ร้อยเอ็ดเตรียมจัดเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ย.2561
ร้อยเอ็ดเตรียมจัดเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19 อย่างยิ่งใหญ่ ชูแนวคิด “นวัตกรรมนำการผลิต” ตอกย้ำศักยภาพของการเป็นเมืองหลวงข้าวหอมมะลิโลก หวังกระตุ้นให้เกษตรกรหันมาใช้ข้าวหอมมะลิแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นยิ่งขึ้น
วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่โรงแรมเพชรรัตน์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ได้มีการจัดแถลงข่าวเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2561 ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ โรงแรมเพชรรัตน์การ์เด้นร้อยเอ็ด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด, ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด, ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ นำการแถลง
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวถึงการจัดงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19 เป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้จักข้าวหอมมะลิร้อยเอ็ดที่ได้ชื่อว่า หอม-เรียวยาว-ขาวนุ่ม นั้น เป็นอย่างไร ซึ่งยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนาจังหวัดร้อยเอ็ด คือการตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางในการผลิตข้าวหอมมะลิ เพราะทราบกันดีว่าข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุด อร่อยที่สุดต้องปลูกที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งอยู่ในเขต 5 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม, สุรินทร์, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ และยโสธร
"จังหวัดร้อยเอ็ดมีพื้นที่มากที่สุดร้อยละ 46.8 กว่า 986,000 ไร่ ดังนั้นจึงเสมือนเป็นศูนย์กลาง และยังผลิตข้าวคุณภาพดีมีรางวัลการันตีชนะเลิศระดับโลก 2 ปีซ้อน"
ส่วนในเชิงยุทธศาสตร์นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ทางจังหวัดจึงมีความพยายามในการเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิให้มากขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 หรือให้มากกว่าปัจจุบันที่เกษตรกรทำได้ 442 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องสภาพพื้นที่ ทั้งน้ำ อากาศ แสงแดด ทำให้การปลูกข้าวหอมมะลิได้เพียงปีละครั้ง ผลผลิตต่อปีจึงได้น้อย และหากขายผลผลิตเกษตรกรก็จะได้ราคาตามตลาด รายได้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตและปัจจัยทางธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องเกิดการแปรรูป ใช้นวัตกรรมนำการผลิต
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวถึงแนวคิดในการจัดงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19 คือ "การตลาดและนวัตกรรมนำการผลิต" เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของจังหวัดร้อยเอ็ดในการเป็นเมืองหลวงข้าวหอมมะลิโลก และยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยนวัตกรรมในการลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตด้วยการแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งอาหารและเวชสำอาง อันจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดร้อยเอ็ดมั่นคงยิ่งขึ้น
ด้าน นายสมเกียรติ ชัยคณารักษ์กูล ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ในรอบการผลิตที่ผ่านมา พบว่าตลาดข้าวหอมมะลิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท มีพื้นที่ปลูกประมาณ 26 ล้านไร่ ได้ผลผลิต 9-10 ล้านตันต่อปี คาดว่าในปีนี้ตลาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ทุกๆ ฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันยกระดับผลผลิตข้าวหอมมะลิให้มีมูลค่าสูงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต
"อย่างการนำข้าวหอมมะลิเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดร้อยเอ็ดก็มีโครงการพัฒนาคุณภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพสูงครบวงจร จนเกิดผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวหอมมะลิแล้วถึง 10 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน อาทิ พาวเวอร์ บาร์, แป้งเค้กกึ่งสำเร็จรูป, ไรซ์แครกเกอร์, เครื่องดื่มจากใบข้าว เป็นต้น"
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า เราต้องยกระดับข้าวหอมมะลิ จากผลผลิตชุมชน สร้างให้เป็นไลฟ์ สไตล์ โปรดักท์ (Lifestyle Products) โดยการนำเทคโนโลยีมาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตของเราอย่างมหาศาล เราขอไม่มาก แค่ 2 เท่าของมูลค่าตลาดปัจจุบันก็พอ
นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะต้องปรับกระบวนการทางการตลาดข้าวหอมมะลิใหม่ ต้องเป็นการตลาดสมัยใหม่ที่เพิ่มกำลังต่อรองให้กับเกษตรกรโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางอีก แบบ Farm to Customer หรือจากท้องทุ่งสู่ห้องครัวโดยตรง
ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19 ประกอบด้วยการเสวนาวิชาการ การเจรจาการค้าและลงนามบันทึกข้อตกลง การประกวดแข่งขัน แสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกล มีการสาธิตและฝึกอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงของศิลปินคืนถิ่น
ภายในงานจัดให้มีการแสดงสินค้าและนิทรรศการ Rice Expo 2018 โดยองค์กรภาคเอกชน เพื่อยกระดับการจัดงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกด้วย ความพิเศษในปีนี้ Alibaba (อาลีบาบา) เว็บไซต์ขายส่งออนไลน์มาร่วมออกบูธในงานด้วย สอดรับกับการสร้างสถานีการค้า 101 ร่วมกับศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และการท่องเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นโครงการนำร่องจุดกึ่งกลางของภาคอีสานในการส่งออกข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้ โดยคาดว่าตลอดทั้ง 3 วันของงาน จะมีมูลค่าทางธุรกิจมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท