น้ำมีประโยชน์อย่าปล่อยทิ้ง ดร.อาจอง แนะสร้างแก้มลิงประจำหมู่บ้าน
ดร.อาจอง เตือนคนไทยใช้น้ำฟุ่มเฟือย ชี้การปล่อยน้ำจากเขื่อนทิ้งไม่ได้ศึกษาเอลนินโญ่ คาดกระทบแล้งหนักกว่าที่เป็นอยู่ แนะเปลี่ยนแนวคิดใหม่ สร้างแก้มลิงประจำหมู่บ้าน อย่ามัวรอธรรมชาติ
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า และผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส ให้สัมภาษณ์กับศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา เกี่ยวกับแนวคิดในการใช้และอยู่ร่วมกับน้ำ รวมถึงสถานการณ์น้ำและสิ่งแวดล้อมโลกในปัจจุบันว่า หากมองแค่ประเทศไทย ปัจจุบันนี้ใช้น้ำกันอย่างฟุ่มเฟือยมาก โดยเฉพาะคนในเมือง สิ้นเปลืองน้ำไปกับการอำนวยความสะดวกและเพื่อความสบาย เช่น การอาบน้ำแบบแช่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและจะก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในอนาคต
"เช่นเดียวกับนโยบายปล่อยน้ำทิ้งจากเขื่อนในปริมาณมาก โดยไม่ได้ศึกษาก่อนเลยว่า กระแสน้ำในมหาสมุทรกำลังเปลี่ยนแปลงจากลานินญ่า ซึ่งเป็นช่วงที่มีความชื้นและฝนตกหนัก ไปสู่เอลนินโญ่ ที่ไม่มีฝนและแห้งแล้ง ฉะนั้น สิ้นปีนี้ที่เอลนินโญ่เริ่มเข้ามา ก็จะเกิดความแห้งแล้งและความเดือดร้อนโดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม นี่เป็นสิ่งที่ต้องวางแผนล่วงหน้าและทำความเข้าใจว่า น้ำมีคุณค่าสูง ต้องเก็บไว้ให้พอดีกับการใช้ยามหน้าแล้ง การวางแผนดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ"
ดร.อาจอง กล่าวว่า แค่ช่วงหน้าร้อน หลายจังหวัดก็อยู่ในวิกฤติแห้งแล้งและขาดแคลนน้ำแล้ว ยังไม่ทันที่เอลนินโญ่จะมา และหากเข้าสู่เอลนินโญ่จริง สถานการณ์จะยิ่งหนักขึ้นอีก โดยเฉพาะเมื่อน้ำในเขื่อนมีไม่เพียงพอ เกษตรกรจะได้รับผลกระทบหนักแน่นอน ดังนั้น คนไทยต้องเปลี่ยนแนวคิดกันใหม่ ต้องเข้าใจว่า น้ำมีประโยชน์ตลอดเวลา อย่าเกลียดน้ำ ต้องรักน้ำให้มากขึ้น รวมถึงสนใจที่จะเก็บรักษา
"คำว่า "น้ำล้น" หรือ "ปริมาณน้ำมากเกินไป" คงไม่เกิดขึ้น หากรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องไม่ใช่วิธีที่ปล่อยน้ำไหลลงเร็วเกินไป" นักวิทยาศาสตร์ กล่าว และว่า การหวังให้มีน้ำใช้ตามธรรมชาติไปตลอดทั้งปีไม่ได้ หากไม่กักเก็บน้ำ ทุกหมู่บ้านต้องมีป่า มีอ่างเก็บน้ำประจำหมู่บ้าน ไว้เป็นแก้มลิงและแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี เหล่านี้คือการวางระบบระยะยาวในการดูดซับและเก็บกักน้ำ ในส่วนการบริหารจัดการแง่สิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะทุกวันนี้เราสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก จนลืมคิดถึงทางระบายน้ำ
ดร.อาจอง กล่าวถึงข้อมูลจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ องค์การนาซา (National Aeronautics and Space Administration : NASA) ด้วยว่า พบว่ามีข้อมูลที่น่าห่วงกังวลในช่วงสิ้นปีนี้ ที่อาจจะเกิด "พายุสุริยะ" ที่รุนแรงมากในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งจะทำให้ระบบการสื่อสารเสียหาย และต้องระมัดระวังการเกิดแผ่นดินไหวที่ขึ้นอยู่กับความแรงของพายุสุริยะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นการคาดการณ์ที่แม้จะยังไม่มีความแน่นอน การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรมีแผนสำรองไว้ว่า หากไฟดับ การสื่อสารเสียหายหรือขัดข้องจะทำอย่างไร