“ส.ว.กทม.”หวั่น ตั้งกองทุนสำรองน้ำมันฯ เปิดช่องโกงกินหลายเด้ง
“รสนา” แนะกระทรวงพลังงาน ตั้งกองทุนสำรองน้ำมันแห่งชาติ เดินตาม 2 เงื่อนไข เก็บค่าภาคหลวงเพิ่ม-ดึง ปตท. กลับมาเป็นของรัฐ 100% เชื่อผิดจากนี้ไม่เกิดประโยชน์ เปิดช่องโกงกินหลายเด้ง
ตามที่กระทรวงพลังงาน มีแนวคิดจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณายกร่างกฎหมายกองทุนสำรองน้ำมันแห่งชาติ (Strategy Petroleum Reserve) ศึกษาความเป็นไปในการจัดตั้งกองทุนสำรองน้ำมันแห่งชาติ ให้ทันในรัฐบาลปัจจุบัน โดยให้กองทุนดังกล่าวฯ ทำหน้าที่บริหารจัดการสต็อกน้ำมันดิบหรือน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงราคาน้ำมันแพง และเป็นกลไกปล่อยน้ำมันเข้าสู่ตลาด เพื่อให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลดลง โดยจะมีการสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 60 วันเป็น 90 วัน ทั้งนี้ อาจใช้วิธีเก็บเงินจากน้ำมันขายปลีก เช่นเดียวกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น
น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร กล่าวกับศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีดังกล่าวว่า ความตั้งใจที่จะจัดทำกองทุนสำรองน้ำมันแห่งชาติ โดยนำเงินจากกองทุนสำรองไปซื้อน้ำมันแล้วเอามาเก็บไว้ ถ้าจะทำต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อคือ 1.บ้านเราจะต้องเปลี่ยนวิธีการเก็บค่าภาคหลวงใหม่ คิดแบบ production sharing เพราะขณะนี้บ้านเราเก็บค่าภาคหลวงและภาษีในอัตราที่ต่ำมาก พร้อมยกตัวอย่างประเทศโบลิเวีย ได้ส่วนแบ่ง 82 % ให้บริษัท 18% ส่วนประเทศไทยนั้นเก็บค่าภาคหลวงอยู่ที่ 5%-15% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 12.5% เท่านั้น
"เหมือนกับว่าเรามีสวนมะม่วง จ้างคนมาเก็บและรับส่วนแบ่งแค่ 5-15 ลูก แต่หลังจากนั้นก็คิดไปซื้อมะม่วงมาสำรองเอาไว้ขายในช่วงที่ราคาสูง ซึ่งดูเป็นเรื่องตลก ดังนั้น ถ้าอยากที่จะเก็บสำรองน้ำมันจริงๆ ขุดเจาะมาแล้วควรเอาส่วนแบ่งเก็บไว้เลย” ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าว และว่า 2.ปตท.ต้องกลับมาเป็นของรัฐ 100 % ไม่เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรที่เราต้องไปลงทุนแทนเอกชน ในเมื่อ ปตท.ไม่ใช่องคาพยพของรัฐ ทำไมรัฐจะต้องเอาเงินมาสำรองน้ำมันแทน ขาดทุนอยู่ที่รัฐ กำไรไปที่เอกชน เพราะฉะนั้นถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขดังกล่าว ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร ไม่เกิดประโยชน์ที่รัฐต้องควักเงินจากเงินทุนสำรองมาซื้อน้ำมันเก็บไว้ อีกทั้งการขายน้ำมันในราคาถูกๆ แล้วไปซื้อกลับเข้ามาในราคาแพงๆ อาจทำให้เกิดการกินกันหลายๆ เด้งได้”