- Home
- Isranews
- เจาะลึกปัญหา กม. กสทช. ต้นเหตุ สนช.คว่ำกระจาด 14 ว่าที่ กสทช. ก่อน คสช.ใช้ ม.44 ชะลอสรรหา
เจาะลึกปัญหา กม. กสทช. ต้นเหตุ สนช.คว่ำกระจาด 14 ว่าที่ กสทช. ก่อน คสช.ใช้ ม.44 ชะลอสรรหา
"1.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯนั้นมีปัญหา ถ้าหากปล่อยให้กระบวนการสรรหา กสทช.เดินหน้าต่อไป ก็จะเกิดปัญหาตามมาอีก จึงต้องแก้กฎหมายก่อนถึงจะสรรหาต่อได้ และ 2. การทำหน้าที่คณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระและกรรมการสรรหา กสทช.ซึ่งมีนายชีพ จุลมนต์ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา อาจจะมีปัญหาด้านการตีความกฎหมาย เพราะไปตีความว่า ต้องเป็นตำแหน่งขององค์กรนิติบุคคล ทั้งที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าให้เป็นนิติบุคคลหรือไม่ แค่ขอว่าให้เป็นหัวหน้าส่วนราชการ มีระดับซีเทียบเท่ากับระดับอธิบดี จะได้มีความรู้ในการบริหารหน่วยงานเท่านั้น
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สำคัญที่กระทบต่อกระบวนการการจัดทำกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติคว่ำ รายชื่อผู้ได้รับสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)จำนวน 14 คน 118 เสียงเห็นชอบต่อข้อเสนอของนายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการสามัญกิจกาสนช. (วิป) ทั้งนี้ นายสมชาย ระบุว่าจาก รายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช. พบว่า มีปัญหาด้านคุณสมบัติและความประพฤติ รวม 8 คน ซึ่งอาจขัดกับมาตรา 7 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งกำหนดลักษณะต้องห้ามว่า กสทช.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการคัดเลือก
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 เม.ย.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหา กสทช. เนื่องจากมองว่ากระบวนการสรรหายังมีปัญหาอยู่ โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิก คสช. ก็ได้ให้เหตุผลที่เกี่ยวข้องกับการใช้มาตรา 44 และเกี่ยวข้องกับการคว่ำ กสทช.เอาไว้ 2 ประเด็นก็คือ
1.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯนั้นมีปัญหา ถ้าหากปล่อยให้กระบวนการสรรหา กสทช.เดินหน้าต่อไป ก็จะเกิดปัญหาตามมาอีก จึงต้องแก้กฎหมายก่อนถึงจะสรรหาต่อได้
และ 2. การทำหน้าที่คณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระและกรรมการสรรหา กสทช. อาจจะมีปัญหาด้านการตีความกฎหมาย เพราะไปตีความว่า ต้องเป็นตำแหน่งขององค์กรนิติบุคคล ทั้งที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าให้เป็นนิติบุคคลหรือไม่ แค่ขอว่าให้เป็นหัวหน้าส่วนราชการ มีระดับซีเทียบเท่ากับระดับอธิบดี จะได้มีความรู้ในการบริหารหน่วยงานเท่านั้น
จากกรณีดังกล่าวสำนักข่าวอิศราจึงตรวจสอบข้อมูลในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา กสทช.ก็พบว่ามีความว่า มีประเด็นที่มีความย้อนแย้งในส่วนของคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ กสทช. ใน 3 ส่วนด้วยกัน
1.ในประกาศสรรหาคณะกรรมการ กสทช. มีการระบุถึงลักษณะต้องห้ามของผู้จะมาเป็น กสทช.ว่า ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือ หุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปี ไม่สามารถเข้ารับการสรรหาได้
กรณีนี้ มีการตีความไม่ตรงกันระหว่างคณะกรรมการสรรหา กสทช. , กสทช. และ สนช. จนถูก ‘สมชาย แสวงการ’นำเอาข้อกฎหมายไปใช้แปรญัตติเสนอข้อเสนอเพื่อลงมติคว่ำการโหวตเลือก กสทช.เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา
โดย คณะกรรมการสรรหา กสทช.และ กสทช.มองว่าผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนบริษัทเพื่อทำธุรกิจกระจายเสียง กิจการวิทยุ กิจการโทรทัศน์แต่ว่าไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์จาก กสทช. ไม่เป็นลักษระต้องห้ามที่จะได้รับการสรรหาเป็น กสทช.
แต่อย่างไรก็ตาม สนช.อ้างคำพิพากษาศาลปกครองว่าแม้แต่ผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนทำธุรกิจกิจการวิทยุ กิจการโทรทัศน์ แม้จะยังไม่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการตีความแตกต่างกันระหว่าง กสทช.และ สนช.
2. ในมาตรา 17ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ระบุว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อมาจาก กรรมการสรรหา เมื่อ สนช.ลงมติให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ดังนั้น สนช.จะเห็นชอบกับผู้สมัคร กสทช.คนนั้น แม้จะได้คะแนนเพียง 5 คะแนนจาก สนช.ผู้เข้าประชุมทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกถ้าหากได้รับคะแนนสูงสุด ส่งผลทำให้ สนช.ไม่สามารถที่จะไม่รับรองผู้สมัคร กสทช.ได้หากมีการลงมติ เพราะกฎหมายบังคับไว้ว่าต้องเลือก ซึ่งกรณีนี้ต้องมีการแก้ไขข้อความในกฎหมายให้มีความชัดเจน เหมือนกับกรณีการลงมติเลือกกรรมการองค์กรอิสระ ที่มีการระบุว่าผู้ที่ได้รับการสรรหา จะต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งด้วย
3.มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการสรรหาไว้ในมาตรา 7 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯว่าผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการพลเรือน พนักงานในหน่วยงานอื่นของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ที่ดํารงตําแหน่งไม่ต่ำกว่ารองหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับกรมขึ้นไป หรือรองหัวหน้าหน่วยงานอื่น ของรัฐที่เป็นนิติบุคคลหรือรัฐวิสาหกิจสามารถสมัครเป็น กสทช.ได้
การกำหนดคุณสมบัติในกฎหมายดังกล่าวนี้ส่งผลทำให้ข้าราชการตุลาการและข้าราชการอัยการที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ารองหัวหน้าส่วนราชการไม่สามารถเข้าสมัครเป็น กสทช.ได้ ทั้งๆที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เพราะไม่ได้มีการเทียบระดับเอาไว้
นี่เป็นเพียง 3 ประเด็นสำคัญบางส่วนทางด้านกฎหมายที่ยังคลุมเครือและคาดว่าจะต้องมีการแก้ไข หลังจากการใช้มาตรา 44 ชะลอการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ออกไปก่อน โดยขณะนี้ยังไม่อาจทราบได้ว่าการแก้ไข พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ จะเดินหน้าเมื่อไร ใช้เวลาเท่าไร, พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯที่ถูกแก้ไขจะเป็นอย่างไร จะช่วยทำให้เกิดข้อกระจ่างทางกฎหมายมากขึ้นหรือจะสร้างความสับสนยิ่งกว่าเดิม และที่สำคัญที่สุด เมื่อไรถึงจะเลือก กสทช.ชุดใหม่กันอีกครั้ง
อ่านประกอบ :
'มีชัย' แจง คณะ กก.สรรหาองค์กรอิสระ ตีความข้อ กม.ไม่เหมือน สนช. แนะทั้งสองฝ่ายพูดคุยแก้ปัญหา
สนช.เห็นชอบ ข้อเสนอ 'สมชาย แสวงการ' คว่ำกระจาด 14 ว่าที่ กสทช. สรรหาใหม่หมด