- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- 227 วันที่พ่อจากไป ‘องค์ภูมิพล’ กับความคืบหน้าพระเมรุมาศ ถวายพระเกียรติสูงสุด
227 วันที่พ่อจากไป ‘องค์ภูมิพล’ กับความคืบหน้าพระเมรุมาศ ถวายพระเกียรติสูงสุด
เปิดความคืบหน้าก่อสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เเล้วเสร็จเกือบ 50% ถวายอย่างสมพระเกียรติสูงสุด
ณ รพ.ศิริราช 13 ต.ค. 59
ท้องฟ้าหม่นครึ้ม ไม่มีแม้แต่เสียงนกกา หรือลมพัดผ่าน
เย็นย่ำวันนั้น ทันทีที่สำนักพระราชวังเผยแพร่ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต
เสียงร้องไห้สุดฝืนใจที่จะกลั้นระงมไปทั่ว จากคลื่นพสกนิกรชาวไทยที่ต่างหลั่งใหลเดินทางมายัง รพ.ศิริราช จนแน่นขนัด เฝ้ามองไปยังหน้าต่างที่ทอแสงเหลืองนวล ทว่า แลดูเงียบเหงา ของชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ด้วยความโศกเศร้าอย่างหาที่สุดมิได้
ภาพเหล่านั้นยังคงจดจำขึ้นใจมิรู้ลืม เป็นภาพที่พสกนิกรชาวไทย ต้องสูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐ ผู้เป็นที่รัก ผู้เป็นนักพัฒนา ไปอย่างไม่มีวันกลับ เสมือนดั่งการสูญเสียบุพการีผู้ให้กำเนิดชีวิต
จวบจนปัจจุบันเวลาล่วงเลยร่วม 227 วัน รัฐบาลได้เตรียมการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างสมพระเกียรติสูงสุด
ก่อสร้างพระเมรุมาศ คืบหน้าเกือบ 50%
การก่อสร้างพระเมรุมาศ ทรงบุษบก 9 ยอด สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก
เฉพาะพระเมรุมาศ มีภาพรวมการก่อสร้างร้อยละ 48.7 ซึ่งโครงสร้างพื้นชาลา บันได และลิฟต์ แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการปิดผิว และติดตั้งองค์ประกอบสถาปัตยกรรม ประกอบด้วย ฐานเทวดา เสา-รั้วราชวัติ และฐานสิงห์ บนฐานชานชาลาทั้ง 3 ชั้น
ส่วนพระที่นั่งทรงธรรม อยู่ระหว่างการมุงหลังคา กรุผนัง และฝ้าเพดานภายนอกและภายในอาคาร ส่วนประกอบสถาปัตยกรรมอยู่ระหว่างการประกอบชิ้นส่วน และเริ่มส่งมาติดตั้ง ณ สถานที่ก่อสร้าง
ด้านงานภูมิสถาปัตยกรรม เริ่มปรับผิวดินภายในบริเวณมณฑลพิธี โดยมีการประสานไปยังมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อขอยืมกังหันน้ำชัยพัฒนามาติดตั้ง รวมถึงประสานขอความอนุเคราะห์ไม้ดัดอย่างไทยโบราณ และเขามอจากวัดคลองเตยใน และได้รับการสนับสนุนดอกไม้สีเหลืองเพิ่มเติมจากโครงการหลวง
ขณะที่การดำเนินงานในส่วนอื่น ๆ เช่น ประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ จิตรกรรมฉากบังเพลิง การจัดสร้างพระโกศจันทร์ และช่อไม้จันทร์ การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ มีความคืบหน้าแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอาหารมื้อเย็นทุกวัน ๆ ละ 500 กล่อง แก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และจิตอาสา ผู้ปฏิบัติงานพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระเมรุมาศสมเด็จพระนารายณ์ฯ ใหญ่สุด สูงเท่าตึก 40 ชั้น
“หลายครั้งสื่อมวลชนมักถามว่า การก่อสร้างพระเมรุมาศในการถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใหญ่ที่สุดหรือไม่ ขอตอบว่าไม่ใช่”
นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวในการบรรยายโครงการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรม เรื่องพระราชพิธีและพระเมรุมาศในพระบรมศพและพระศพ ณ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี
ก่อนขยายความว่า ในอดีตนั้นเคยมีการก่อสร้างพระเมรุมาศใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา คือ พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีความสูง 80 เมตร เทียบเคียงได้กับพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
หรือพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีความสูง 120 เมตร เทียบเคียงได้กับตึกสูง 40 ชั้น และยังพบว่า พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ 1-4 กรุงรัตนโกสินทร์ มีความสูงถึง 80 เมตร เช่นกัน
(พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเมรุมาศตามแบบโบราณราชประเพณีองค์สุดท้าย/ที่มาhttp://www.kmac-kmutt.org )
จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระราชบัญญาแจ้งชัด ไม่ประสงค์จะให้ก่อสร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่ ทำให้การก่อสร้างพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพพระองค์มีขนาดย่อมลง โดยไม่มีพระเมรุมาศองค์นอกครอบทับเหมือนที่ผ่านมา
เหลือเป็นทรงอาคารผังสี่เหลี่ยมจตุรัส เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ทรงบุษบก” เพราะฉะนั้น พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงยึดการออกแบบเหมือน รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 8 แตกต่างกันที่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น
“กรมศิลปากรกำชับช่างทุกคนให้ตระหนักว่า การออกแบบพระเมรุมาศต้องให้มีความสมพระเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้ โดยแบบที่ออกมา ไม่ว่าคนเป็นช่าง หรือไม่เป็นช่าง ควรสัมผัสได้ด้วยสายตา และเห็นว่า ‘สมพระเกียรติ’ ” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว
จำลองเขาพระสุเมรุ ถวายพระเกียรติสูงสุด
การออกแบบพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นอกเสียจากจำลองมาจากพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ในอดีตแล้ว ยังยึดหลักคติไตรภูมิกถา (ไตรภูมิพระร่วง) ที่เชื่อว่า พระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพ พระเมรุมาศองค์นี้จึงสร้างเลียนแบบเขาพระสุเมรุ
ข้อมูลจากสารานุกรมไทย ของ อุทัย สินธุสาร ระบุว่า เขาพระสุเมรุมีสีทอง เรียกว่า ภูเขาทอง หรือ เหมคีรี ตั้งอยู่ท่ามกลางจักรวาล ลึกหยั่งลงในสีทันดรมหาสมุทรถึงเขาตรีกูฏ 8.4 หมื่นโยชน์ สูงพ้นน้ำถึงยอด 8.4 หมื่นโยชน์ วัดรอบได้ 2.52 แสนโยชน์ มีสัณฐานเหมือนตะโพน เต็มไปด้วยแก้วงามวิจิตรมากมาย ต่างแข่งขันกันทอประกายแสงสวยงาม
(เเผนที่โบราณเเสดงภาพเขาพระสุเมรุล้อมรอบด้วยเขาสัตตบริภัณฑ์ มีน่านน้ำสีทันดรระหว่างเขาทั้ง 7)
ทั้งนี้ เขาพระสุเมรุตามหลักไตรภูมิกถานั้น จะต้องล้อมรอบด้วยสัตตบริภัณฑ์ ประกอบด้วย
เขายุคนธร มีสัณฐานเป็นคันขอบล้อมรอบเขาพระสุเมรุ เปรียบดุจกับกำแพงแก้วล้อมพระเจดีย์ ทรงไว้ซึ่งพระจันทร์และพระอาทิตย์
เขาอิสินธร ล้อมรอบชั้นที่ 2 เป็นที่ตั้งแห่งทิพยวิมานของมหิศรเทพบุตร
เขากรวิก ล้อมรอบชั้นที่ 3 มีนกการเวกอยู่มาก
เขาสุทัสสนะ ล้อมรอบชั้นที่ 4 มีทิพยโอสถว่านยามาก
เขาเนมินธร ล้อมรอบชั้นที่ 5 มีสัณฐานเหมือนกงรถ ทรงไว้ซึ่งปทุมชาติดอกใหญ่
เขาวินันตกะ ล้อมรอบชั้นที่ 6 เป็นที่อยู่ของมารดาพญาครุฑ
เขาอัสกัณ ล้อมรอบชั้นที่ 7 มียอดเขาเหมือนหูม้า มีต้นกำยานมาก
ภูเขาทั้ง 7 ลูกนั้น จะมีน่านน้ำสีทันดรคั่นอยู่ระหว่างภูเขา เสมือนขั้นบันได
(พระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช)
อธิบดีกรมศิลปากร บอกว่า การสร้างพระเมรุมาศตามหลักไตรภูมิกถา อาจมีความยากตรงการจำลองสร้าง ‘น่านน้ำสีทันดร’ เพราะการทำเป็นทะลลำบาก จึงใช้วิธีขุดสระน้ำโดยรอบ และบนส่วนพื้นชาลาจะประดิษฐานสัตว์หิมพานต์ เทพเทวดา สัตว์ประจำทิศ ไปด้วย
“การก่อสร้างในครั้งนี้ถวายอย่างสมพระเกียรติ ยึดหลักรูปแบบพระเมรุมาศ และนำเรื่องราวคติความเชื่อมาเป็นรายละเอียดในการก่อสร้าง”
ส่วนมีหลายคนตั้งคำถามว่า การก่อสร้างพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพในครั้งนี้ แตกต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมาอย่างไร นายอนันต์ ตอบว่า พระเมรุมาศองค์นี้เป็นการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ ดังนั้นรูปแบบการก่อสร้างจะต้องเทียบเคียงกับพระมหากษัตริย์เท่านั้น
ส่วนที่ผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษ นับตั้งแต่พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 แล้ว ล้วนแต่จะเป็นสตรีทั้งสิ้น
กล่าวคือ พระเมรุสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า, พระเมรุสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7, พระเมรุสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนินี, พระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงนับเป็นอีกหนึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ชาติไทย
ส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์ .