- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ศธ.เลื่อน“เปิดเทอม-สอบโอเน็ต” รับมือวิกฤตอุทกภัย
ศธ.เลื่อน“เปิดเทอม-สอบโอเน็ต” รับมือวิกฤตอุทกภัย
“วิกฤตอุกทกภัย” ใหญ่ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในขณะนี้ สร้างความทุกข์กายทุกข์ใจให้กับประชาชนคนไทยหลายแสนหลายล้านคนทั่วประเทศที่บ้านจมน้ำ และยังมีประชาชนอีกมากมายในหลายพื้นที่ ที่ยังไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะยังไม่มีทีท่าว่าน้ำจะลดลง
นอกจากวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ จะส่งผลต่อประชาชนในหลายพื้นที่แล้ว หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ “สถานศึกษา” ทุกระดับในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้กันอย่างถ้วนหน้า
ไม่เว้นแม้แต่ “มหาวิทยาลัย” ที่จัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงให้แก่ผู้อพยพ ก็ต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมเสียเอง ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นต้น
ล่าสุด ศธ.ได้รวบรวมตัวเลขความเสียหายของสถานศึกษาทุกระดับในสังกัด พบว่า โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหาย 895 แห่ง มูลค่าความเสียหาย 741 ล้านบาท ส่วนความเสียหายด้านสื่อ วัสดุ อุปกรณ์การเรียนการสอน มี 1,999 แห่ง มูลค่าความเสียหาย 456 ล้านบาท
สถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เสียหาย 155 แห่ง สถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 68 แห่ง โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เสียหาย 126 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านบาท
และมีสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 71 แห่ง ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 1,681 ล้านบาท โดย มธ.ศูนย์รังสิต ที่ประเมินความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 3 พันล้านบาท ในส่วนของมหาวิทยาลัยอื่นๆ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) กำแพงเพชร 7 ล้านบาท มรภ.นครพนม 75 ล้านบาท มทร.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตหันตรา 19.5 ล้านบาท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 667.8 ล้านบาท มรภ.พระนครศรีอยุธยา 300 ล้านบาท มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต 600 ล้านบาท เป็นต้น
ปัญหาวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลให้สถานศึกษาในทุกระดับได้รับความเสียหายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อนักเรียน นิสิต นักศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายแสนคน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเบื้องต้น ทาง สกอ.ประเมินว่ามีนิสิตนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ขณะที่สถานศึกษาขั้นพื้นฐานก็คาดว่ามีนักเรียนที่ได้ความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้กว่า 2.7 แสนคน
ซึ่งขณะนี้ สถานศึกษาต่างๆ ได้ออกมาตรการที่จะช่วยเหลือนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อย่างสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับงบประมาณที่จะนำไปจัดซื้อตำรา อุปกรณ์การเรียนการสอน และชุดนักเรียน ให้กับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ทยอยออกมาตรการช่วยเหลือนิสิต นักศึกษาออกมา อาทิ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.) ยกเว้นการเก็บค่าหน่วยกิต และค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการสมัครแก่ผู้ประสบภัยที่สมัครเป็นนักศึกษาใหม่ในภาคเรียนที่ 2/2554 และให้ตำราเรียนฟรีในวิชาที่ลงทะเบียนเรียน ส่วนนักศึกษาปัจจุบันที่ได้รับความเดือดร้อน ก็จะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิต และค่าลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 2/2554 เช่นเดียวกับนักศึกษาใหม่ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายจ้างนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นนักศึกษาช่วยปฏิบัติงานในหน่วยงานของ มร.เพื่อช่วยค่าครองชีพ และดูแลจัดหาที่พักพิงชั่วคราวให้
ส่วนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น จะผ่อนผันการชำระค่าลงทะเบียนในภาคเรียนที่ 2/2554 จัดสรรทุนให้นักศึกษาที่มีปัญหาค่าครองชีพทุนละ 5,000 บาท และจะยกเว้นค่าหอพัก เป็นต้น
ขณะที่ มธ.ได้คลอด 3 มาตรการ ได้แก่ 1.จ่ายเงินช่วยเหลือให้นักศึกษาคนละ 3,000-5,000 บาท 2.ยกเว้นค่าลงทะเบียน ค่าธรรมเนียม หรืออาจให้ชำระค่าเทอมแค่บางส่วน และ 3.ยกเว้นค่าหอพักให้นักศึกษาคนละ 1-2 เดือน
สำหรับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จะช่วยเหลือในการจัดส่งตำรา และหนังสือเรียนให้แก่นักศึกษาที่หนังสือเรียนจมน้ำ หรือสูญหาย
นอกจากมาตรการช่วยเหลือที่สถานศึกษาต่างๆ งัดออกมา เพื่อคลี่คลายวิกฤตที่เกิดกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา และเพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองแล้ว สิ่งที่ยังเป็นปัญหาใหญ่ และทาง ศธ.จะต้องเร่งแก้ไขปัญหา คือการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 2/2554 เพราะจนถึงขณะนี้ สถานศึกษาใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และ 4 อำเภอใน จ.นครปฐม ยังไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ
เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย..
ปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้ ศธ.ต้องออกประกาศเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 2/2554 ของสถานศึกษาใน 4 จังหวัด ออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า โดยครั้งล่าสุดนับเป็นครั้งที่ 4 ที่ ศธ.ได้ออกประกาศเลื่อนเปิดภาคเรียนออกไปเป็นสัปดาห์ที่ 1 หรือ 2 ของเดือนธันวาคม จากเดิมวันที่ 21 พฤศจิกายน
ผลกระทบ และปัญหาที่จะตามมาจากการเลื่อนเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาใน 4 จังหวัดนั้น คือสถานศึกษาไม่สามารถจัดการเรียนการสอนให้ครบตามหลักสูตร ตามกำหนดเวลาเดิมที่วางเอาไว้ได้ ทำให้หลายๆ ฝ่ายเป็นห่วงในเรื่องนี้อย่างมาก
เพราะแม้ว่า ศธ.จะให้อำนาจสถานศึกษาในการจัดการเรียนการสอนชดเชยเวลาที่หายไป แต่ดูเหมือนว่าการประกาศเลื่อนเปิดภาคเรียนติดต่อกันถึง 4 ครั้ง ส่งผลให้การสอนชดเชย ซึ่งเดิมสถานศึกษาต่างๆ ตั้งใจจะสอนชดเชยในช่วงเย็นวันจันทร์ถึงวันศุกร์ การสอนชดเชยเพิ่มในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ดูเหมือนวันเวลาที่สถานศึกษาตั้งใจจะใช้สอนชดเชย ก็อาจจะไม่เพียงพออยู่ดี ซึ่งอาจส่งผลให้การปิดภาคเรียนที่ 2/2554 ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน
ส่วนการจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา ก็จะกินเวลาเรียนในภาคฤดูร้อน ซึ่งอาจทำให้มหาวิทยาลัยต้องงดการจัดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อน ประจำปีการศึกษา 2554
ผลกระทบที่จะตามมาจากการเลื่อนปิดภาคเรียนออกไป จะส่งผลให้การจัดสอบในระดับต่างๆ ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการสอบปลายภาค การจัดทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) การรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ประจำปีการศึกษา 2555 การรับสมัครสอบแพทย์ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) และการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์กลาง ประจำปีการศึกษา 2555
ซึ่งกระเทือนไปทั้งระบบเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และเพื่อไม่ให้การสอบปลายภาค การสอบโอเน็ต การรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 การรับสมัครสอบแพทย์ กสพท.รวมทั้ง การรับสมัครแอดมิสชั่นส์กลาง ต้องเลื่อนออกไปนั้น
ล่าสุด “นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้ประกาศให้สถานศึกษาในสังกัด ศธ.ใน 5 จังหวัด โดยเพิ่มสถานศึกษาใน จ.สมุทรสาคร อีก 1 จังหวัด ให้เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 2/2554 ออกไปเป็นวันที่ 6 ธันวาคม โดยประเมินว่าหากเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 6 ธันวาคม จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดสอบประเมินผลทั้งระบบ รวมถึง การสอบโอเน็ต การสมัครสอบแพทย์ กสพท.และการรับสมัครในระบบแอดมิสชั่นส์กลาง โดยจะให้สถานศึกษาจัดสอนเสริมในวันเสาร์ และหลังเลิกเรียนเพิ่มวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป
แต่หากท้ายที่สุด สถานศึกษาไม่สามารถเปิดเรียนได้ในวันที่ 6 ธันวาคม ตามที่ ศธ.ประกาศ และต้องเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไปอีกเป็นครั้งที่ 5 ก็จะส่งผลให้สถานศึกษาต่างๆ ต้องเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ออกไปหลังวันที่ 6 ธันวาคม ปัญหาที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือการสอบประเมินผลต่างๆ โดยเฉพาะการสอบโอเน็ต การรับสมัครสอบแพทย์ กสพท.และการรับสมัครในระบบแอดมิสชั่นส์ จะต้องเลื่อนออกไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของไทยทั้งระบบเลยทีเดียว
เพราะแม้ว่า ศธ.จะยังยืนยันการเลื่อนเปิดภาคเรียนเป็นวันที่ 6 ธันวาคม แต่ล่าสุด ศธ.เองได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และคณะทำงานแอดมิสชั่นส์ฟอรั่มของ ทปอ.เกี่ยวกับการเลื่อนสอบโอเน็ตให้สอดคล้องกับการเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ได้ผลสรุปเบื้องต้น
โดยให้เลื่อนการสอบโอเน็ตชั้น ป.6 กว่า 7 แสนคน จากเดิมวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 และเลื่อนการสอบโอเน็ตชั้น ม.3 ประมาณ 8 แสนคน จากวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2555 โดยจะประกาศผลการสอบทั้ง 2 ระดับ ในวันที่ 31 มีนาคม 2555
ซึ่งมติดังกล่าวต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สทศ.เห็นชอบในเร็วๆ นี้
ส่วนการทดสอบโอเน็ตชั้น ม.6 ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม วันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2555 และประกาศผลสอบวันที่ 10 เมษายน 2555
ผลกระทบเบื้องต้นที่เกิดขึ้นกับการเลื่อนสอบโอเน็ตชั้น ป.6 และ ม.3 ส่งผลให้การรับนักเรียนระดับชั้น ม.1 และ ม.4 ประจำปีการศึกษา 2555 ต้องเลื่อนออกไปจากช่วงเวลาที่เคยรับในทุกปี เนื่องจากการรับนักเรียนในปีนี้ กำหนดให้ใช้คะแนนโอเน็ต 20% เป็นส่วนประกอบในการคัดเลือก
จากนี้ไป แม้วิกฤตอุทกภัยจะยังไม่คลี่คลาย แต่การจะขยับขยายวันเวลาเปิด-ปิดภาคเรียน หรือการเลื่อนสอบวัดและประเมินผลต่างๆ ออกไปอีกหรือไม่ ศธ.คงจะต้องพิจารณาให้รอบคอบยิ่งขึ้น เพราะนอกจากเวลาจะกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว..
ผลกระทบที่ตามมา ไม่ได้เกิดกับการจัดการศึกษาระดับใดระดับหนึ่งเท่านั้น แต่กระทบทั้งระบบเลยทีเดียว!!