- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- กสทช.ออกแถลงไม่ถอนฟ้อง “เดือนเด่น-ณัฎฐา” ท้าสู้ในศาล
กสทช.ออกแถลงไม่ถอนฟ้อง “เดือนเด่น-ณัฎฐา” ท้าสู้ในศาล
กสทช.ออกแถลงไม่ถอนฟ้อง “เดือนเด่น-ณัฎฐา” คดีหมิ่น ยันถูกบิดเบือนใส่ความทำให้เสียหาย กล่าวหาขยายคืนคลื่น 1800 ทำให้ชาติสูญ 1.6 แสนล้าน ท้าพิสูจน์ความจริงในศาล ยันต้องปกป้องศักดิ์ศรี-เกียรติภูมิ
เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) www.nbtc.go.th ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 4 คน และสำนักงาน กสทช.โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.เป็นโจทกยื่นฟ้อง ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ น.ส.ณัฎฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในคดีหมิ่นประมาท จากกรณี ดร.เดือนเด่นไปออกรายการที่นี่ประเทศไทย ที่มี น.ส.ณัฎฐาเป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2556 และพูดถึงความเสียหายที่เกิดจากมาตรการขยายเวลาคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของ กทค. ว่า กสทช.ขอชี้แจงว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของ กทค.ทั้ง 4 และสำนักงาน กสทช.ที่ถูกละเมิดสิทธิ มิใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อคุกคามนักวิชาการหรือสื่อมวลชนอย่างที่มีคนพยายามเอาไปบิดเบือนความจริง เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ กสทช.ยังสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ใช่เอาข้อมูลที่ไม่จริงหรือบิดเบือนมานำเสนอก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
“การฟ้องคดีนี้แท้จริงแล้วจะส่งผลเป็นการปกป้องสื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำลายองค์กรใดๆ นอกจากนี้ยังทำให้เป็นการยกระดับมาตรฐานทางวิชาการของสถาบันวิจัยให้มีมากขึ้น ตลอดจนจะช่วยให้สื่อต้องตรวจสอบความถูกต้องให้รอบคอบและนำเสนอข้อมูลให้รอบด้านโดยไม่เลือกนำเสนอเฉพาะในบางแง่บางมุม ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย” เอกสารดังกล่าวระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
“แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้” เอกสารดังกล่าวระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฎฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น.
อ่านประกอบ
“ณัฏฐา โกมลวาทิน” ตอบโจทย์ สื่อไทย ในวันถูก "กสทช.” ฟ้องหมิ่น
องค์กรสื่อ-ทีดีอาร์ไอ-ไทยพีบีเอส จี้ กสทช.ถอนฟ้อง “เดือนเด่น-ณัฎฐา”