‘ถามช้าง’- ‘ตอบม้า’ ผู้ว่าฯ รถไฟ VS ผู้ว่าฯ สตง. กรณีสัญญาเช่าที่ดิน บ.เจ.เจ.ฯ

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 26 กันยายน 2558 เวลา 17:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

บริษัท เจ.จ.เซ็นเตอร์ จำกัด | สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) | การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

หลังโดนร้องหนักเอื้อเอกชน !เปิดเอกสารดูคำตอบ ‘วุฒิชาติ’ผู้ว่าการรถไฟฯ แจงปมให้เช่าที่ดิน บ.เจ.เจ.ฯ-อินสแควร์ ย่านจตุจักร หลังผู้ว่าฯ สตง. ถาม 6 ข้อ โฟกัสเฉพาะการขออนุญาตดัดแปลงแก้ไขแบบแปลนอาคาร ไฉน!ตอบไม่ตรงคำถาม?

ppuueeegrggtgt

สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำสัญญาให้เช่าที่ดินเนื้อที่ 7 ไร่ บริเวณจตุจักร 4 ปี และเช่าสิทธิที่ดินเพื่อสร้างอาคารบริเวณย่านพหลโยธิน(แปลง 5) จำนวน 30 ปี แก่ บริษัท เจ.จ.เซ็นเตอร์ จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อินสแควร์ จำกัด และ ปัจจุบัน บริษัท ดีดี มอลล์ จำกัด) และ เมื่อ 24 มี.ค.58 นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารหลักฐานในกรณีดังกล่าวต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่สอบถาม 6 -ข้อ (อ่านประกอบ: บิ๊กรถไฟฯแจง สตง.ปมที่ดิน‘เจ.เจ.-อินสแควร์’ รับแก้สัญญา 2 รอบ -ไม่ให้'เช่าช่วง')

1 ในคำถาม 6 ข้อ ที่ สตง.สอบถาม การรถไฟฯ คือ

“ข้อ 3.การก่อสร้างอาคารตามแผนผังและรูปแบบโครงการ ตามที่ บริษัท เจ.เจ.เซ็นเตอร์ จำกัด เสนอตามสัญญาเลขที่ 902520965 ลงวันที่ 24 ส.ค.52 มีการขออนุญาตดัดแปลงแก้ไขแบบแปลนอาคารหรือไม่ อย่างไร และการก่อสร้างได้ดำเนินการถึงขั้นตอนใด หากการดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จมีการตรวจสอบการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาหรือไม่”

คำชี้แจง-รายละเอียดปรากฏตามตารางสรุป จำนวน 2 แผ่น (สิ่งที่ส่งมาด้วย 11) ซึ่งอำนาจการอนุมัติเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม หรือแก้ไขเงื่อนไขการให้เช่า หรือเงื่อนไขสัญญาเช่าให้แตกต่างไปจากเงื่อนไขเดิมหรือเงื่อนไขที่คณะกรรมการรถไฟฯอนุมัติแล้ว ให้อยู่ในอำนาจของการรถไฟฯ ที่จะดำเนินการได้ตามระเบียบ แต่ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่การรถไฟฯ ได้รับจะต้องไม่น้อยกว่าเงื่อนไขเดิมที่คณะกรรมการรถไฟฯได้อนุมัติไว้แล้ว ตามมติ คกร.ครั้งที่ 3/2540 เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2540 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 12) และการรถไฟฯได้มอบอำนาจอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือรายการเช่าอันเกี่ยวกับการเช่าที่ดิน อาคาร และการเช่าสิทธิต่างๆ ให้กับผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สินตามคำสั่งทั่วไป ที่ ก.37/566 ลงวันที่ 27 ม.ค.2553 ข้อ 1.2 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 13)

ถ้าพิจารณาประเด็นข้อซักถามของ สตง. และคำชี้แจงของผู้ว่าการรถไฟฯ โดยมิได้พิจารณารายละเอียดของเอกสารแนบตามอ้าง (สิ่งที่ส่งมาด้วย) ในประเด็น

สตง.ถามว่า “มีการขออนุญาตดัดแปลงแก้ไขแบบแปลนอาคารหรือไม่ อย่างไร และการก่อสร้างได้ดำเนินการถึงขั้นตอนใด หากการดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จมีการตรวจสอบการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาหรือไม่”
คำชี้แจงของ ผู้ว่าการรถไฟฯ ไม่มีถ้อยคำใดที่ชี้แจงรายละเอียดในประเด็นคำถามข้างต้น

ทั้งนี้ กรณีการเช่าที่ดินระหว่างการรถไฟฯ กับ บริษัท เจ.เจ.เซ็นเตอร์ จำกัด ประเด็นหนึ่งที่ถูกร้องเรียนคือ สัญญาเช่าที่ดินระบุว่าเอกชนผู้เช่าจะต้องก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างตามเอกสารแนบจำนวน 17 แผ่น มูลค่าโครงการประมาณ 546.4 ล้านบาท มีพื้นที่อาคารใช้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 17,280 ตารางเมตร ใน TOR ระบุไว้เป็นการก่อสร้างอาคารพลาซ่า 2 ชั้น อาคารที่พักอาศัย 16 ชั้น

แต่ทว่าเอกชนได้ยื่นขออนุญาตต่อกรุงเทพมหานคร กลับระบุในใบอนุญาตเป็นอาคารชนิดตึก 8 ชั้น จำนวน 1 หลัง เพื่อใช้เป็นพาณิชย์(ร้านค้าใช้เช่า-จอดรถ) พื้นที่ 73,591 ตารางเมตร ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารแนบจำนวน 17 แผ่นตามสัญญา 902520965

กระทั่ง กรุงเทพมหานครได้ออกใบอนุญาต ระบุว่าเป็นอาคารชนิดตึก 9 ชั้น จำนวน 1 หลัง เพื่อใช้เป็นพาณิชย์(ร้านค้าให้เช่า) และจอดรถยนต์ พื้นที่ 84,676 ตารางเมตร ทำให้มีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นมากกว่าสัญญาประมาณ 67,396 ตารางเมตร และมีมูลค่าโครงการ ประมาณ 3,200 ล้านบาท ถือว่ามีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จึงเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ซึ่งถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ทำให้อำนาจอนุมัติโครงการเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี และมีการนำสิทธิในสัญญาเช่าไปกู้เงินจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำนวน 4 ครั้ง เกือบ 1,700 ล้านบาท ระหว่าง วันที่ 23 พ.ย.52 -1 ต.ค.55 ขณะนั้นมี บมจ.เดวา ดีเวลลอปเมนท์ และ นายจักรพันธ์ ศรีไกรวิน ถือหุ้นใหญ่มีทุนจดทะเบียน 120 ล้าน

22 ม.ค.57 บริษัท เจ.เจ.เซ็นเตอร์ จำกัด ได้ เพิ่มทุนจาก 120 ล้านบาท เพิ่มอีก 500 ล้านบาท เป็น 620 ล้านบาท และ เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อินสแควร์ มี บมจ. สแกน โกลบอล ในเครือ บมจ.เดวาฯ ถือหุ้นใหญ่ (กลุ่มนางจุไรรัตน์ อีโบไนเธิร์น) หลังจากนั้น 8 ธ.ค.57 บริษัท ไดมอนด์ แกรนด์ จำกัด ของนางโสภา ศิรมณีรัตน์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ และปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.58

ppfwewrsswsswsws