ดาวดวงที่ 176 ‘อาภัสรา หงสกุล’ จากนางงามจักรวาลสู่นางเอกจอเงินค่าตัวสูงสุด
22 ก.ค. 60 อาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาลคนแรกของไทย ประทับรอยมือ-รอยเท้า ณ ลานดารา เป็นดาวดวงที่ 176 จากนางงามสู่นางเอกหนัง ‘พรายพิฆาต-คนใจบอด’ ค่าตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทันทีที่ ‘อาภัสรา หงสกุล’ นางงามจักรวาลคนแรกของไทย และคนที่ 14 ของโลก ปรากฎตัวท่ามกลางสาธารณชน ณ ลานดารา หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จ.นครปฐม เพื่อประทับรอยมือและรอยเท้าเป็นอมตนุสรณ์ นำมาสู่เสียงชื่นชมยินดีของเหล่าแฟนนางงามรุ่นเล็กรุ่นใหญ่
แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่วัย 70 ปี แต่เธอยังคงสวยไม่สร่าง กิริยา ท่วงท่าการเดิน หรือน้ำเสียง ยังคงเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติกุลสตรีไทย
อาภัสรา บอกเล่าว่า ก่อนที่จะโลดแล่นเป็นนางเอกจอเงินด้วยค่าตัวสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเวลานั้น เธอก็เป็นเหมือนเด็กผู้หญิงวัยรุ่นทั่วไป เรียน เที่ยวเล่น และใฝ่ฝันอยากจะสวมมงกุฎ
โดยระหว่างที่กำลังศึกษาที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย คุณพ่อ (นาวาอากาศเอก (พิเศษ) เพิ่ม หงสกุล) ได้เขียนจดหมายไปบอกให้กลับมาประกวดนางสาวไทย
“คุณพ่อเขียนจดหมายไปบอกว่า จะมีการประกวดนางสาวไทย ปี 2507 ซึ่งปีนั้นผู้ที่ได้ตำแหน่งจะเป็นตัวแทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเข้าประกวดนางงามจักรวาล” เธอกล่าวว่า คุณพ่อจึงอยากให้มาประกวด เพราะหากโชคดีได้เป็นขึ้นมา จะได้ไปประกวดที่สหรัฐฯ และถือโอกาสวางแผนศึกษาต่อที่นั่นด้วย
อดีตนางงามจักรวาล ยังคุยว่า ครอบครัวของเธอชื่นชอบนางงามมาก คุณพ่อจึงอยากให้ลูกสาวได้ครองตำแหน่งนางสาวไทย จึงพยายามผลักดัน ซึ่งความจริงท่านผลักดันให้ลูก ๆ ทุกคนทำกิจกรรมมาตลอด อย่างพี่สาวคนโตให้เรียนเปียโน ส่วนตัวเองเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน
ด้วยรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ และความสามารถ จึงนำพาให้ ‘อาภัสรา หงสกุล’ ครองตำแหน่งนางสาวไทยปีนั้นด้วยวัยเพียง 17 ปี (อรัญญา นามวงศ์ และเนาวรัตน์ วัชรา ได้รองนางสาวไทย) และเป็นตัวแทนไปประกวดนางงามจักรวาล ปี 2508
“ยอมรับว่าท้อตั้งแต่วันแรกที่ประกวดนางสาวไทย เพราะไม่สนุกอย่างที่ใจเราคิด บางคนบอกให้เราเกล้าผมขึ้น บางคนบอกให้เราปล่อยผม เราเลยต้องเอาใจทุกคน แต่เมื่อกลับมา เพื่อนบอกว่าไม่ชอบเลย เราเลยเครียดและร้องไห้ทั้งคืน จึงตั้งใจไปลาออกจากการประกวด”
คราวนี้ อาภัสรา บอกว่า ทีมงานไม่ยอมให้ลาออก โดยสัญญาจะตัดชุดประกวดใหม่ให้และยอมให้แต่งทรงผมตามใจชอบ จึงกลับไปถามเพื่อน ซึ่งเพื่อนยืนยันให้เดินหน้าประกวดต่อ จนได้ตำแหน่งนางสาวไทย
เพื่อน ๆ กล่าวกันติดตลกว่า ขืนไม่เปลี่ยนชุดกับทรงผม ต่อให้ตัวเก็งไม่มาก็ไม่ได้ตำแหน่งแน่นอน...และถ้าไม่ได้ตำแหน่ง อายเขาเหมือนกันนะ (หัวเราะ)
จนเมื่อไปประกวดนางงามจักรวาล ณ เมืองไมอามี่ สหรัฐฯ ต้องยอมรับว่า อาภัสรา ได้รับความสนใจจากเพื่อนนางงาม กรรมการ และสื่อมวลชนอย่างมาก เพราะเธอเลือกจะสื่อสารถึงความเป็นไทยให้มากที่สุด
ที่จำกันได้ คือ ภาพที่เธอกางร่มเชียงใหม่ “ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งพระองค์ทรงเมตตาแนะนำให้เราแสดงความเป็นไทยในเวทีประกวดให้มากที่สุด จึงเลือกใส่ชุดไทยทุกวัน อะไรที่สื่อถึงความเป็นไทยจะนำไปแสดงทั้งหมด”
ถามว่าตื่นเต้นมั้ย อาภัสรา ตอบว่า ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะเคยเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน (จบการศึกษามัธยมโรงเรียนศึกษาวิทยา) 3 ปี ซึ่งจะมีผู้ชมเยอะอยู่แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้เธอเดินบนเวทีได้อย่างอ่อนช้อย สง่างาม
อดีตนางงามจักรวาล ยังเล่าว่า เมื่อได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 15 คนสุดท้าย ขึ้นเวทีในวันตัดสิน ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้ครองตำแหน่งสูงสุด เพราะคิดเพียงตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับต่าง ๆ เท่านั้น
“ตอนที่ได้เป็นนางงามจักรวาล ตื่นเช้ามายังไม่แน่ใจเลย นึกว่าฝันไป ยอมรับว่าดีใจ แต่เอาเข้าจริงกลัวว่าจะไม่เข้ารอบด้วยซ้ำ เพราะตอนซ้อมผู้ได้รับตำแหน่ง ไม่เคยเรียกไทยแลนด์ซ้อมเลย เรียกแต่ชาติอื่น”
อาภัสราจึงคิดว่า ไม่น่าจะได้แล้ว จนวันหนึ่งก่อนเวทีคืนตัดสิน สื่อมวลชนเรียกให้ไปถ่ายภาพสวมมงกุฎ แต่เธอเลือกที่จะถือไว้เท่านั้น เพราะยังไม่ได้ตำแหน่งซักหน่อย!
แต่สุดท้ายก็ได้มา...เหนื่อยมากกับภารกิจ ตั้งแต่เช้าจนดึก นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่กังวล เรียกว่าอ่อนเพลียไปหมด เมื่อกลับมาประเทศไทย เห็นประชาชนต้อนรับตลอดสองฝั่งถนน วันนั้นจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตำแหน่งที่สุด
‘อาภัสรา หงสกุล’ เข้าสู่วงการภาพยนตร์ทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจนางงามจักรวาล โดยการชักชวนของน้อย กมลวาทิน ให้แสดงเป็นนางเอกเรื่อง ‘พรายพิฆาต’ คู่กับ ลือชัย นฤนาท แต่ก่อนหน้านั้นคุณพ่อของเธอ ซึ่งเป็นผู้กำกับการแสดง ทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์ ให้เธอได้ชิมลางมาบ้างแล้ว
การเข้าฉากกับพระเอกอย่างลือชัยนั้น อาภัสรา เล่าว่า ไม่ค่อยสนิทสนมมากนัก เพราะคิวแน่นมาก ต้องปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ งานการกุศลแยะ ทำให้ถ่ายทำเสร็จต้องรีบกลับ จึงไม่ได้สนทนาพาทีเป็นการส่วนตัว
โดยพรายพิฆาต ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ทอดพระเนตรในรอบปฐมทัศน์เพื่อการกุศล เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2510
อีกทั้งเธอยังได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อว่า ‘เหมือนสิ้นใจ’ และมีแผ่นเสียงวางจำหน่ายด้วย
จนกระทั่งในปี 2514 อาภัสรา ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในชื่อเรื่อง ‘คนใจบอด’ เพื่อการกุศล มีสมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษร์, ครรชิต ขวัญประชา กำกับโดย เชิด ทรงศรี ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง
“คุณเชิด ทรงศรี เป็นคนใจดี” ประโยคสั้น ๆ แต่มาจากใจของอดีตนางงามจักรวาลคนแรกของไทย
โดยในรอบปฐมทัศน์ อาภัสราได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนนักแสดงถวายพวงมาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย
อาภัสรา หงสกุล เป็นตัวเเทนนักเเสดงถวายพวงมาลัย ในหลวง ร.9 รอบปฐมทัศน์ ภาพยนตร์เรื่อง คนใจบอด
กระนั้น แม้ ‘อาภัสรา หงสกุล’ จะมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์เพียง 2 เรื่อง แต่หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) มองว่า มีคุณูปการต่อวงการเป็นอย่างยิ่งที่นางงามจักรวาลได้ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย
รอยมือ และรอยเท้า รวมถึงชื่อ ‘อาภัสรา หงสกุล’ จึงถือเป็นดาวดวงที่ 176 ที่ประทับลงบนลานดารา ฝากไว้ให้คอหนังรุ่นใหม่รุ่นเก่าได้คิดถึงตลอดไป .
ภาพประกอบ:หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)