- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- บอร์ด อสมท.ลาออก “แดนสนธยา”ยังปั่นป่วน พนักงานเตรียมร้องบอร์ดใหม่เรื่อง “โยกย้ายแต่งตั้ง”
บอร์ด อสมท.ลาออก “แดนสนธยา”ยังปั่นป่วน พนักงานเตรียมร้องบอร์ดใหม่เรื่อง “โยกย้ายแต่งตั้ง”
แม้ว่า นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ด อสมท. ได้ลาออก พร้อมกับกรรมการอีก 5 คน มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมท มีการประชุมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และได้มีการประชุมเพื่อหากรรมการบอร์ดชุดใหม่ในเวลาต่อมา แต่ปัญหาความขัดแย้งใน อสมท.ยังไม่ได้จบสิ้นไป เพราะแม้ว่าทั้งนายสุรพล และนายธนวัฒน์ วันสม กก.ผอ.ใหญ่ อสมท.คนล่าสุด ซึ่งมีความขัดแย้งกัน จนเป็นเหตุให้บอร์ด อสมท .“เลิกจ้าง”นายธนวัฒน์ ได้กลายเป็นอดีตของ อสมท.ไปแล้ว แต่ผลจากความขัดแย้งกันที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อพนักงาน อสมท.ทั้งระดับผู้บริหารระดับสูง ระดับกลาง และพนักงานผู้ปฏิบัติการ ในเรื่องของ “ความเป็นธรรม” “ความถูกต้อง”ในช่วงระยะเวลาของความขัดแย้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตังโยกย้ายพนักงานจำนวนมากกว่าร้อยคน หลังจากนายธนวัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง และประธานบอร์ด แต่งตั้งนายสุระ เกนธนศิล รอง กก.ผอ.ใหญ่ อสมท.ปฏิบัติหน้าที่แทน
ย้อนเหตุการณ์ก่อน ประธาน-บอร์ด ลาออก
ก่อนที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด อสมท.จะลาออก ได้มีเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงจากจุดเริ่มต้นมาถึงปัจจุบัน ดังนี้
วันที่ 15 กันยายน มีการประชุมบอร์ด อสมท ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการแก้ไขโครงสร้างใหม่ของ อสมท โดยที่ประชุมเห็นชอบกับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร
วันที่ 16 กันยายน ที่ประชุมบอร์ดมีมติแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหาร โดยมีการกำหนดแต่งตั้งผู้บริหารระดับ รอง กก.ผอ.ใหญ่ 6 อัตรา โดยเป็นรอง กก.ผอ.ใหญ่ 5 อัตรา และหัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน 1 อัตรา ส่วนการแต่งตั้งรอง กก.ผอ.ใหญ่ อีก 2 อัตรา ให้ฝ่ายบริหาร อสมท. พิจารณาตามความจำเป็นและให้เสนอหลักเกณฑ์แนวทางการคัดเลือกหรือสรรหาให้ บอร์ดพิจารณาโดยเร็ว
มติที่ประชุมบอร์ดให้ยุบตำแหน่ง ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สายงานเทคโนโลยี่ และตำแหน่ง ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สายการเงินและบริหารความเสี่ยง และให้ย้ายและแต่งตั้ง ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สำนักผู้ตรวจการ เป็น ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สำนักข่าวไทย และ ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สายงานยุทธศาสตร์และบริหารความเสี่ยง เป็น ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สำนักทรัพยากรมนุษย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป
หลังจากนั้น ได้เกิดกระแสความไม่พอใจในกลุ่มพนักงานบางส่วน โดย วันที่ 22 กันยายน นางสุนทรีย์ แก้วกรณ์ รอง กก.ผอ.ใหญ่(ในเวนานั้น) นายพลชัย วินิจฉัยกุล ผช.กก.ผอ.ใหญ่ สำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมพนักงาน อสมท บางส่วน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับ ดูแล อสมท. มี 3 ประเด็นหลัก สืบเนื่องมาจากมติที่ประชุมบอร์ด คือ
1. ปัญหา การจัดทำโครงสร้างบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)
2. ปัญหาการเลื่อนและโยกย้ายแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง
3. ปัญหาเรื่องการ ปฏิบัติหน้าที่ของบอร์ด อสมท.
เนื้อหาในหนังสือร้องเรียนระบุว่า มติบอร์ดทำให้เกิดความเสียหายสรุปว่า การจัดทำโครงสร้างบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งบอร์ดมีมติปรับปรุงโครงสร้าง และให้มีผลบังคับในวันที่ 1 ตุลาคม นั้น เมื่อพิจารณาโครงสร้างดังกล่าวแล้ว พบว่าไม่ได้เป็นไปตามหลักการและเหตุผล โดยหลักการและแนวคิดในการจัดทำโครงสร้าง ไม่เป็นไปตามที่บริษัทที่ปรึกษา เอสอาร์ไอ คอนซัลแทนท์ ดำเนินการไว้
การเลื่อนตำแหน่ง และโยกย้าย แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงตามมติบอร์ด โดยแต่งตั้ง รอง กก.ผอ.ใหญ่ 2 ราย ย้ายและแต่งตั้ง ผช.กก.ผอ.ใหญ่ 2 ราย ทั้งๆที่ไม่ได้ผ่านการคัดสรร ถือว่าไม่เป็นไปตามระเบียบ และไม่เป็นธรรมต่อผู้บริหารระดับอำนวยการฝ่ายอีกหลายคนที่มีคุณสมบัติเหมาะ สม
วันที่ 28 กันยายน นายสุรพล เรียกประชุมคณะกรรมการบอร์ดเป็นวาระพิเศษ บอร์ดมีมติแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้างบริหารงาน ใน ตำแหน่ง กก.ผอ.ใหญ่ ของนายธนวัฒน์ วันสม และมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน นางสุนทรีย์ แก้วกรณ์ รอง กก.ผอ.ใหญ่ กับนายพลชัย วินิจฉัยกุล ผช.กก.ผอ.ใหญ่ ฐานไม่รักษาวินัยของบริษัท อสมท เป็นแกนนำ พาพนักงานไปร้องเรียนต่อ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
วันที่ 30 กันยายน น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมต.กระทรวงการคลัง ในฐานะกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมีเหตุผลว่า จากการรับเรื่องร้องเรียนจากฝ่ายบริหารและพนักงาน อสมท. พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ อาจมีผลกระทบโดยรวมกับนโยบายรัฐบาล และการบริหารงานของ อสมท. จึงขอให้กระทรวงการคลัง แจ้งไปยังนายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด อสมท สรุปว่า ให้ระงับการประกาศและการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างใหม่ของ อสมท. ตามมติที่ประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 15 กันยายน และ 16 กันยายน จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ และรายงานผลต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายก เมื่อเห็นชอบแล้วจึงดำเนินการต่อไปได้
และระงับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารและพนักงาน ตามมติที่ประชุมบอร์ด วันที่ 16 กันยายน จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ และรายงานต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายก เมื่อเห็นชอบแล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ หากผลการสอบสวนไม่ปรากฎความ “ไม่เป็นธรรม” ให้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายมีผลย้อนหลังได้ วันเดียวกันนั้น นายธีระชัย ส่งหนังสือส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร) และวันนั้นเอง นายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สคร. ทำหนังสือถึงนายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด อสมท. อ้างถึงหนังสือของ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีข้อความต่อท้ายในหนังสือระบุว่า
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)โดยได้รับ มอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใคร่ขอให้ท่านในฐานะประธานกรรมการ บมจ.อสมท ได้โปรดพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดัง กล่าวด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการต่อไป หากผลเป็นประการใด ขอโปรดแจ้งให้ สคร.ทราบในโอกาสแรกด้วย จักขอบคุณยิ่ง
ในหนังสือฉบับนี้ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด ลงนามทราบ และให้ทำหนังสือทบทวนการสั่งการของของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีประจำสำนักนายก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร) อีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้เป็นปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และให้สำเนาแจกให้คณะกรรมการบอร์ดทราบ
วันที่ 13 ตุลาคม มติที่ประชุมบอร์ด อสมท “ด้วย คณะกรรมการ บริษัท อสมท ในคราวประชุมครั้งที่ 14/2554 วันที่ 13 ตุลาคม 2554 มีมติให้บอกเลิกสัญญาจ้างบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่กับนายธนวัฒ น์ วันสม ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 โดยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป” โดยแต่งตั้งให้นายสุระ เกนทะนะศิล รอง กก.ผอ.ใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่แทน
วันที่ 19 ตุลาคม 2554 กระทรวงการคลัง ทำจดหมายถึงนายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ อสมท.ขอให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อถอดถอนกรรมการออกทั้งคณะ โดยการนับคะแนนเสียงกันรายบุคคล และได้ทำหนังสือแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ในวันที่ 21 ตุลาคม 2554 แต่ภาวะน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจึงเลื่อนจากวันที่ 25 ตุลาคม 2554 เป็นวันที่ 9 ธันวาคม วันนั้น มีผู้เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น โดยไม่มีการถอดถอนกรรมการบอร์ด และนายสุรพลกับกรรมการบอร์ด 5 คน เวลาออกในเวลาต่อมา
นายสุรพล ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชน ตีพิมพ์วันที่ 17 ธันวาคม ว่า “เหตุผลในการลาออกครั้งนี้ เพราะต้องการให้ อสมท เดินหน้าต่อไปได้ ด้วยหน้าที่หลักคือการดูแลองค์กร อสมท แต่การที่กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อสมท ต้องการให้บอร์ด อสมท ที่ไม่ได้มาจากกการแต่งตั้งของรัฐบาลชุดนี้ลาออก ขณะที่บอร์ดยืนยันว่าจะไม่ลาออก เพราะไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติใดๆที่กำหนดว่า เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วรัฐบาลแล้ว บอร์ดหรือผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต้องลาออก โดยเฉพาะ อสมท ที่เป็นองค์กรสื่อควรจะปลอดจากการครอบงำโดยฝ่ายการเมือง อีกทั้งในฐานะรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ควรมีกรรมการและผู้บริหารดูแลอย่างต่อเนื่องจนครบวาระ ไม่ใช่ต้องเปลี่ยนตามการเมือง”
อสมท.แทบไม่เคยปลอดการเมือง
แม้ว่าโดยหลักการแล้ว ไม่มีธรรมเนียมหรือข้อบังคับใดๆที่บอร์ดหรือผู้บริหาร อสมท ต้องลาออก เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองซึ่งก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่สำหรับ อสมท ซึ่งได้รับการขนานนามมายาวนานว่า “แดนสนธยา”อาจเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากที่ผ่านมาพนักงาน อสมท ก็ไม่ได้ต่อต้านการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม และก็ยอมรับทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดหรือผู้บริหาร อสมท ทุกครั้ง ประวัติศาสตร์ขององค์กรแห่งนี้บันทึกว่า อสมท ไม่เคยปลอดจากการเมืองและเกิดขึ้นแทบทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนขั้วการเมือง ตามหลักฐานหนังสือ “ประวัติศาสตร์ อสมท 59 ปีสื่อไทย 2495-2554” ตีพิมพ์ เผยแพร่โดย อสมท เอง เมื่อเดือนเมษายน 2554
เรื่องการเมืองแทรกแซง อสมท เริ่มต้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2531 นายมนตรี เจนวิทย์การ ผอ.อ.ส.ม.ท.คนที่ 3 ดำรงตำแหน่งโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อยู่ได้ไม่ถึงปีก็ต้องอำลาจากไปเพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายราชันย์ ฮูเซ็น ดำรงตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ม.ท.คนต่อมา ในรัฐบาลใหม่ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายก กำกับดุแล อสมท อยู่ได้เพียง 2 ปี เมื่อถึงยุค รสช.ก็ต้องไป นายประสิทธิ์ หิตะนันท์ ซึ่งเป็นรอง ผอ.อ.ส.ม.ท.มายาวนานก็ได้ขึ้นเป็น ผอ.อ.ส.ม.ท. เมื่อถึงยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ผอ.ประสิทธิ์ซึ่งเป็น “คนใน”อ.ส.ม.ท.แท้ๆ ก็ถูกปลดกลางอากาศ จากนั้น นายแสงชัย สุนทรวัฒน์ ซึ่งเป็นรู้กันอย่างเปิดเผยว่าเป็นสายประชาธิปัตย์ มาดำรงตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ม.ท. แต่ในช่วงการทำงานของนายแสงชัย อสมท เปลี่ยนแปลงไปมากในด้านของภาพลักษณ์องค์กรและรายได้ ทำให้พนักงาน อสมท ให้การยอมรับว่า แม้จะเป็นคนของพรรคการเมือง แต่สร้างผลงานไว้มากมาย ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพนักงานจนถึงวันถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต เพราะปกป้องผลประโยชน์ของ อสมท ไม่ให้ถูกนักธุรกิจผู้ร่วมลงทุนสถานีวิทยุเอาเปรียบ จึงได้รับเคารพยกย่องอย่างสูงจนปัจจุบัน
นางอรสา คุณวัฒน์ รอง ผอ.อ.ส.ม.ท. ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ม.ท.แทนนายแสงชัย พร้อมกับกระแสในสังคมและในบรรดาพนักงานที่เรียกร้องให้ ตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ม.ท.ต้องปลอดการเมือง ยุคนั้นเป็นยุคที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีการนำตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ม.ท.ไปเกี่ยวกับการเมือง ทำให้นางอรสา ดำรงตำแหน่งได้จนจนครบวาระเกษียนอายุ มาถึงนายสรจักร เกษมสุวรรณ ซึ่งเป็น ผองอ.ส.ม.ท.คนแรกที่มาจากกระบวนการสรรหามาดำรงตำแหน่งแล้วลาออกไปก่อนครบวาระ ตามมาด้วยนายมิ่งขวัญ เกษมสุวรรณ์ ซึ่งเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงองค์กรเป็นรูปบริษัทจำกัด (มหาชน)จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นายมิ่งขวัญสร้างปรากฎการณ์ใหม่ทั้งภาพลักษณ์และรายได้ให้ อสมท จนเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง แต่หลังจากดำรงตำแหน่งครบวาระ การกลับมาครั้งที่ 2 อยู่ได้ไม่นานก็เกิดการรัฐประหาร นายมิ่งขวัญต้องออกไปตามความคาดหมาย ต่อมานายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหามาดำรงตำแหน่ง อยู่ได้ไม่นานก็ถูกบอร์ดขอให้ “เลิกจ้างโดยไม่มีความผิด” จากนั้นก็ถึงคิวนายธนวัฒน์ วันสม มาดำรงตำแหน่งต่อในช่วงที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ เป็นประธานบอร์ด การทำงานร่วมกันในช่วงแรกน่าจะไปกันได้ด้วยดี แต่ก็เกิดเหตุการณ์บอร์ดมีมติปลดนายธนวัฒน์ ส่วนนายสุรพลก็ลาออกไปในที่สุด
ปัญหาใต้พรมให้บอร์ดใหม่สะสาง
ก่อนที่นายธนวัฒน์ วันสม อดีต กก.ผอ.ใหญ่ อสมท. จะถูกเลิกจ้างไม่นาน มีเรื่องที่น่าสนใจเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากใน อสมท. เรื่องการปรับโครงสร้าง อสมท รวมถึงการโยกย้ายแต่งตั้งบุคลากรดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะสำนักข่าวไทย มีการเปลี่ยนแปลงผู้ช่วย ผอ.กก.ใหญ่ อสมท.กำกับดูแลสำนักข่าวไทย มีการพิจารณารายชื่อพนักงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งในโครงสร้างใหม่ส่งให้นายธนวัฒน์พิจารณา แต่เรื่องยังไม่ผ่านกระบวนการจนสมบูรณ์ ผู้ช่วย ผอ.กก.ใหญ่ กำกับดูแลสำนักข่าวไทยคนนั้น เกษียนอายุไปก่อน และนายธนวัฒน์ก็ถูกเลิกจ้างในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อนายสุระ เกนทะนะศิล ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานแทน กก.ผอ.ใหญ่ อสมท. มีการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานจำนวนมาก โดยเป็นการพิจารณาแต่งตั้งใหม่ ไม่ยึดกับ “โผ”เดิม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความ “ไม่เป็นธรรม” “ไม่เหมาะสม” “หลายมาตรฐาน” รวมไปถึงการเล่นพรรคเล่นพวกเลยทีเดียว
“ มีพนักงานไม่พอใจการแต่งตั้งโยกย้าย โดยเฉพาะสำนักข่าวไทย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตำแหน่งผู้บริหารระดับหัวหน้ากอง ระดับผู้อำนวยการฝ่าย ไม่มีความเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ มีการเล่นพรรคเล่นพวก สาเหตุมาจากความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้บริหารสองคน เมื่อคนเดิมเสนอแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งหมออำนาจเพราะเกษียณอายุ อีกฝ่ายซึ่งกลับมามีอำนาจหลังจาก ผอ.ธนวัฒน์ ถูกเลิกจ้าง ก็แต่งตั้งคนของตัวเอง หรือคนที่ไม่อยู่ในโผเดิมมาแทน บางคนมีความสามารถจริงก้ได้รับการยอมรับ บางคนก็ไม่เป็นที่ยอมรับในเรื่องความเหมาะสมกับตำแหน่ง บางคนถึงขั้นฟันธงไปเลยว่าทำงานในตำแหน่งไม่ได้แน่เพราะไม่มีความรู้ในงานที่จะต้องทำเลย ” พนักงาน อสมท.คนหนึ่งให้ข้อมูลผู้สื่อข่าว สำนักข่าวอิสรา
“ เป็นเรื่องจริงตามข่าวที่ว่าพนักงานบางส่วนจะยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อบอร์ดชุดใหม่ ได้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ก็จะร้องอีก จะขอให้พิจารณากันเป็นรายบุคคลตามตำแหน่งเลยทีเดียว แล้วยัง จะให้ตรวจสอบอำนาจหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผอ.ใหญ่ด้วยว่า มีอำนาจเซ็นแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงเวลานี้ได้หรือไม่” พนักงาน อสมท อีกคนหนึ่งกล่าว
“อดีตผู้บริหารที่เข้ามาพร้อมกับ ผอ.ธนวัฒน์ ที่ถูกเลิกจ้าง ก็จะฟ้องร้องด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทำยังกับ อสมท มีหลายมาตรฐาน ผู้บริหารที่เข้ามาพร้อมกับอดีต ผอ.วสันต์ ก็ยังอยู่ ไม่เห็นต้องไปพร้อมกับ ผอ.วสันต์ แถมได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปอีก เรื่องนี้พนักงานที่อยู่มานานก็เห็นถึงความแตกต่าง”
“ แล้วก็ผู้บริหารคนหนึ่งที่ไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับรัฐมนตรีสำนักนายก ประธานบอร์ดให้ ผอ.ธนวัฒน์ ตั้งกรรมการสอบวินัย แต่ ผอ.ธนวัฒน์ ไม่ตั้งกรรมการสอบเพราะเห็นว่าต้องสอบข้อเท็จจริงตามขั้นตอนก่อน เมื่อ ผอ.ธนวัฒน์ไปแล้ว ก็มีการตั้งกรรมการสอบ เรื่องนี้ก็จะมีการร้องเรียนขอความเป็นธรรม” พนักงาน อสมท ให้ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามแหล่งข่าวใน อสมท ในเรื่องของการโยกย้ายที่กำลังจะมีเรื่องร้องเรียน ได้รับการยืนยันว่าการโยกย้ายแต่งตั้งทุกตำแหน่งเป็นไปด้วยความโปร่งใส ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ทุกประการ คือความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และอาวุโส ไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก ไม่มีความขัดแย้งใดๆตามที่เป็นข่าวปรากฎผ่านสื่อ การโยกย้ายแต่งตั้งคำนึงถึงความสามารถของบุคลากร โดยเฉพาะสำนักข่าวไทย ทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างยิ่งยวด ผ่านประสบการณ์งานข่าวมาแล้วอย่างโชกโชน ปฏิบัติงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ตามที่ปรากฎตามเอกสารประเมินคุณสมบัติ
“ ยังไงก็ต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรมแน่นอน เวลานี้ก็มีการใส่เกียร์ว่างกันแล้ว บอร์ดชุดใหม่ ผอ.คนใหม่ต้องแก้ปัญหาเรื่องบุคลากร เพื่อให้งานของ อสมท เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ซุกปัญหาไว้ใต้พรมแล้วจะแข่งขันกับข้างนอกได้อย่างไร” พนักงานในกลุ่มผู้เคลื่อนไหวจะร้องเรียน กล่าว
บน นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตประธานบอร์ด อสมท.
ล่าง นายธนวัฒน์ วันสม อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ อสมท.