เปิดชัดๆ พฤติการณ์-ข้อกล่าวหา 'สุขุมพันธุ์' ไฉนถูกสตง.เชือดโครงการไฟ 39 ล.

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 04 พฤษภาคม 2559 เวลา 13:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | จัดซื้อจัดจ้าง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ไฟกทม. 39 ล้าน | ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร

"..เป็นปกติวิสัยของผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน เมื่อปรากฎเป็นข่าวในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะต้องดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า กรณีเป็นไปตามข้อร้องเรียนกล่าวหาหรือไม่ แต่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง กลับมีการให้สัมภาษณ์ว่าโครงการนี้เป็นโครงการแรกของประเทศไทยและยืนยันว่าการดำเนินการโปร่งใสแล้ว ทั้งที่ ยังไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง.."

picsuuuka4 5 16

"คำพูดเดียวทำให้ผิดเหรอครับ"

คือ ประโยคคำพูดยืนยันจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แถลงผลตรวจสอบโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้งบประมาณทั้งสิ้น 39 ล้านบาท

โดย สตง.ระบุว่า การดำเนินโครงการผิดปกติเอื้อประโยชน์ให้เอกชนผู้รับงานตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นประกวดราคาโดย กทม.ไม่ปฏิบัติตามแบบแผนราชการการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบส่งผลเสียหาย ต่อการเงินการคลังของแผ่นดิน

ประกอบด้วย 1. กทม.ได้อนุมัติงบกลางจากงบเฉพาะกรณีฉุกเฉินและโครงการไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากสภา กทม. และ 2. การจัดจ้างส่อพฤติการณ์ฮั้วประมูลโดยพบผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้รับงานที่ไม่เคยประกอบกิจการในลักษณะงานตามโครงการที่ กทม.กำหนดและได้จดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ให้ตรงตามเงื่อนไขการประมูลเพื่อเข้าเสนองาน อีกทั้งขอบเขตของงานตามทีโออาร์ที่ กทม.กำหนดนั้นมิได้สืบราคาที่ถูกต้องและบริษัทบางบริษัทที่สนใจขอเอกสารการประมูลอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ทั้งนี้ได้ตรวจสอบราคาไฟประดับของ กทม.พบว่ามีราคาอยู่ที่ประมาณ 29 ล้านบาท

ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ปรากฎรายชื่อเป็น หนึ่งในบุคคลที่ถูกสตง.ชี้มูลการกระทำความผิดด้วย

(อ่านประกอบ : สตง.ชง ป.ป.ช.เชือด! 'สุขุมพันธ์ุ-พวก' ฮั้วจ้างประดับไฟลานคนเมือง 39 ล., เบื้องหลัง! สตง.เชือด‘สุขุมพันธุ์-พวก’ คดีไฟ กทม. ลูกน้องซัดนโยบาย‘ผู้ว่าฯ’ (รายชื่อครบ))

ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชน ได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุผลปัจจัยที่ทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องถูก สตง.ชี้มูลความผิดจากการดำเนินงานโครงการนี้มากขึ้น

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวใน สตง. ว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถูก สตง.ชี้มูลความผิดในการดำเนินงานโครงการนี้ มาจากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้

@ อำนาจหน้าที่

สตง.ระบุว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่กำหนดนโยบายและบริหารราชการของกรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามกฎหมาย สั่ง อนุญาต อนุมัติเกี่ยวกับราชการของกรุงเทพมหานคร

เป็นผู้ให้นโยบายในการจัดทำโครงการดังกล่าว รู้หรือควรรู้ว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ.2559 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 หากจะต้องจัดทำต้องใช้เงิบงบกลาง ประเภทเงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีฉุกเฉินจำเป็น จำนวนเงิน 40,000,000 บาท ซึ่งเป็นวงเงินที่สูง

@ พฤติการณ์การใช้อำนาจหน้าที่

นายธวัชชัย จันทร์งาม ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยว (หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา) อ้างในบันทึกลงวันที่ 7 ตุลาคม 2558 ว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้นโยบายจัดทำโครงการประดับตกแต่งไฟในช่วงธันวาคม 2558 – มกราคม 2559

ทั้งนี้ กองการท่องเที่ยวได้ระบุต้นเรื่องของโครงการฯ ว่าเป็นนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากไม่มีนโยบายดังกล่าวกองการท่องเที่ยวก็จะไม่มีการจัดทำโครงการฯ เนื่องจากไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณโครงการฯ ไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2559

ส่วนการดำเนินการได้เร่งรีบดำเนินการโครงการดังกล่าว ทั้งขั้นตอนการสืบราคาและเสนอราคาจากบริษัทเอกชนที่ไม่เคยมีประสบการณ์หรือผลงานการประดับตกแต่งไฟฟ้ามาก่อน จำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด จดทะเบียนวัตถุประสงค์วันที่ 27 กรกฎาคม 2558 บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด จดทะเบียนวัตถุประสงค์วันที่ 27 กันยายน 2558 และบริษัทสยาม เอ็ม.อี.อี. จำกัด ไม่ได้ไปจดทะเบียนวัตถุที่ประสงค์เพิ่มแต่อย่างใด และบริษัท สรรค์สร้าง จำกัด จดทะเบียนวัตถุประสงค์วันที่ 2 ธันวาคม 2558

หากบริษัทดังกล่าวไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ากรุงเทพมหานครจะมีการดำเนินการโครงการดังกล่าว ก็จะไม่มีการจดทะเบียนวัตถุประสงค์เพื่อประดับตกแต่งไฟเพิ่มเติมเหมือนกัน ทั้งบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และบริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด ต่างก็มีผู้ทำบัญชีคนเดียวกัน คือ นางสาวสิริพร ขาวปราการ นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และบริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด เคยรับงานและเคยเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่อยู่ในสังกัดกรุงเทพมหานครมาก่อน

สตง.ยังระบุชัดเจนว่า หากไม่รู้ข้อมูลภายในก็จะไม่มีการตระเตรียมการไว้ และจะไม่มีบริษัทใดมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขข้อกำหนดประกาศประมูลจ้างเหมาโครงการฯ และอาจส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้

@ พฤติการณ์ของผู้ว่าฯ

ประกอบกับเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเสนอข่าวโดยสื่อสารมวลชนว่าผู้ให้ราคาตั้งต้น คือบริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด เป็นผู้ที่ไม่เคยดำเนินการประกอบกิจการดังดล่าว และเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในเดือนกรกฎาคม 2558 ทั้งยังเคยเป็นคู่สัญญารับงานกับกรุงเทพมหานครมาก่อน อีกทั้งบริษัท คิวริโอ ทัวส์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ผู้ชนะการเสนอราคาประกอบกิจการหลัก คือทำทัวร์และจัด event โดยรับงานกรุงเทพมหานครมาก่อนได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์ในวันที่ 7 กันยายน 2558 และบริษัท สรรค์สร้าง จำกัด ซึ่งเตรียมการเข้ายื่นเสนอราคาเพื่อเป็นคู่เทียบจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์วันที่ 2 ธันวาคม 2558 หลังรับเอกสารเพียง 1 วัน

ซึ่งเป็นปกติวิสัยของผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน เมื่อปรากฎเป็นข่าวในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะต้องดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า กรณีเป็นไปตามข้อร้องเรียนกล่าวหาหรือไม่ แต่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง กลับมีการให้สัมภาษณ์ว่าโครงการนี้เป็นโครงการแรกของประเทศไทยและยืนยันว่าการดำเนินการโปร่งใสแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เพราะหากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงก็จะทราบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวข้างต้น สามารถที่จะพิจารณาดำเนินการยับยั้ง หรือเยียวยา หรือพิจารณาดำเนินการตามข้อกำหนดในสัญญาที่ให้อำนาจไว้ เพื่อป้องกัน หรือระงับยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

@ การให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ

สตง.ระบุว่า ในขั้นตอนการสอบสวน ได้มีหนังสือเรียนเชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงถึง 2 ครั้ง แต่มิได้แสดงความบริสุทธิ์ใจในการมาพบเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กลับบ่ายเบี่ยง มีเพียงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน

เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงประกอบพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมแล้วพฤติการณ์ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รู้หรือควรรู้ว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรุงเทพมหานคร หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติติหน้าที่โดยทุจริต

@ คำให้การของ รองผู้ว่าฯ กทม.

ขณะเดียวกัน สตง. ได้เชิญนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. และนายจุมพล สำเภาพล เข้ามาชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยทั้งสองรายระบุตรงกันว่า เป็นนโยบายของผู้ว่าฯ กทม. จึงต้องดำเนินโครงการดังกล่าว

ด้วยข้อสงสัยหลายประการ และเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา จึงทำให้ คตง. มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า พฤติการณ์ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับพวกรวม 13 ราย เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เงินและทรัพย์สินของแผ่นดิน และเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 จึงมีมติให้ดำเนินการเอาผิดกับบุคคลดังกล่าว ทั้งการดำเนินคดีทางวินัย ทางอาญา

โดยในส่วนทางวินัยนั้น ได้ส่งให้กับ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนทางอาญา ได้ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนต่อไป

ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลและข้อเท็จจริง ที่ทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องถูก สตง.ชี้มูลความผิดด้วย ไม่ใช่แค่ "คำพูดเดียวทำให้ผิดเหรอครับ" ตามที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนดังกล่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังถือว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และผู้เกี่ยวข้องอีก 13 ราย เป็นผู้บริสุิทธิ์ และยังสามารถใช้สิทธิชี้แจง ข้อเท็จจริงกับ ป.ป.ช. และกระทรวงมหาดไทย ได้ ในโอกาสต่อไป

ขณะที่ ล่าสุดเว็บไซต์คมชัดลึก ได้เผยแพร่คำแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 เวลา 11.15 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กรณี (สตง.) มีมติส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ในโครงการไฟกทม. 39.5 ล้านบาท ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะสตง.เป็นองค์กรที่สำคัญที่คอยดูแลให้องค์กรของบ้านเมืองใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์ การที่สตง.มาใส่ใจในเรื่องนี้ซึ่งมีมูลค่าตามทีโออาร์อยู่ 39 ล้านบาท ตามโครงการท้องถิ่นอย่างกทม. ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตลอด 7 ปีที่ผ่านมาตนได้ย้ำมาเสมอว่ากทม.ต้องทำงานโปร่งใส่และถูกกฎหมายทุกอย่าง เพราะตนไม่เคยสั่งให้ใครทำผิดกฎหมายแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งสิ่งที่สตง.ได้ทำก็เป็นไปตามหลักการที่ตนได้มอบนโยบายตลอด 7 ปี ทั้งนี้ นโยบายสร้างมหานครแห่งความสุขและโอกาส เป็นนโยบายที่ถูกต้อง เนื่องจากในช่วงเวลาก่อนปีใหม่เกิดปัญหาหลายด้าน รวมถึงเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กทม.ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ โดยเฉพาะให้กับกลุ่มคนรากหญ้า แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากในขณะนั้นกระบวนการทางงบประมาณได้เสร็จสิ้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้งบประมาณที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ขอไปอยู่ที่ 241 ล้านบาท แต่ถูกตัดมาเหลือแค่ 50 ล้านบาท ซึ่งตนก็เคารพกระบวนการการตัดงบตรงนี้ แต่ก็ต้องคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไร สำหรับการท่องเที่ยวจึงเป็นที่มาของโครงการนี้

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ไม่ได้เพิ่งคิดแล้วทำ แต่เป็นโครงการที่อยากทำมาหลายปีแล้ว เมื่อถึงเวลาตนก็ใช้อำนาจตรงนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนนโยบายนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องไปถามคนอื่น แต่อยากบอกว่าตลอดช่วงเวลาวันที่ 30 ธ.ค.2558 ถึง 31 ม.ค.2559 มีคนมาร่วมงาน 1,700,000 คน มีเงินค่าใช้จ่ายหมุนเวีย 33 วัน 10 ล้านกว่าบาท หากสมมุติว่าโครงนี้ใช้งบประมาณ 39 ล้านบาท โดยมีผู้มาร่วมงาน 1,7000,000 คน ก็จะเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อหัว 20 กว่าบาทเท่านั้น และยังไม่นับการเผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย อาจจะมีคนเกี่ยวข้องกว่า 16-17 ล้านคน อีกทั้งงานประดับไฟครั้งนี้มีชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้โครงการนี้จึงไม่ใช่งบประมาณที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่กทม.ทำครั้งแรก เพราะยังเคยจัดงานที่คลองผดุงกรุงเกษม ก็ใช้งบประมาณไปว่า 20 ล้านบาท จึงขอยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้อง และถ้าสตง.มีปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องแนะนำตั้งแต่ต้น แต่ที่ผ่านมากับไม่มีการแนะนำอะไรเลย

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนได้พูดมาตั้งแต่ต้นว่า กทม.ได้ให้ข้อมูลกับ สตง.ตั้งแต่โครงการนี้ยังไม่จบ ส่วนที่ตนไม่ได้ไปชี้แจงกับสตง. เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯกทม.ไปชี้แจงตามอำนาจ ในมาตรา 55 ตามพ.ร.บ.บริหารราชการกรุงเทพมหานครปี 2558 ตนจึงไม่ได้หนีไปไหน เพราะเป็นเรื่องปกติที่สามารถมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ ตั้งแต่รองผู้ว่าฯกทม.และข้าราชการอาวุโสไปชี้แจงได้

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กทม.พร้อมให้ความร่วมมือ ทั้งในเรื่องเอกสารและข้อมูล แต่ตนไม่ต้องการอะไรมากเพียงแต่ขอให้หน่วยงานที่ตรวจสอบอ่านเอกสารให้ครบเท่านั้น หากตรงไหนติดขัดอะไร ก็ขอให้แจ้งมา แต่ที่สรุปมานานแล้วว่ากทม.ผิด เป็นเรื่องที่ตนประหลาดใจมากทั้งที่งานยังไม่เรียบร้อยก็ไม่ทราบว่า เป็นวิธีปฏิบัติที่ใช้กับกทม.หรือไม่ หรือถ้าเป็นวิธีปฏิบัติแบบนี้สตง.ก็ต้องไปใช้กับหน่วยงานอื่นด้วย

“มติเมื่อวานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการ ยังไม่มีใครผิดใครถูก แต่หากใครเขียนว่าผิดในเรื่องกฎหมายเห็นๆ ผมแบบนี้ ผมไม่ไว้หน้านะครับ ใครว่าผมผิด ผมฟ้องเลยนะครับ เพราะผมกำลังปรึกษากับฝ่ายกฎหมายอยู่ ผมเป็นห่วงลูกน้อง ลูกน้องผมต้องได้รับความเป็นธรรม ผมไม่ยอมให้ใครว่าลูกน้องผมผิด ผมจะให้ฟ้องทันที ถ้าไม่ชอบหน้าผมไม่เป็นไร แต่ให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องผม ทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายการเมือง จากนี้หากติดขัดตรงไหนขอให้บอกมา ซึ่งในกทม.มีตัวแทนสตง.อยู่ แต่ที่ผ่านมากลับไม่แนะนำอะไรเลย” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องสตง.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า “ขอปรึกษากับทีมงานก่อน”

เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาในเรื่องนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า “ผมเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาไม่มีการประชุมพรรค จึงเชื่อว่าไม่ใช่มติของพรรค”

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนมีการใช้มาตรา 44 เพื่อปลดผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า “ผมไม่นึกว่า ประชาธิปัตย์ชอบมาตรา 44 แต่อยากบอกว่า แต่ครั้งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการตรวจสอบ”

เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช.มีการชี้มูลความผิดจริง จะลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า “ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน”

อ่านประกอบ :

เบื้องหลัง! สตง.เชือด‘สุขุมพันธุ์-พวก’ คดีไฟ กทม. ลูกน้องซัดนโยบาย‘ผู้ว่าฯ’ (รายชื่อครบ)

สตง.ชง ป.ป.ช.เชือด! 'สุขุมพันธ์ุ-พวก' ฮั้วจ้างประดับไฟลานคนเมือง 39 ล.