จ้างผู้สูงอายุ ลดภาษีได้ นโยบาย "ตกม้าตาย"

 “จ้างผู้สูงอายุต่ำกว่า  15,000 บาทต่อเดือน และอายุ 60 ปี ถามว่า เหลือกี่คน   คือผู้ใช้พละกำลังใช่หรือไม่ ขนาดคุณจบปริญญาตรียังเริ่มที่ 15,000 บาทต่อเดือนเลย การจ้างงานคนสูงอายุที่ใช้พละกำลัง เอกชนเขาก็ไม่จ้าง”

หลังจากราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 639) พ.ศ.2560 ให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้ แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่รับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าทำงาน  ซึ่งในมาตรา 4 ระบุ  ผู้สูงอายุ หนึ่งในคุณสมบัติ  ต้องเป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างอยู่ก่อนแล้ว   และยังมีการกำหนดรายจ่ายในการจ้างผู้สูงอายุต้องไม่เกินกว่า 15,000 บาทต่อเดือน

ประเด็นนี้ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับสังคมสูงวัย กล่าวตอนหนึ่งในเวทีการประชุมวิชาการที่ประชุมผู้บริหารองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ (ทอพ.) 16 องค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “ประชารัฐร่วมใจ สู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ” ถึงสังคมสูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น ขณะที่สุขภาพคนยังดีอยู่นั้นทำให้สามารถทำงานได้ยาวขึ้น 

"ปัญหาที่รัฐบาลนี้จับ ผมมองว่า พอมาได้ถูกทางแล้ว แต่กลับมาตกม้าตายสุดท้าย อย่าหาว่าผมมองโลกในแง่ร้ายเลย การที่รัฐบาลบอกว่า ต้องส่งเสริมให้ธุรกิจ นิติบุคคล บริษัทห้างร้านจ้างคนให้ยาวขึ้น ก็ดี ขึ้นต้นดีมาก จ้างคนให้ยาวขึ้นโดยสร้างแรงจูงใจว่า ถ้าคนอายุเกิน 60 ปี จะให้หักค่าจ้างได้สองเท่า ทำให้บริษัทห้างร้านอยากจ้างผู้สูงอายุ”  ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว และชี้ว่า แต่การที่รัฐไปเติมคำต่อไปนี้ ลองช่วยกันคิด "ผู้สูงอายุคนนั้นต้องเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน"  จบหรือไม่ เพราะเราแบ่งคนทำงานเป็นสองประเภท คือผู้ใช้กำลัง กับผู้ใช้ประสบการณ์ 

การจ้างผู้สูงอายุต่ำกว่า  15,000 บาทต่อเดือน และอายุ 60 ปี ดร.เจิมศักดิ์  ตั้งคำถามว่า เหลือกี่คน ถามว่า คือผู้ใช้พละกำลังใช่หรือไม่ ขนาดคุณจบปริญญาตรียังเริ่มที่ 15,000 บาทต่อเดือนเลย การจ้างงานคนสูงอายุที่ใช้พละกำลัง เอกชนเขาก็ไม่จ้าง

ประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับสังคมสูงวัย มองว่า การที่ในประกาศยกเว้นภาษีให้แก่บริษัทฯ  ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่รับคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าทำงาน เพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ ซึ่งมีผลเมื่อ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา “ต้องเป็นคนที่จ้างอยู่ก่อนแล้ว” แปลว่า จ้างคนใหม่ก็ไม่ได้  เขียนขึ้นต้นดีมาก เพื่อสนับสนุนโครงสร้างสังคมสูงวัย พอใส่เงื่อนไขกระทรวงการคลัง หวงเงินภาษีนิดเดียว ไม่มีอะไรเหลือเลย

“ผมอยากจะบอกว่า เวลาทำนโยบายมองภาพ ไม่มองทั้งหมด อย่าเล่นกิมมิกทางการตลาด ไทยแลนด์ 4.0 ทำให้ชาวบ้านเวียนหัวเล่น เราควรเอาเนื้อๆ มาพูดกันดีกว่าอะไรคือปัญหาจะแก้ไขกันอย่างไร”

ทั้งนี้ ดร.เจิมศักดิ์ เสนอให้ไปลบ เงื่อนไขที่ไปเติมออก เพราะได้ทำลายเป้าหมายของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ในฐานะที่จับเรื่องนี้เห็นเลยว่า กระทรวงการคลังไปคิดเล็กคิดน้อย ก็เลยทำให้นโยบายนี้เดินไม่ได้ 

ส่วนนโยบายขยายอายุการทำงาน ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ให้เลิกพูดนั้น ดร.เจิมศักดิ์ เห็นว่า ก็เป็นการตัดบทเร็วเกินไป จริงๆ การขยายอายุการทำงานให้พิจารณาว่า อาชีพไหนที่ใช้พละกำลัง อาจไม่จำเป็นต้องขยายอายุการทำงาน ให้ไปขยายอายุการทำงานสำหรับอาชีพที่ใช้ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ รวมถึงผู้นั้นไม่ควรครองตำแหน่งผู้บริหาร ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารตามโลกที่เปลี่ยนแปลง แต่ให้มาเป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ อย่างนี้จะเกิดประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่การตัดบทไปเลย

“สมัยก่อนอายุขัยคนไทย 59 ปี เราจึงให้เกษียณอายุ 60 ปี แต่ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ย 79 ปี ยังให้อายุ 60 ปีเกษียณ  นับได้ว่าเราเสียกำลังคน และความสามารถของคนไปเยอะแยะ” ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ขายไอเดีย "ขึ้น VAT-ส่งเสริมปลูกต้นไม้" ออมเนิ่นๆรับสังคมสูงวัย

มีผลแล้ว!พ.ร.ฎ.ยกเว้นภาษีนิติบุคคล จ้างผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าทำงาน

นักเศรษฐศาสตร์ มธ.เสนอเพิ่มทางเลือกให้ผู้สูงอายุทำงาน ยัน GDP เพิ่ม 4.74-9.35%

นักวิจัยเสนอออก กม.ขยายอายุวัยเกษียณ-วาง 5 ขั้นตอนรับสังคมผู้สูงอายุ

คนแก่ยังมีไฟ! พม.ชงขยายเวลาเกษียณขรก.-รัฐวิสาหกิจ แก้วิกฤตสังคมผู้สูงอายุ

ขอบคุณภาพ:http://www.thaihealth.or.th