวหรือผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว โดยไม่ควรคำนึงถึงเอกสารใบอนุญาต หรือบัตรต่าง ๆ เหล่านั้น
๔) นายจ้างที่ยึดใบอนุญาตทำงาน หนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย ฯลฯ ของแรงงานต่างด้าวไว้ ขอความร่วมมือจากนายจ้าง ให้ส่งมอบคืนบัตรหรือเอกสารประจำตัวบุคคลเหล่านั้นแก่แรงงานต่างด้าว เนื่องจากการยึดบัตรหรือเอกสารประจำตัวของบุคคลอื่นอาจมีความผิดตามกฎหมาย
๕) การให้ความช่วยเหลือ เยียวยา และมาตรการคุ้มครองสิทธิแก่แรงงานต่างด้าว ในฐานะแรงงานตามนัยแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ และกฎหมายอื่นๆ ภาครัฐ เอกชน และนายจ้าง ต้องช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน
คณะอนุกรรมการฯ ขอขอบพระคุณทุกภาคส่วนของสังคมไทยที่หยิบยื่นความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยทุกคนโดยเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ
(นายสุรพงษ์ กองจันทึก) ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ฯสภาทนายความ
ข้อมูลเพิ่มเติม
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธมนุษยชนฯ (๐๘๑-๖๔๒๔๐๐๖)
ประสานความช่วยเหลือ
นายธนู เอกโชติ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ (๐๘๙-๘๙๔๑๒๒๐)
นายนัสเซอร์ อาจวาริณ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ (๐๘๑-๖๑๘๑๙๒๙)
ประสานงาน
นางสาวทิพย์วิมล ศิรินุพงศ์ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ (๐๘๕-๐๔๔๐๒๓๔)
แถลงการณ์ของ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ทำให้ผู้เขียนคิดถึงเมื่อครั้งทำงานเป็นผู้สื่อข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. เคยเดินทางไปทำข่าวแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2536 ได้ไปทำข่าวความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯต่อผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวครั้งนั้นด้วย
จากการได้สัมภาษณ์คนไทยหลบหนีเข้าเมืองที่เรียกกันว่า “โรบินฮู้ด” และสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ในสถานพักพิงชั่วคราว การช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯเป็นการให้ความช่วยเหลือกับทุกคนผู้ประสบภัย ไม่ว่าจะเป็นชาวอเมริกัน หรือแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างทั่วถึงกัน เพราะถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนมนุษย์ผู้ได้รับความยากลำบาก ผู้ประสบภัยได้รับความสะดวกด้านที่พัก มีอาหาร ยารักษาโรค สามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่ยังได้รับความเดือดร้อน
แรงงานต่างด้าวผู้ประสบภัยในประเทศไทยก็ควรได้รับความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีข่าวการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสัญชาติ เชื้อชาติ หรือสถานะทางกฎหมาย เผยแพร่ไปในต่างประเทศย่อมเป็นภาพลักษณ์ที่เสียหาย ทั้งในฐานะที่ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ เป็นดินแดนที่ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านหนีร้อนมาพึ่งเย็น ทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่จำนวนมาก และยังจะเสื่อมเสียชื่อเสียงในด้านการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อเพื่อนร่วมประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะรวมตัวการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และแรงงานในปี 2558 ที่จะถึงนี้ด้วย
ภาพจาก INTERNET