แฉพ่ออดีตรมช.รุกที่สวนผึ้งดีเอสไอพบรุกป่านับร้อยไร่
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เดินทางลงพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพื่อตรวจสอบกรณีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้กองทัพบมีหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ ขอให้พิจารณารับกรณีบุกรุกที่ดินที่ราชพัสดุในอ.สวนผึ้ง จ. ราชบุรี ของนายสมพงษ์ ชวาลตันพิพัทธ์ บิดาน.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ และนายวันชัย กาญจนเพ็ญ รองประธานสหกรณ์ผู้ปลูกสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดราชบุรี เป็นคดีพิเศษ และจากการสืบสวนของดีเอสไอพบว่ากรณีดังกล่าวมีมูลที่เชื่อได้ว่ามีการบุกรุกที่ดินราชพัสดุ อันเป็นที่ดินของรัฐโดยผิดกฎหมายจริง และได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2554
สำหรับนายสมพงษ์ พบการบุกรุก 2 พื้นที่คือ 1.ที่ดินบริเวณหุบพุบอน หมู่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยมีการยื่นขอเช่าพื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ เป็นที่ราบประมาณ 690 ไร่และเป็นที่ภูเขาประมาณ 800 ไร่ โดยเมื่อปี 2532 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเคยจับกุมผู้บุกรุกตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ดังกล่าวได้ 52 คน หลังการจับกุมไม่นานน.ส.นริศรา ได้ยื่นหนังสือขอเช่าพื้นที่จากธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการอนุมัติให้เช่า จนเมื่อปี 2550 นายสมพงษ์ บิดาน.ส.นริศรา ได้ขายพื้นที่ให้กับนางสุชา กลีบบัว กับพวก โดยทำสัญญาซื้อขาย แต่ภายหลังได้เกิดปัญหาข้อพิพาทเมื่อนางสุชากับพวก ยื่นเรื่องขอเช่าพื้นที่จากธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี แต่ได้รับการคัดค้านจากนายสมพงษ์ ที่อ้างสิทธิการครอบครองโดยยึดถือหนังสือคำขอเช่าพื้นที่ของ น.ส.นริศรา
อย่างไรก็ตาม กรมการทหารช่างที่เป็นผู้ดูแลและใช้ประโยชน์ในพื้นที่และธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีไม่ได้อนุญาตให้บุคคลทั้ง 2 เช่าพื้นที่ รวมทั้งได้มีหนังสือถึงนายสมพงษ์ ให้ออกจากพื้นที่ แต่พื้นที่ดังกล่าวได้ถูกแผ้วถาง และทำลายทรัพยากรป่าไม้เป็นเนื้อที่ประมาณ 690 ไร่ ทำให้รัฐได้รับความเสียหายถูกยึดถือครอบครองที่ดินและทรัพยากรป่าไม้ถูกทำลาย ทั้งนี้ ประเด็นความขัดแย้งการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวระหว่างนายสมพงษ์และนางสุชา จนต่อมาถูกลอบยิงจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 ก.ย.53 ได้ถูกนำมาพิจารณาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่นำไปสู่การฆาตกรรม โดยดีเอสไอได้รับคดีการเสียชีวิตของนางสุชาไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว เบื้องต้นศาลจังหวัดราชบุรี มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายชัชวาลย์ เกิดเกียรติกุล หรือติ ผู้ชี้เป้าสังหาร เป็นเวลา 33 ปี ส่วนผู้จ้างวานอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และ 2. ที่ดินบริเวณหุบพุหิน หมู่ 4 ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเดิมมี น.ส.ศิริอร ชวาลตันพิพัทธ์ บุตรสาวนายสมพงษ์ เป็นผู้ยื่นขออนุมัติเช่าในพื้นที่ราบ และได้รับอนุมัติจากธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่านายสมพงษ์ เป็นผู้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ ซึ่งต่อมามีการนำเครื่องมือหนักเข้าพื้นที่และทำการแผ้วถางทำลายทรัพยากรป่าไม้ ในพื้นที่ภูเขาส่วนที่เกินจากพื้นที่ได้รับอนุมัติเป็นเนื้อที่ประมาณ 176 ไร่
ส่วนนายวันชัย พบการบุกรุก 2 พื้นที่ คือ1. บริเวณหน้าศูนย์พักพิงบ้านถ้ำหิน หมู่ที่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เดิมเป็นที่ดินของบุคคลอื่นซึ่งทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณที่ราบเชิงเขา เนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ โดยเมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมานายวันชัยเข้ามาซื้อที่ดินดังกล่าว และบุกรุกเพิ่มเติมขึ้นไปบนภูเขารวมเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ จากนั้นได้ทำการแผ้วถางและเผาป่าเพื่อนำไปปลูกยางพาราจนเต็มพื้นที่ มีการทำบ่อพักน้ำก่ออิฐถือปูนบนยอดเขา มีการลงทุนนำท่อพีวีซีมาต่อเพื่อนำน้ำเข้าไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูก มีการตัดทางขึ้นภูเขาเพื่อให้รถยนต์สามารถเข้าพื้นที่ได้โดยสะดวก การกระทำดังกล่าวทำให้พื้นที่เขาซึ่งเป็นที่ดินที่ราชพัสดุและเป็นที่ดินของรัฐถูกยึดถือครอบครองและทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกแผ้วถางทำลายและเผาป่า ทั้งนี้ นายวันชัย ได้ยื่นคำขอเช่าพื้นที่ แต่กรมการทหารช่างและธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีไม่อนุญาตให้เช่าและได้มีหนังสือห้ามบุกรุกในพื้นที่ แต่นายวันชัยยังคงฝ่าฝืนบุกรุกอย่างต่อเนื่องและยังได้นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาปลูกยางพาราจนถึงปัจจุบัน และ 2.บริเวณบ้านพุว่าง หมู่ที่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เดิมเป็นที่ดินของบุคคลอื่นซึ่งทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณที่ราบเชิงเขา เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่เศษ แต่ช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา นายวันชัยได้เข้ามาขอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว และบุกรุกเพิ่มเติมขึ้นไปบนภูเขารวมเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จากนั้นได้ทำการแผ้วถาง เผาป่านำไปปลูกยางพาราเต็มพื้นที่ นายวันชัยเคยยื่นคำขอเช่าพื้นที่จากธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีแต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะเป็นพื้นที่เขาหรือภูเขา จึงได้มีหนังสือแจ้งให้นายวันชัยออกจากพื้นที่ แต่นายวันชัยไม่ยอมออกและยังคงฝ่าฝืนบุกรุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การกระทำของบุคคลทั้งสองนอกจากจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 เนื่องจากมีการยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐอันเป็นที่ดินที่ราชพัสดุ โดยมิชอบแล้วยังมีพฤติกรรมท้าทายอำนาจรัฐ มีการยิงอาวุธปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนด้วย