ศ.ระพี สาคริก “บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย” ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว

 ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก  นักวิชาการเกษตรผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ของประเทศไทยสู่สากล ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วเช้านี้ ด้วยวัย 95 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 17 ก.พ.เวลา 07:00 น. ณ โรงพยาบาลวิภาวดี  ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก  ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ด้วยวัย 95 ปี

ดร.สมิทธ์ ตุงคะสมิต วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสข้อความ"คุณพ่อไปสู่สวรรค์แล้วเมื่อเช้าวันนี้(17กพ.)ด้วยอาการสงบ เหลือไว้แต่ภาพจำและรอยยิ้มให้กำลังใจของพ่อในดวงใจของศิษย์ผู้นี้ที่รักท่านเหมือนพ่อ ท่านเป็นหลักชัยในการต่อสู้เพื่อชาวบ้านและเพื่อความถูกต้องของสังคมไทยตลอดมา...ลูกขอกราบลาและขอคารวะบูชาคุณของคุณพ่อและจะทำตามคำสอนของคุณพ่อตลอดไป"

สำหรับประวัติ ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก  ราษฎรอาวุโส นักวิจัย นักวิชาการเกษตรผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ของประเทศไทยสู่สากล เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2465 ณ แขวงวรจักร อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย กลางใจเมืองกรุงเทพฯ เป็นบุตรคนโตของขุนตำรวจเอกพระมหาเทพกษัตริย์สมุห (เนื่อง สาคริก) กับนางสนิท ภมรสูต บิดารับราชการในราชสำนักพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอดีตนายกสภาสถาบันอาศรมศิลป์ 

ในการประชุมทางวิชาการ Japan Flora ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2543   ศ.ระพี สาคริก ได้กล่าวถึงความเป็นนักกล้วยไม้ ของท่านไว้อย่างน่าจับใจในตอนหนึ่งของสุนทรพจน์เรื่องมนุษย์กับธรรมชาติว่า

…มนุษย์ควรมี 2 สิ่งนี้ หนึ่ง ความเป็นตัวของตัวเอง สอง ความมีศิลปะอยู่ในวิญญาณ เห็นความสำคัญของเพื่อนมนุษย์ไม่คิดไปทำร้ายใคร ไม่คิดไปว่าใคร ใครๆ เขาว่าผมเป็นนักกล้วยไม้ ผมยอมรับว่า ผมเป็นนักกล้วยไม้ ผมได้เพาะกล้วยไม้เมล็ดแรกลงบนผืนแผ่นดินผืนนี้ตั้งแต่ยังพอจำความได้ แล้วก็มุ่งมั่นรดน้ำบำรุงรักษาจนกระทั่งเขาเจริญเติบโตขึ้นมามีดอกสวยงามให้คนเขาชื่นชมสมใจ ขยายออกไปอย่างเป็นธรรมชาติจนกระทั่งทั่วโลก แต่ว่าไม่ใช่พันธุ์กล้วยไม้ที่คนมองเห็น พันธุ์เหล่านั้นดอกมันบานแล้วก็โรยไป แต่กล้วยไม้พันธุ์นี้นอกจากจะอยู่เป็นอมตะแล้วยังถ่ายทอดสู่ชนรุ่นหลังได้ด้วย ผมตั้งชื่อกล้วยไม้พันธุ์นี้ว่าความรักในเพื่อนมนุษย์ …

อ่านประวัติ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก  อย่างละเอียดได้ที่ ฐานข้อมูลบูรพาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  http://archives.psd.ku.ac.th/kuout/p129.html

ที่มาภาพ:https://www.facebook.com/profrapee.sagarik