จำแนกชัดๆ หนี้เทียมโพลาริส 3.6 พันล.? วัดฝีมือDSI หลัง ก.ล.ต.ชงสอบ กก.-พวกยกก๊วน11ราย
"... สาระสำคัญของคำฟ้องในคดีล้มละลาย นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ฟ้องอ้างว่า บริษัท ผิดสัญญาซื้อขายหุ้นในบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด บริษัทต้องคืนเงินค่าหุ้นและค่าเสียหายให้แก่นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ทวงถามแล้ว 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละไม่น้อยกว่า 30 วัน และยังคงเพิกเฉย จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเด็ดขาด และมีคำพิพากษาให้บริษัท เป็นบุคคลล้มละลาย..."
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อมูลให้สาธารณชนรับทราบไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2561 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เผยแพร่ข่าวกล่าวโทษคณะกรรมการบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) (POLAR) กับพวกรวม 11 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีร่วมกันสร้างหนี้เทียมจำนวนประมาณ 3.6 พันล้านบาท เพื่อให้ POLAR เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งลงข้อความเท็จในบัญชีหรือเอกสารที่เกี่ยวกับ POLAR พยายามเบียดบังเอาทรัพย์สินของ POLAR เป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต และพยายามแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งทำให้ POLAR เสียหาย
โดยบุคคลที่ถูกกล่าวโทษดังกล่าว ประกอบไปด้วยกรรมการ POLAR 5 ราย ได้แก่ (1) นายญาณกร วรากุลรักษ์ (2) นายพูนศักดิ์ ชุมช่วย (3) นายอาสา นินนาท (4) นายฐากร ทวีศรี และ(5) นายดนุช บุนนาค รวมทั้งบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นอีก 6 ราย ได้แก่ (6) บริษัท ซิมบา อินเตอร์ จำกัด (7) นายอัครเดช วัฒนะ (8) นายธัญพงศ์ ลิ้มวงศ์ยุติ (9) บริษัท ยูไนเต็ด เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด (10) นายอภิรักษ์ จูตระกูล และ (11) นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย (อ่านประกอบ : ก.ล.ต.ชงDSIฟันกก.โพลาริส-พวก11ราย สร้างหนี้เทียม3.6พันล.ลวงฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลค่าสูง)
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับกรณีร่วมกันสร้างหนี้เทียมจำนวนประมาณ 3.6 พันล้านบาท นั้น สามารถจำแนกหนี้ออกเป็น 3 ก้อนหลัก คือ
1. บริษัท ซิมบา อินเตอร์ จำกัด ฟ้องเรียกค่าจ้างและค่าดำเนินการ จากกรณีที่ได้เข้าทำการสำรวจพื้นที่ ออกแบบโครงการจัดทำเอกสารการออกแบบโครงการ หรือมาสเตอร์แพลน โครงการโพล่าวิลล่า บ้านน้ำเค็ม และโครงการเขาหลักวิลล่า แอนด์ เขาหลักลากูน่า รีสอร์ท ตั้งอยู่ที่หาดบางหลุด (บ้านน้ำเค็ม) ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เป็นเงินจำนวน 503 ล้านบาท
2. บริษัท ยูไนเต็ด เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ฟ้องผิดสัญญาเรียกค่าเสียหาย ค่าขาดประโยชน์ จากการร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ชื่อโครงการอันดามันโซล และอันดามันโซล พูล วิลล่า ตั้งอยู่ที่ หาดบางหลุด (บ้านน้ำเค็ม) ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ประเทศไทย เป็นเงินจำนวน 2,772 ล้านบาท
3. นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ฟ้องผิดสัญญาซื้อขายหุ้นในบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้เซอร์วิส จำกัด เรียกเงินค่าหุ้นที่ชำระไปแล้วคืน และเรียกค่าเสียหาย ค่าเสียโอกาสจากการลงทุน เป็นเงินจำนวน 345 ล้านบาท
สำหรับหนี้ในส่วนของ บริษัท ซิมบา อินเตอร์ จำกัด และ บริษัท ยูไนเต็ด เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอไปแล้ว (อ่านรายละเอียดประกอบ: ใช้กระดาษหัวโรงแรมทำสัญญาจ้าง! เปิดหลักฐานซิมบ้าฯ ฟ้องแพ่งโพลาริสเบี้ยวเงิน503ล., อยู่บริติชเวอร์จิน! เปิดตัวบ.แห่งสองฟ้องแพ่งโพลาริส2,772 ล. เบี้ยวลงทุนพัฒนาที่ดินจว.พังงา, เปิดตัวซิมบ้าฯฟ้องแพ่งบ.ลูกโพลาริส503ล.ถูกเบี้ยวจ่ายค่าจ้างออกแบบรร.หรูพังงา1.9หมื่นล., เปิดคำให้การตัวแทนบ.ซิมบาฯ ฟ้องแพ่งโพลาริส503ล.-ยันรับงานออกแบบจริงไม่ใช่หนี้เทียม!)
น่าสนใจว่าหนี้ในส่วนของ นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย จำนวน 345 ล้านบาท มีที่มาที่ไปอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) เคยชี้แจงข้อมูลต่อ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงเหตุผลที่นายกำแหง กลายมาเป็นเจ้าหนี้ฟ้องเรียกให้บริษัทชำระหนี้และค่าเสียหายจากการที่บริษัทยกเลิกการขายหุ้นแพลทตินั่ม และใช้เป็นเหตุในการยื่นฟ้องคดีล้มละลายจนท้ายสุดบริษัทถูกศาลฯ สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ทั้งที่ บริษัทแจ้งว่านายกำแหงเป็นผู้ขอยกเลิกการซื้อหุ้นแพลทตินั่มเอง
บริษัท โพลาริส ชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้เคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่านายกำแหงได้เรียกให้บริษัทชำระหนี้ 345 ล้านบาท โดยที่งบการเงินปี 2559 (ฉบับล่าสุด) บริษัทมีสินทรัพย์รวม 5,045 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้น 4,580 ล้านบาท ประกอบกับสำนักงาน ก.ล.ต. สั่งให้บริษัทจัดทำ Special audit เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2560 เกี่ยวกับที่มา ความมีอยู่จริง ความครบถ้วนในการบันทึกหนี้สินในงบการเงิน แต่บริษัทยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต.
โดยบริษัทตกลงทำสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เสนอกับนายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ในราคา 105 ล้านบาทแล้ว แต่มีการคัดค้าน ทำให้บริษัทไม่สามารถขายหุ้นของบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ให้กับนายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ตามสัญญาดังกล่าวได้ นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย อ้างอาศัยสิทธิตามสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ว่าได้ชำระมัดจำแล้ว จึงฟ้องเรียกเงินคืน และเรียกค่าเสียหาย พร้อมค่าขาดประโยชน์รวมดอกเบี้ย เป็นเงินจำนวน 345 ล้านบาท จากบริษัทเป็นคดีแพ่งและคดีล้มละลาย โดยบอกกล่าวทวงถามแล้วบริษัทเพิกเฉยงบการเงินของบริษัท ปี 2559 (ฉบับล่าสุด) ระบุว่าบริษัทมีสินทรัพย์รวม 5,045 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้น 4,580 ล้านบาท นั้น เจ้าหนี้ทั้งหลายที่ยื่นฟ้องบริษัทฯ เป็นคดีที่บริษัทฯ ถูกฟ้องภายหลังมีการรับรองงบการเงินดังกล่าว และบริษัทฯ มีหนี้สินเดิมในคดีฟื้นฟูกิจการที่บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิมของบริษัทฯ) ซึ่งเป็นปัญหาในการบริหารจัดการอันนำไปสู่การยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางด้วย
บริษัท โพลาริส ยังชี้แจงด้วยว่า โดยประเด็นดังกล่าวนี้ บริษัทฯ ได้เคยยื่นหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ตามหลักการดังนี้
1. การฟื้นฟูกิจการ ประเทศที่เจริญแล้วอย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ใช้กฎหมายฟื้นฟูกิจการ เป็นเครื่องมือปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่าบริษัทเป็นลูกหนี้ใครบ้าง จำนวนเท่าไหร่ เจ้าหนี้ของบริษัทมีที่อยู่ที่ไหน และเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้องเมื่อใด ซึ่งในกรณีของบริษัทฯ กรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาล่าช้าถึงสิบกว่าปี ทำให้บริษัทไม่สามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าหนี้ดังกล่าวได้อย่างชัดเจน การใช้กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นกระบวนการที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ จะทำให้ปัญหาของบริษัทฯ ลดลง และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ซึ่งหลักการนี้เป็นหลักการสากล
2. การฟื้นฟูกิจการ มีประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการของลูกหนี้ เพราะจะระงับยับยั้งไม่ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายรุมฟ้องบริษัทฯ ในระหว่างที่บริษัทฯ อยู่ในฐานะที่ย่ำแย่ และถูกเจ้าหนี้บางรายฟ้อง และมีข่าวลบปรากฏต่อหนังสือพิมพ์และสาธารณะ การระงับยับยั้งเช่นนี้ จะทำให้เกิดการเจรจาต่อเจ้าหนี้ได้ง่ายขึ้นเป็นผลดีต่อบริษัท
3. การฟื้นฟูกิจการ เป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ เพราะจะมีคนกลาง คือศาลล้มละลายกลาง และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ประนีประนอม และมีการวางแผนปรับโครงสร้างหนี้สินของบริษัทฯ มีความชัดเจน แนวทางการบริหารก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นผลดีต่อบริษัทฯ
ส่วนคำถามที่ว่า คณะกรรมการดำเนินการอย่างไรในการชี้แจงข้อเท็จจริงหรือโต้แย้งว่านายกำแหงไม่ได้เป็นเจ้าหนี้บริษัทในคดีล้มละลาย พร้อมอธิบายเหตุผลและข้อเท็จจริงประกอบ รวมทั้งสรุปสาระสำคัญของคำฟ้อง มูลหนี้ และระบุชื่อ/ตำแหน่งของผู้ที่ให้ข้อมูลต่อศาลฯบริษัทขอชี้แจงว่าคดีที่นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ฟ้องบริษัทเป็นคดีล้มละลายนั้น
บริษัทฯ ชี้แจงว่าได้ให้ข้อมูลต่อศาลล้มละลายกลางว่า บริษัทฯ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง คดีหมายเลขดำที่ ฟ.16/2560 ระหว่าง บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จ ากัด (มหาชน) ผู้ร้องขอ และบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ ฉบับลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 นั้น นายญาณกร วรากุลรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยื่นบันทึกถ้อยคำความว่า นอกจากบริษัทฯ มีหนี้สินตามงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 แล้ว บริษัทฯ ยังมีหนี้สินเดิมที่บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิมของบริษัทฯ) เคยยื่นฟื้นฟู กิจการ และศาลฎีกามีค าสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผน และให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ เป็นผลให้บริษัทกลับคืนสู่ฐานะเดิม จึงยังคงมีหนี้สินเดิมของบริษัทอยู่ และบริษัทฯ ยังมีหนี้ที่เจ้าหนี้อยู่ระหว่างฟ้องดำเนินคดีอีกด้วย
โดยสาระสำคัญของคำฟ้องในคดีล้มละลาย นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ฟ้องอ้างว่า บริษัท ผิดสัญญาซื้อขายหุ้นในบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด บริษัทต้องคืนเงินค่าหุ้นและค่าเสียหายให้แก่นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ทวงถามแล้ว 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละไม่น้อยกว่า 30 วัน และยังคงเพิกเฉย จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเด็ดขาด และมีคำพิพากษาให้บริษัท เป็นบุคคลล้มละลาย
ทั้งหมดคือ ข้อมูลที่มาที่ไปของหนี้ในส่วนนายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย แต่ดูเหมือน ก.ล.ต. จะไม่เชื่อคำชี้แจงของ POLAR ต่อกรณีหนี้ทั้งในส่วนของ นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย และบริษัท ซิมบา อินเตอร์ จำกัด และบริษัท ยูไนเต็ด เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด มากนัก
เห็นได้จากในคำแถลงข่าวของ ก.ล.ต. ที่ระบุว่า สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของกรรมการ POLAR ในไตรมาส 2 ปี 2560 ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการของ POLAR จำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดทำให้ ก.ล.ต. สรุปได้ว่า บุคคลทั้ง 11 ราย ได้ร่วมกันดำเนินการ หรือมีส่วนรู้เห็นยินยอมและสนับสนุนการกระทำผิดในช่วงปี 2560 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) คณะกรรมการบริษัท POLAR แกล้งให้ POLAR เป็นหนี้จำนวนประมาณ 3.6 พันล้านบาท ทั้งที่ไม่เป็นความจริง โดยให้บุคคลภายนอกนำมูลหนี้ที่ไม่เป็นความจริงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลค่าสูง เพื่อลวงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า POLAR มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น จนเข้าข้อสันนิษฐานของการมีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นเหตุในการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการและล้มละลาย ซึ่งท้ายที่สุด จะส่งผลให้เจ้าหนี้ที่แท้จริงของ POLAR ไม่ได้รับชำระหนี้ การกระทำดังกล่าว จึงเข้าข่ายเป็นความผิดฐานกระทำการไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้
(2) การแกล้งให้ POLAR เป็นหนี้ทั้งที่ไม่เป็นความจริงข้างต้น ทำให้บุคคลภายนอกที่นำมูลหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก POLAR สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่ POLAR ถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วได้ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการพยายามเบียดบังเอาทรัพย์ของ POLAR เพื่อประโยชน์ของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต และเป็นการพยายามแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น ทำให้ POLAR เสียหาย
(3) การที่คณะกรรมการบริษัท POLAR จัดประชุมกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ POLAR ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการโดยอ้างว่าบริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัวจากหนี้ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และการที่ POLAR ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่ระบุว่าบริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัว รวมถึงการที่ POLAR ยื่นคำให้การในคดีล้มละลายโดยยอมรับตามคำฟ้องของนายกำแหงทุกประการว่า POLAR ผิดสัญญาซื้อขายหุ้นต้องคืนเงินค่าหุ้นให้นายกำแหง 105 ล้านบาท เป็นการกระทำหรือยินยอมให้ลงข้อความเท็จในเอกสารของ POLAR หรือที่เกี่ยวกับ POLAR เพื่อลวงบุคคลทั่วไปรวมทั้งผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของ POLAR
ก.ล.ต. ยังระบุด้วยว่า ทั้งนี้ การกระทำตามรายละเอียดข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 310 และมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 308 และมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ ก.ล.ต. ต้องดำเนินการกล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยการกระทำผิดแต่ละกรณีอาจต้องระวางโทษอาญาโดยจำคุกตั้งแต่ห้าถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนถึงหนึ่งล้านบาท
ส่วนผลงานการสอบสวนของดีเอสไอ นับจากนี้บทสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องติดตามดูกันต่อไปอย่างใกล้ชิด
อ่านประกอบ :
ใช้กระดาษหัวโรงแรมทำสัญญาจ้าง! เปิดหลักฐานซิมบ้าฯ ฟ้องแพ่งโพลาริสเบี้ยวเงิน503ล.
อยู่บริติชเวอร์จิน! เปิดตัวบ.แห่งสองฟ้องแพ่งโพลาริส2,772 ล. เบี้ยวลงทุนพัฒนาที่ดินจว.พังงา
เปิดตัวซิมบ้าฯฟ้องแพ่งบ.ลูกโพลาริส503ล.ถูกเบี้ยวจ่ายค่าจ้างออกแบบรร.หรูพังงา1.9หมื่นล.
พลิกหลังโฉนด! เปิดชื่อสุภาพสตรีผู้ขายที่ดิน6แปลงให้ 'เสียกำพล' ก่อนถึงมือบ.ลูกโพลาริส
เปิดตัวบ.ลูกโพลาริส เพิ่มทุนพรวด3พันล.ก่อนซื้อที่ เสี่ยกำพล โชว์รายได้ล่าสุด59 บ.
34แปลง2.9พันล.!เปิดยิบข้อมูลบ.ลูกโพลาริสซื้อที่เสี่ยกำพล-ราคาประเมิน2แสน/ไร่ ควักจ่าย40ล.
เผยโฉมสัญญาซื้อที่พังงา 'บ.ลูกโพลาริส-เสี่ยกำพล' ราคาประเมินรวม14ล.ควักจ่าย2.8พันล.?
หิ้วเงินสด123ล.จ่ายทั้งก้อน! ถึงคิวเปิดสัญญาซื้อที่บ.ลูกเสี่ยกำพล-โพลาฯ ราคาประเมินแค่95ล.?
เปิดคำให้การตัวแทนบ.ซิมบาฯ ฟ้องแพ่งโพลาริส503ล.-ยันรับงานออกแบบจริงไม่ใช่หนี้เทียม!