ก่อนรวมเสียงตั้ง รบ.! เปิดชนักติดหลัง 3 พรรคดัง ‘พท.-อนค.-พปชร.’ ถูกฟ้อง-กกต.สอบ

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 16 เมษายน 2562 เวลา 12:46 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | เกาะติดเลือกตั้ง 2562

Tags

พรรคอนาคตใหม่ | พรรคพลังประชารัฐ | กกต. | ป.ป.ช. | พรรคเพื่อไทย

พลิกข้อมูล ‘ชนักติดหลัง’ 3 พรรคการเมืองดังซาวด์เสียงจัดตั้งรัฐบาล ‘เพื่อไทย’ อ่วมโดนสอบปม ‘คนนอก’ ครอบงำพรรค-แกนนำถูกกล่าวหาปลุกปั่นปมแถลง 4 ปี คสช.เหลว ‘อนาคตใหม่’ 2 ผู้นำพรรค ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ เป็นตำบลกระสุนตก โดนทั้ง ม.116-ปมโอนหุ้น-วิจารณ์ศาล รธน. ส่วน ‘พลังประชารัฐ’ โดนไล่บี้สอบปมมี จนท.รัฐมาร่วมงานโต๊ะจีนหรือไม่

PIC chanak 16 4 62 1

เทศกาลสงกรานต์จบลงแล้ว แต่สถานการณ์การเมืองยังไม่จบ กลับเพิ่มอุณหภูมิร้อนแรงกว่าที่ผ่านมา ๆ

แม้ว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ และนายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา แกนนำปีก กปปส. ภายในพรรคประชาธิปัตย์ จะออกมาปฏิเสธกระแสข่าวว่า อยู่ระหว่างการดีลกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำว่าที่ ส.ส. ไปร่วมเครือจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม แต่กระแสข่าวดังกล่าวไม่ได้จางหายไปจากวงสนทนาซุบซิบของพรรคการเมืองต่าง ๆ

อย่างที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำเสนอไปแล้วว่า ปัจจัยสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลได้ นอกเหนือจากการดีลกันระหว่างพรรคการเมืองที่เป็นเรื่องปกติแล้ว ยังมีปัจจัยพิเศษอีก 2 กรณีคือ 1.การใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย เพราะทั้งนักวิชาการ นักการเมือง กูรูคณิตศาสตร์การเมืองทั้งหลาย ต่างใช้คนละสูตรกัน ทำให้จำนวน ส.ส. ไม่นิ่ง และ 2.คดีความที่เป็นชนักติดหลังของพรรคการเมืองแต่ละแห่ง ที่ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน (อ่านประกอบ : เช็คเสียงจัดตั้งรัฐบาล พปชร. VS เพื่อไทย-อนค. 239 เท่ากัน‘งูเห่า’ ตัวแปรสำคัญ?)

โดยเฉพาะปัจจัยที่ 2. ที่อาจเป็นจุด ‘ชี้ขาด’ ในการ ‘พลิกขั้ว-ย้ายข้าง’ จัดตั้งรัฐบาลกันได้เลยทีเดียว ?

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปข้อเท็จจริงให้ทราบ ดังนี้

(นายวัฒนา เมืองสุข นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายชูศักดิ์ ศิรินิล แถลงข่าว 4 ปี คสช. ที่พรรคเพื่อไทย ภาพจาก mthai)

หนึ่ง พรรคเพื่อไทย

แม้ขณะนี้แกนนำพรรคส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบ มีเพียงโฆษกพรรค และเลขาธิการพรรคออกมาให้ข่าวบ้างประปราย มีเพียงการจี้ให้สำนักงาน กกต. เปิดเผยผลการนับคะแนน ส.ส. และการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น แตกต่างจากช่วงปลายเดือน มี.ค. 2562 ที่ลงนามสัตยาบัน 6 พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างมาก ?

คดีความสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงถึงขั้น ‘ยุบพรรค’ ได้นั่นคือ กรณีมี ‘คนนอก’ เข้ามาครอบงำพรรคหรือไม่ โดยมีการกล่าวหาร้องเรียนว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาล้วงลูกการทำงานของพรรค ทั้งที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ระบุฐานความผิดว่า หากยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิก กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำพรรคการเมือง เข้าข่ายถูกส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคได้

ปัจจุบันกรณีนี้สำนักงาน กกต. รับเรื่องไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐาน และคลิปวีดีโอของนายทักษิณที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศ หรือคลิปต่าง ๆ ที่ออกมาโพสต์ในช่วงก่อน และหลังการเลือกตั้งว่า มีลักษณะครอบงำพรรคหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีกรณีแกนนำ และอดีตแกนนำพรรค 3 ราย ได้แก่ นายวัฒนา เมืองสุข นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย สวมหมวกอีกใบเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนายจาตุรนต์ ฉายแสง เมื่อครั้งเป็นแกนนำพรรค ก่อนย้ายไปอยู่ ‘พรรคแบงก์ย่อย’ อย่างไทยรักษาชาติ (ทษช.) และพรรคโดนยุบในเวลาต่อมา

ทั้ง 3 ราย ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร้องเรียนกล่าวหาว่า ทำการยุยงปลุกปั่นในการแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล และ คสช. เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2561 ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการ มีการเลื่อนสั่งฟ้องมาแล้ว 4 ครั้ง เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาร้องเรียนขอความเป็นธรรม และขอให้อัยการสอบสวนเพิ่มเติม

ส่วนคดีต่าง ๆ ที่เหลือเป็นพวกบรรดาอดีต ส.ส. ที่ถูกไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นคดีเฉพาะตัว เช่น คดีผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับเหมาเข่ง มีอดีต ส.ส. 40 ราย ถูกกล่าวหา และอยู่ระหว่างการไต่สวน เป็นต้น

(นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชู 3 นิ้วเข้าพบ พนง.สอบสวน สน.ปทุมวัน สู้คดียุยงปลุกปั่น มีตัวแทนทูตสังเกตการณ์จำนวนมาก ภาพจาก bbc thai)

สอง พรรคอนาคตใหม่

กำลังโดนมรสุมอย่างหนัก กลายเป็น ‘ตำบลกระสุนตก’ ทั้งในโลกออนไลน์ และโลกความจริง โดยเฉพาะการกล่าวหาตัวบุคคลระดับหัวหน้าพรรคอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีเมื่อปี 2558 กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยหน้าหอศิลป์ ปทุมวัน กทม. นำโดยนายรังสิมันต์ โรม (ปัจจุบันเป็นว่าที่ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่) ซึ่งมีนายธนาธรเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ต่อมานายรังสิมันต์ ถูกออกหมายจับ แต่ฝ่าย คสช. กล่าวอ้างว่า นายธนาธรนำรถตู้มารับนายรังสิมันต์หลบหนี จึงโดนฐานยุยงปลุกปั่น ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และให้ที่พักพิงผู้ต้องหา ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 โดยนายธนาธรเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ท่ามกลางตัวแทนสถานทูตต่างประเทศหลายแห่งมาร่วมสังเกตการณ์

นอกจากนี้ ‘พ่อของฟ้า’ ยังถูกตั้งข้อสังเกตถึงกรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่เจ้าตัวอ้างว่า โอนหุ้นให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 อย่างไรก็ดีสำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้แจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ภายหลังการรับสมัคร ส.ส. (ระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ. 2562) อาจส่งผลให้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญได้

ขณะนี้สำนักงาน กกต. ตั้งคณะกรรมการช่วยตรวจสอบฯขึ้นมาไต่สวนอย่างเป็นทางการ มีผู้ทรงคุณวุฒิ 7 รายเป็นกรรมการ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน วางกรอบการทำงานคร่าว ๆ ขีดเส้นเสร็จก่อนวันที่ 9 พ.ค. 2562 หรือวันประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

ส่วนเลขาธิการพรรคอย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ถูกบางฝ่าย ‘ขุดอดีต’ สมัยเป็นนักวิชาการบรรยายผ่านสารพัดเวทีเกี่ยวกับประเด็นที่อาจ ‘หมิ่นเหม่’ อย่างหนัก ส่วนที่เป็นคดีคือถูก คสช. แจ้งความกล่าวหาว่า การออกแถลงการณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาตินั้น เป็นการหมิ่นศาล และผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยถูกกองบังคับการปราบปรามการทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปอท.) เรียกเข้าพบในวันที่ 17 เม.ย. 2562 นี้ เบื้องต้นมีการยืนยันข้อมูลว่า นายปิยบุตร จะเดินทางไปเข้าพบเจ้าหน้าที่ ปอท. อย่างแน่นอน และอาจมีตัวแทนสถานทูตต่างประเทศหลายแห่งมาร่วมสังเกตการณ์เหมือนกรณีนายธนาธร

(ภาพแผนผังงานโต๊ะจีน พปชร. ที่สำนักข่าวอิศราได้มาจากงานดังกล่าว แต่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ปฏิเสธว่าแผนผังที่เขามีไม่ได้เป็นไปตามนี้)

สาม พรรคพลังประชารัฐ

สำหรับพรรคการเมืองนี้ ตกเป็นข่าวคึกโครมตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 เมื่อสำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า ในการจัดงานระดมทุนโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ ปรากฏแผนผังงานว่า มีโต๊ะชื่อคล้ายหน่วยงานรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ คลัง ททท และ กทม มาร่วมด้วย รวม 33 โต๊ะ คิดเป็นมูลค่า 99 ล้านบาท อย่างไรก็ดีกระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานโต้โผจัดงานดังกล่าว ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปร่วมแต่อย่างใด

ประเด็นนี้ปัจจุบันสำนักงาน กกต. ตั้งคณะทำงานขึ้นมาไต่สวนอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน โดยรวบรวมข้อมูลจากคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ในงาน รวมถึงพยานหลักฐานอื่น ๆ ว่า ตกลงแล้วมีเจ้าหน้าที่รัฐมารวมงานจริงหรือไม่ หากมาร่วมงานจริง มาในฐานะอะไร ใช้เงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง อาจถูกไต่สวนจากสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ว่า มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เพราะโต๊ะจีนดังกล่าวตกที่นั่งละ 300,000 บาท (โต๊ะหนึ่ง 3 ล้านบาท) แต่ถ้าถูกเชิญมาร่วม อาจเข้าข่ายรับเงินเกิน 3,000 บาท ผิดตามระเบียบของสำนักงาน ป.ป.ช. หรือไม่ด้วย

ที่สำคัญหากสำนักงาน กกต. พบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐมาร่วมงานดังกล่าว ใครเป็นคนเชิญมา บรรดา 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ (ที่ขณะนั้นยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่ง) ใช้อำนาจหน้าที่ในสถานะรัฐมนตรี เรี่ยไรเงินบริจาคให้กับพรรคการเมืองหรือไม่ ประการใด นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องตรวจสอบ เพราะความผิดรุนแรงถึงขั้นอาจถูกยุบพรรคได้

นี่คือข้อเท็จจริงทางคดีที่เปรียบเสมือน ‘ชนักติดหลัง’ 3 พรรคการเมืองชื่อดัง ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลอยู่ตอนนี้

ท้ายที่สุดบทสรุปทางคดีจะเป็นอย่างไร คงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป!

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/