สถานะล่าสุด บ.คดีฉ้อโกงแบงก์ 3.4 พันล. ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ 11 ราย กลุ่มเดียวกันหมด

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 17 มิถุนายน 2561 เวลา 15:28 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | การทำผิดของเอกชน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ตรวจสอบสถานะล่าสุด บ. คดีฉาวฉ้อโกงแบงก์ 3.4 พันล. นิติบุคคลถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ 11 ราย ล่าสุดคิว บ.เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ - เฟิสท์ พลาสติก มาร์เก็ตติ้ง พร้อม 2 กก.หญิงสาว ธ.ทหารไทยเจ้าหนี้รายใหญ่ กลุ่มเดียวกันหมด

picghhhhhhhhh17 6 18

คดีบริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด กับพวก ใช้เอกสารปลอมกู้เงินจากสถาบันการเงิน 3.4 พันล้าน โดยอ้างดำเนินธุรกิจการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เป็นเท็จ เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง เกี่ยวข้องกับบุคคลและนิติบุคคล 56 ราย ต่อมา ลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคล 9 รายถูกสถาบันการเงิน เจ้าหนี้ ฟ้องล้มละลายและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้ว

ล่าสุด บริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด และ บริษัท เฟิสท์ พลาสติก มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นลูกหนี้อีก 2 รายที่ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดด้วยเช่นกัน

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2561 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด กับพวกรวม 4 ราย ได้แก่ บริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด จำเลยที่ 1 น.ส.สุวรรณี ศุภรัตน์ภมร จำเลยที่ 2, น.ส.พรธิภา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 3, บริษัท เฟิสท์ พลาสติก มาร์เก็ตติ้ง จำกัด จำเลยที่ 4 เด็ดขาด โดยมี ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 28 ก.ย.2560 ให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้ง 4 เด็ดขาด คดีหมายเลขแดงที่ ล.4291/2560

บริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 3 ต.ค.2545 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท (ล่าสุด 40 ล้านบาท) ประกอบกิจการขาย ซ่อมแซม ดัดแปลง ปรับปรุงคอมพิวเตอร์ จอคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนต่างๆ ของอุปกรณ์ ที่ตั้งเลขที่ 4,6 ซอยกรุงเทพกรีฑา 33 แยก 1 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร นายสมเกียรติ ศุภรัตน์ภมร เป็นกรรมการ ต่อมาจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ ผู้ถือหุ้น และที่ตั้ง หลายครั้ง

1 ส.ค.2554 มีกรรมการ 3 คนคือ น.ส.พรธิภา แซ่เฮ้ง น.ส.สุวรรณี ศุภรัตน์อมร และ น.ส.วิชุดา วีระจิตรเทวินทร์ 11 พ.ย.2554 มีกรรมการ 2 คน คือ น.ส.พรธิภา แซ่เฮ้ง และ น.ส.สุวรรณี ศุภรัตน์อมร

30 เม.ย.2555 น.ส.สุวรรณี ศุภรัตน์อมร ถือหุ้นใหญ่ 280,000 หุ้น น.ส.พรธิภา แซ่เฮ้ง 100,000 หุ้น นายสมชัย ศุภรัตน์ภมร 20,000 หุ้น แจ้งงบการเงินรอบปี 2555 รายได้ 2,743,058,190 บาท กำไรสุทธิ 61,387,275 บาท สินทรัพย์ 1,011,552,523 บาท หนี้สิน 801,530,520 บาท กำไรสะสม 170,022,003 บาท (อ่านประกอบ:ดูชัดๆ 2 หุ้นใหญ่ คดีปลอมเอกสารกู้แบงก์ 3.4 พันล.- แจ้งงบฯรายได้ 2.7 พันล.)

บริษัท เฟิสท์ พลาสติก มาร์เก็ตติ้ง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 25 ก.ย. 2545 ทุน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 2707,2709 ถ.พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทฯ มีนายประวิทย์จง แซ่เฮ้ง อายุ 28 ปี (ขณะนั้น) อาชีพรับจ้าง เป็นกรรมการผู้ก่อการจดทะเบียนและถือหุ้นใหญ่ โดยมี น.ส.รุ่งนภา แสงศิริ และ น.ส.อมรรัตน์ บุญโชติ ลงลายมือชื่อเป็นพยาน นับจากก่อตั้งจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการอย่างน้อย 10 ครั้ง ปัจจุบัน นายสมจินต์ ศุภรัตน์ภมร เป็นกรรมการ มีผู้ถือหุ้น 3 คนคือ นายสมจินต์ ศุภรัตน์ภมร 45,000 หุ้น (90%) นายไกรทอง เศรษฐาไชย นายบุญเหลือ แก้วไสย์ คนละ 2,500 หุ้น(5%) รวม 50,000 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท แจ้งงบการเงินล่าสุดรอบปี 2555 รายได้ 181,069,052 บาท กำไรสุทธิ 6,223,927 บาท สินทรัพย์ 61,561,070 บาท หนี้สิน 32,127,904 บาท กำไรสะสม 24,433,166 บาท (อ่านประกอบ: 1 ใน 25 บ.คดีฉ้อโกง ธ.ทหารไทย 3.4 พันล.เปลี่ยน กก.10 หน-ถูกสอบทรัพย์สิน 7 คน)

บริษัทที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารทหารไทยและเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง 3.4 พันล้านบาท ถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนหน้านี้ จำนวน 8 ราย ได้แก่ บริษัท โชคธนัท โลหะเจริญ จำกัด,บริษัท รัซเซล ไบซิเคิล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ,บริษัท สำนักงาน เจริญการบัญชีและคอมพิวเตอร์ จำกัด ,บริษัท ซี ดับเบิ้ล จี จำกัด ,บริษัท บี.ที.พริ้นท์ติ้ง จำกัด ,บริษัท นีโอพลาสติก เคมีคอล จำกัด หรือบริษัทนีโอพลาสติก ,บริษัท พารากอนดอท คอม จำกัด และ บริษัท โกลเด้น พี จำกัด และ

1 ราย คือ บริษัท อาร์ จี บี คอม (ไทยแลนด์) จำกัด บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นเจ้าหนี้ และ ถูก บสย. ฟ้องต่อศาลละลายกลางล้มละลายเมื่อ 22 มิ.ย.2560

คดีฉ้อโกงสถาบันการเงิน 3.4 พันล้านบาท มีเอกชนเกี่ยวข้องประมาณ 56 ราย โดยมี 2 หน่วยงาน เป็นผู้ตรวจสอบ ได้แก่

1.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง. ) สั่งอายัดทรัพย์ จำนวน 35 ราย แบ่งเป็น บุคคล 10 ราย และ นิติบุคคล 25 ราย (นิติบุคคลซ้ำซ้อนกัน 1 ราย)

2. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งให้กรมที่ดินตรวจสอบการถือครองอสังหาริมทรัพย์ รวม 42 ราย จำแนก เป็นบุคคล 27 รายและ นิติบุคคล 15 ราย (ส่วนหนึ่งเป็นรายชื่อซ้ำซ้อนกับรายชื่อของ ปปง.)

นี่คือสถานะล่าสุดของเอกชนที่พัวพันกับคดีฉ้อโกงเงิน 3.4 พันล้าน