- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ความหวัง...ฟื้นคลองให้มีชีวิต ฟื้นวิถีคนริมน้ำ
ความหวัง...ฟื้นคลองให้มีชีวิต ฟื้นวิถีคนริมน้ำ
วิถีชีวิตของคนกรุงเทพมหานครผูกพันกับแม่น้ำมาตั้งแต่อดีต ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มตอนปลายแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการเกษตร มีการขุดลอกคูคลองหลายสายเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการอุปโภค บริโภค นอกจากนี้ยังถูกใช้ในการระบายน้ำ และคมนาคมขนส่ง
“การสร้างคลองเรียกได้ว่า เป็นการพัฒนาเมืองด้วย เพราะเป็นการขยายพื้นที่เกษตร” นายสุรจิต ชิรเวทย์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการทรัพยากรน้ำ ในคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้คุ้นเคยและเชี่ยวชาญเรื่องคลองเป็นอย่างดี อธิบายความสำคัญของคลองที่มีมาตั้งแต่ครั้งอดีต
ก่อนจะเล่าต่อว่า ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการขุดคลองที่มีชื่อคลองจองกัน อย่าง “เจดีย์บูชา มหาสวัสดิ์ ภาษีเจริญ ดำเนินสะดวก” ซึ่งเป็นคลองแนวขวางจากฝั่งตะวันออก ไปยังฝั่งตะวันตก เพื่อการคมนาคมขนส่ง และเป็นแนวป้องกันน้ำท่วม
ด้วยเหตุที่มีเส้นทางระบายน้ำมากมายนี่เอง ทำให้ปัญหาน้ำท่วมในอดีตนั้นไม่รุนแรง และสร้างความเสียหายให้กับชาวกรุงเทพฯ มากนัก
ทว่า...ปัจจุบัน นายสุรจิตมองว่า คลองส่วนใหญ่นั้นตายแล้ว ไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
วิถีชีวิตคนเปลี่ยน คนในเมืองไม่ใช่เกษตรกร หรือชาวสวน จึงมีการปรับเปลี่ยน ..บ้านเรือนจากเดิมที่หันหน้าหาคลอง อยู่ตามชายฝั่ง เป็นที่ตั้งถิ่นฐาน อยู่ร่วมกับน้ำ ก็เปลี่ยนเป็นหันหลังให้คลอง หันหน้าเข้าหาถนน ...
คลองแปรเปลี่ยนเป็นที่ระบายของเสีย การสะสมของเน่าเสียไปเรื่อยๆ เมื่อการขุดลอก ไม่มี การบุกรุกก็เพิ่มถมเข้าไป สภาพแม่น้ำเล็กๆจะตายแหล่ไม่ตายแหล่
ชีวิตไม่ได้ผูกพันกับสายน้ำแล้ว …. คลองที่เคยมีความสำคัญก็ถูกละเลย
กระทั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หากไม่มีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่เกิดขึ้น เชื่อได้ว่า คนเมืองหลวงคงไม่มีใครหวนกลับมานึกถึงความสำคัญของคูคลองอีกครั้งเป็นแน่
แล้วเราคงจะไม่ได้เห็นภาพนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ลงพื้นที่เปิดโครงการขุดลอกคลองลำรางและท่องระบายน้ำในพื้นที่ กทม. ของกองทัพบกอย่างเป็นทางการ ณ ริม “คลองภาษีเจริญ”
ภาพคลองภาษีเจริญวันนี้จึงเปลี่ยนไป นอกจากเรือที่แล่นผ่านไปมาแล้ว ยังมีรถตักโกยบนทุ่นลอยกลางน้ำ พร้อมเครื่องไม้เครื่องมือขนาดใหญ่จอดอยู่กลางน้ำ คอยคำสั่งจากเหล่าทหารหาญให้ลงมือปฏิบัติภารกิจ
สำหรับเรื่องนี้ ผู้ที่รู้เรื่องคูคลองเป็นอย่างดี มองเห็นอุปสรรคในการขุดลอก พร้อมกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า เครื่องมือที่มีขนาดใหญ่นั้น อาจใช้ได้สำหรับคลองสายหลักเท่านั้น แต่กับ "คลองย่อย คลองซอย" จะทำงานลำบาก
นอกจากนี้ สองฝั่งคลองที่บ้านเรือนปลูกชิดติดคลอง ไม่มีระยะถอยร่น ทำให้แม้จะขุดลอกดิน ตะกอนได้ แต่ก็ไม่มีที่เก็บดิน
“อาจจะต้องใช้วิธีดูด เพราะดูดขึ้นมาเป็นน้ำ 60% และเนื้ออีก 40% เหล่านี้อยู่ในน้ำเป็นของเสีย แต่เมื่อนำขึ้นมาสามารถกลายเป็นปุ๋ยได้ ทีนี้ก็หาวิธีเชื่อมโยงกับชุมชนรอบนอก ที่อยากจะใช้สำหรับการเกษตร แล้วก็เอาดินให้พวกเขาไป” ส.ว.สุรจิต เสนอแนวคิดไว้อย่างน่าสนใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่กองทัพบกได้รับงบประมาณจากรัฐบาลให้มีส่วนร่วมบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ และกทม.ในการขุดลอกคูคลองและลำรางสาธารณะ ทั้งสิ้น 227 สาย ใน 27 เขตของกทม.ระยะทาง 563 กม. ก็ยังคงดำเนินต่อเพื่อบรรลุเป้าหมาย ในการรองรับปริมาณน้ำฝนที่อาจท่วมขังในพื้นที่ และเพื่อระบายน้ำจากคลองสายรองไปสู่แม่น้ำสายหลัก ก่อนที่จะไหลออกสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ตามกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ก่อนฤดูฝนจะมาถึง
เห็นอย่างนี้แล้ว...ก็คงพอทำให้ชาวบ้านริมคลองมีความหวัง และอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง
.... เช่นเดียวกับป้าแต๋ว ชาวบ้านริมคลองภาษีเจริญ ที่เห็นการทำงานขุดลอกคูคลองของทหารมาตั้งแต่วันแรกๆ โดยแกออกตัวว่า เห็นอย่างนี้แล้ว ก็คงพอจะช่วยได้เยอะ ให้น้ำไม่ท่วม “มาขุดแล้วก็ดีขึ้น คุณภาพน้ำที่ดี ปลาก็เยอะขึ้น เพราะถ้าไม่ขุดน้ำก็จะเน่า”
ตลอดหลายสิบปีที่อาศัยอยู่ริมคลองภาษีเจริญแห่งนี้ ป้าแต๋วเห็นความเปลี่ยนแปลงของคลองสายนี้มาก็มาก แต่เรื่องราวในอดีตยังตราตรึง แกเล่าให้เห็นภาพเป็นฉากๆ ที่เมื่อสมัยก่อนนั้นสองฝั่งคลองเป็นพื้นที่ชนบท ทำสวนใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย ผู้คนที่อาศัยก็มีไม่มาก
“เดินไปนานๆจะเจอสักหลังหนึ่ง ไฟฟ้าก็ไม่มีต้องใช้จุดตะเกียงตามบ้านเอา มีเรือเป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปมาหาสู่กันเสมอ เพราะยังไม่มีถนนตัดผ่านเหมือนสมัยนี้ ส่วนเด็กๆเองก็อาศัยคลองแห่งนี้ว่ายน้ำ กระโดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน”
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน หลายสิ่งที่ในการดำเนินชีวิตเริ่มเปลี่ยน บ้านเรือนที่เคยเห็นบางตา บัดนี้กลับหนาแน่น ขยับขยายกลายเป็นชุมชน มีถนน มีสะพาน นำความเจริญมาสู่คนริมคลอง
ขณะที่รอบตัวเริ่มพัฒนา หลายสิ่งในอดีตก็เริ่มเลือนหาย เรือโยงที่เคยแล่นผ่าน ป้าแต๋ว บอกว่า ปัจจุบันแทบไม่มีให้เห็นแล้ว น้ำในคลองที่เคยใสสะอาด กลับกลายสภาพเปลี่ยนเป็นสีดำ ขยะลอยเกลื่อน...
“ครั้งสุดท้ายที่เห็นการขุดลอกคลองก็เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่มีการขุดลอกคูคลองกันอีกเลย”...เป็นเสียงยืนยันจากปากพี่ต้อย ชาวบ้านริมคลองภาษีเจริญอีกคน ที่เล่าให้ฟัง
เธอบอกว่า ครั้งนั้นการขุดลอกคลอง จะใช้ระบบท่อที่จะดูดทั้งน้ำและดินออกไปพร้อมกัน ดินที่ดูดขึ้นมากองไว้ คนแถวย่านนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพชาวสวน ก็จะแย่งกัน เพราะดินที่ดูดขึ้นมา มันช่วยให้ต้นไม้เจริญงอกงามดี
...ที่พอจะเห็น ก็มีบ้างที่หน่วยราชการ เทศบาล มาทำความสะอาด เก็บขยะมูลฝอยเป็นครั้งคราวเท่านั้น จนกระทั่ง เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา คนริมคลอง
ภาษีเจริญอย่างเธอ ก็เพิ่งเห็น เขามาตื่นตัว เข้ามาขุดลอกคลองกันครั้งนี้นี่แหละ
"เมื่อก่อนคลองจะมีขนาดกว้างกว่านี้มาก ผักตบชวาก็ไม่มี ยังว่ายน้ำเล่นข้ามไปข้ามมาได้ แต่ปัจจุบันนี้เล่นไม่ได้แล้ว ช่วงเช้าๆ ขยะจะลอยมากับแม่น้ำ และระยะหลังๆ ก็สังเกตเห็นชัด น้ำไหลช้าลง คาดว่า สาเหตุหนึ่งมาจากการขยับขยายบ้านเรือน เมื่อจำนวนคนมากขึ้น การเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่ริมคลองก็มีมากขึ้นตามไปด้วย จากครอบครัวที่เคยเป็นครอบครัวเล็กๆ ก็ขยับขยายเป็นครอบครัวใหญ่"
ปัญหาชุมชนรุกล้ำคลองจึงมีปรากฏให้เห็น และยังไม่มีใครสามารถจัดการได้ วันนี้จึงทำได้แต่เพียงขอความร่วมมือในการเข้าไปขุดลอกคูคลองก่อน
แม้ว่าเรื่องของน้ำท่วม สำหรับคนริมคลองแล้วดูจะเป็นของคู่กัน หลายครอบครัวเคยผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมาหลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับปีที่ผ่านมา หนักหนาสาหัสเอาการ แต่ละคนแต่ละบ้าน เสียหายกันเยอะ เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีอะไรเหลือกันเลย พี่ต้อย ถอนหายใจ พร้อมกับบอกว่า "ก่อนนี้หลายปีท่วมก็ท่วมไม่มากเท่าไหร่ ยังสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่มาเยอะแบบปี 2554 นี่แหละ ไม่ไหว พอมาจริงๆเข้าหนีกันแทบไม่ทัน"
แน่นอนว่า หลังจากนี้ ไปอีก 3 เดือนภาพคลองในเมืองกรุง อาจไม่ได้เงียบสงบดังแต่ก่อน แต่นั้นก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนริมคลอง เพราะหากรัฐบาลสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ตามแผนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งระบบที่ต้องบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ มาจนถึงปลายน้ำแล้วนั้น... คงไม่ใช้เพียงช่วยกันป้องกันปัญหาอุทกภัยได้เท่านั้น
แต่ยังเป็นการทำให้คลองได้ใช้งานและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ....
แบ่งงานขุดลองคลอง
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ คณะรัฐมนตรีรับทราบการแบ่งงานขุดลองคลองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้การบูรณาการความรับผิดชอบระหว่างกรุงเทพมหานคร และ 9 กระทรวง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม สำหรับการขุดคลองของส่วนราชการให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) พิจารณาต่อไป และให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนการบริหารการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (กบภ.) ทำหน้าที่ประสานงานและติดตามการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครร่วมกับสำนักงาน กยน. และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกระยะ
สำหรับสาระสำคัญของผลการประชุมปรึกษาหารือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่า รัฐบาลจะช่วยกรุงเทพมหานครดำเนินการป้องกันน้ำท่วมเกี่ยวกับการขุดลอกคลอง การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ การออกแบบและติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ การเชื่อมโยงระบบเตือนภัย รวมถึงการจัดทำแผนเผชิญเหตุและคลังเครื่องมือเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
การแบ่งงานขุดลอกคลองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยู่ภายใต้หลักการที่รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงที่มีขีดความสามารถเข้าไปช่วยดำเนินการ โดยจะขุดลอกคลองในพื้นที่ ทั้งสิ้น 43 คลอง 48 รายการ ภายใต้การบูรณาการความรับผิดชอบการขุดลอกคลองระหว่างกรุงเทพมหานคร และ 9 กระทรวง สรุปดังนี้
1. การแบ่งงานขุดลอกคลองหลัก 29 แห่ง รวม 29 รายการ ได้แก่
1) กรุงเทพมหานคร 19 คลอง
2) กระทรวงกลาโหม 5 คลอง
3) กระทรวงมหาดไทย 1 คลอง
4) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1 คลอง
5) กระทรวงสาธารณสุข 2 คลอง
6) กระทรวงแรงงาน 1 คลอง โดยกรุงเทพมหานครโอนงบประมาณให้ส่วนราชการดำเนินการ
2. การขุดลอกคลองเพิ่มเติม 14 แห่ง และขยายความยาวของการขุดลอกคลองหลักเดิม 5 คลอง รวม 19 รายการ ได้แก่
1) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 คลอง
2) กระทรวงกลาโหม 10 คลอง
3) กระทรวงมหาดไทย 1 คลอง
4) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 คลอง
5) กระทรวงคมนาคม 1 คลอง
6) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3 คลอง