ศาลปค.นัดไต่สวน กรณีขวานจามรถ 2 มี.ค.-พิจารณาคดีครั้งแรกถอนพาสปอร์ตทักษิณ-จาตุรนต์ 27 ก.พ.

 ศาลปค.นัดไต่สวน กรณีขวานทุบรถ 2 มี.ค.-พิจารณาคดีถอนพาสปอร์ตทักษิณ-จาตุรนต์ 27 ก.พ. ส่วน 28 ก.พ.คดีคลองด่าน วัฒนา อัศวเหม ฟ้องอธิบดีกรมควบคุมมลพิษที่ 1 กับพวก ขอให้เพิกถอนคําสั่งเรียกให้ชดใช้คืนไหมทดแทนคดีคลองด่าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สํานักงานศาลปกครอง แจ้งกําหนดนัดพิจารณาคดีที่น่าสนใจของศาลปกครอง ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์– 2  มีนาคม 2561 ดังนี้

1. วันที่ 27  กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 13.00 น. ศาลปกครองสูงสุดนัดนั่งพิจารณาคดี ครั้งแรก คดีหมายเลขดําที่ 1412/2559 อ. ระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ฟ้องคดี) กับ อธิบดี กรมการกงสุลที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) พิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ถือหนังสือเดินทางของประเทศไทย ซึ่งออกโดยกระทรวงการต่างประเทศ จํานวน 2 ฉบับ คือ หนังสือเดินทางเลขที่ 957441U และเลขที่ Z530117ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558  ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยความเห็นชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคําสั่งให้ยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองของผู้ฟ้องคดีโดยมิได้แจ้งคําสั่งยกเลิกให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ หลังจากนั้น ผู้ฟ้องคดีที่ 1  แจ้งผลการอุทธรณ์คําสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง โดยเหตุผลว่า การยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดีเป็นไปตามที่สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ตามที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติได้เสนอ ซึ่งเห็นว่า ถ้อยคําสัมภาษณ์ของผู้ฟ้องคดีมีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยและเกียรติภูมิของประเทศไทยหรือชื่อเสียง ประกอบกับ กรณีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อดําเนินคดีอาญา จึงเข้าเงื่อนไขการยกเลิกหนังสือเดินทางตาม ประกอบข้อ 21 (4) ของระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 2548 ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า การยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับเป็นการออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคําสั่งให้เพิกถอนคําสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองที่ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดี

ศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) มีคําพิพากษายกฟ้อง ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด   

และคดีหมายเลขดําที่ 61/2560 อร. ระหว่าง นายจาตุรนต์ ฉายแสง (ผู้ฟ้องคดี) กับกระทรวงการต่างประเทศ ที่ 1 กับพวกรวม 7 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี)  คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(คดีนี้ผูองคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ถือหนังสือเดินทางของประเทศไทย ซึ่งออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เลขที่ AA5523514 ออกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2558  หมดอายุวันที่ 18 สิงหาคม 2563  ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟองคดีทั้งเจ็ดยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งผู้ฟ้อง คดีได้มีหนังสือลงวันที่ 1 ตุลาคม 2558  อุทธรณ์คําสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 แต่จนถึงวันฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดียังไม่ได้รับทราบผลการพิจารณาอุทธรณ์ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดี และคําร้องหรือคําสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ที่ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ยกเลิก หนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดี

ศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) มีคําพิพากษาเพิกถอนคําสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสามฉบับของผู้ฟ้องคดี โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแตวันที่มีคําสั่งยกเลิก ส่วนคําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก  เนื่องจากศาลพิจารณาเห็นว่า  แม้ผู้ฟ้องคดีจะเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฯ   ที่ผ่านมากลับปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีเเคยได้รับอนุมัติจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งถือได้ว่าเป็นพนักงานฝ่ายปกครองและศาลทหารกรุงเทพเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศจีน สิงคโปร์  ญี่ปุ่น และเยอรมัน หลายครั้ง  กรณีจึงยังมิอาจถือได้ว่า มาตรการยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดีมีความเหมาะสมหรือสมควรฯ

กรณีจึงถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 ใช้ดุลพินิจในการออกคําสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสามฉบับของผู้ฟ้องคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-5 จึงยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ศาลปกครองสูงสุดกลับคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น โดยพิพากษายกฟ้องของผู้ฟ้องคดี ศาลนัดพิจารณา
ณ ห้องพิจารณาคดี 4 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

2.วันที่ 28  กุมภาพันธ์ 2561 เวลา  11 .00 น. ศาลปกครองกลางนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดําที่ 1531/2557  ระหว่าง นายวัฒนา อัศวเหม(ผู้ฟ้องคดี) กับอธิบดีกรมควบคุมมลพิษที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ขอให้เพิกถอนคําสั่งเรียกให้ชดใช้คืนไหมทดแทน)

(นายวัฒนา อัศวเหม ฟ้องว่า  อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ที่ 1 กับพวก รวม 2  คน มีคําสั่งที่ 118/2557  ลว.18 เม.ย. 2557  ให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีในขณะดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทําการทุจริตในโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบําบัดนํ้าเสียเขตควบคุม จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสืออุทธรณ์ คําสั่งดังกล่าว และได้รับแจ้งผลการพิจารณาตามคําวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ 9/2557 ลว. 27 มิ.ย 2557  ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย) ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ณ ห้องพิจารณาคดี 14 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

3.วันที่ 2 มีนาคม 2561  เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดไต่สวน ในคดีหมายเลขดําที่ ส.1/2555 ระหว่าง นางสาวบุญศรีแสงหยกตระการ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 1 กับพวกรวม 4คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) นายสุกิจ นามวรกานต์ ที่ 1 กับพวกรวม 7  คน (ผู้ร้องสอค) พิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําการโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให้ต้องปฏิบัติ (ขอให้เพิกถอนใบอนุญาต ก่อสร้างตลาดและปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการประกอบกิจการตลาดในหมู่บ้านผู้ฟ้องคดี)

(นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ฟ้องว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 1 กับพวกรวม 4  คน ละเลยให้มีการก่อสร้างอาคารและตลาดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้พื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยกลายเเป็นกรณีที่ผิดวัตถุประสงค์ของหมู่บ้านเสรีวิลล่า ซึ่งได้จดทะเบียนจัดสรรเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงและก่อให้เกิดความเดือดร้อนรําคาญแก่ผู้ฟองคดี กรณีจึงเป็นเหตุให้ผู้ฟองคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย) ศาลปกครองกลางนัดไต่สวน  ณ ห้องไต่สวน 1 ชั้น 2 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร